อาหารไทยยอดนิยมอย่าง “ข้าวราดแกง” ที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน พะแนง ต้มยำ ผัดพริกแกง คั่วกลิ้งฯลฯ ทุกวันนี้ถูกนำเสนอรูปแบบใหม่เป็นลักษณะข้าวปั้นลูกกลมๆ นำไป “ทอด” ให้ความอร่อยที่แตกต่าง แถมยังเพิ่มความสะดวกสบายพกพาไปกินได้ทุกที เหมาะกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ นับเป็นอีกตัวอย่างของการต่อยอดเพิ่มมูลค่าอาหารไทย และที่สำคัญได้สร้างโอกาสแก่ผู้กำลังมองหาช่องทางอาชีพ
หนึ่งในตัวอย่างชัดเจน คือ แบรนด์ ข้าวแกงทอด “คุณตุ้ย” ของสาวคนขยันอย่าง “อภิญญา จึงถาวรสถิต” อดีตมนุษย์เงินเดือน
สาวเจ้าของชื่อเล่นตุ้ย เล่าว่า ช่วงที่กำลังมองหาช่องทางอาชีพ ได้พบข้อมูลนวัตกรรม “ข้าวแกงทอดกึ่งสำเร็จรูป” ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของ “อาจารย์เพลินใจ ตังคณะกุล” นักวิจัยของสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งคิดค้นการแปรรูปข้าวแกงดังกล่าวขึ้น โดยได้รับรางวัลชนะเลิศ Rice Innovation Award ปีพ.ศ.2550 ในงานวันนวัตกรรมแห่งชาติ
“จากที่ดิฉันเห็นนวัตกรรมข้าวแกงทอดกึ่งสำเร็จรูป ทำให้เกิดความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นแนวทางทำให้ข้าวแกงกินได้ง่ายขึ้น เหมือนอาหารฟาสต์ฟู้ด เลยพยายามหาวิธีทำ และโชคดีได้ไปเจอป้าอู๊ด(ดวงจันทร์ หงสะมัต) ซึ่งท่านได้นำผลงานวิจัยข้าวแกงทอดมาทำและเปิดขายที่ จ.นครปฐม เลยขอสมัครเป็นลูกศิษย์ ซึ่งป้าอู๊ดก็กรุณาถ่ายทอดวิชาให้ไปประกอบอาชีพ” อภิญญา เล่าและอธิบายต่อว่า
วิธีการทำข้าวแกงทอดไม่ได้ยากซับซ้อนแต่อย่างใด ใช้วัตถุหลัก ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียวที่หุงสุกแล้ว มาผัดรวมกับเครื่องแกงชนิดต่างๆ แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลม จากนั้นชุบด้วยแป้งและเกร็ดขนมปัง แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส
คุณตุ้ยเล่าว่า ใช้เงินทุนไม่กี่พันบาททดลองทำข้าวแกงทอด ขายตามตลาดนัดทั่วไป ลักษณะเด่นจะกรอบนอกนุ่มใน วันแรกทำมา 300 ลูก ขายได้กำไรประมาณ 1,000 บาท ทำให้เกิดกำลังใจที่จะยึดขายเป็นอาชีพจริงจัง จากนั้น ขยายตลาดให้กว้างขึ้น ด้วยการเพิ่มกำลังทำและตระเวนออกบูทตามงานแสดงสินค้าต่างๆ ซึ่งได้รับความนิยม และรู้จักมากขึ้นตามลำดับ
สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์ “ข้าวแกงทอด คุณตุ้ย” โดดเด่นกว่าเจ้าอื่นๆ มาจากการคิดค้นรสชาติต่างๆ หลากหลายมากที่สุดในท้องตลาด นับถึงปัจจุบันกว่า 40 เมนู ตั้งแต่เมนูอาหารไทยแท้ๆ เช่น แกงเขียวหวานไก่ พะแนงไก่ ไก่คั่วกลิ้ง หมูผัดพริกแกง น้ำพริกปลาทู กะเพราหมู ต้มยำกุ้ง ผัดผงกะหรี่ หมูกระเทียม และลาบหมู ฯลฯ นอกจากนั้น เพิ่มเติมรสชาติตามกระแสนิยม เช่น ข้าวผัดกิมจิ แกงกะหรี่เกาหลี หมูบลูโกกิ หมูเกาหลี ข้าวยำเกาหลี ฯลฯ อีกทั้ง ทำรสชาติตอบความต้องการกลุ่มผู้กินมังสวิรัติด้วย เช่น เขียวหวานเจ ผักเผ็ดเจ เป็นต้น
“ตอนแรกมีไม่กี่รสชาติ จากนั้น เราก็คิดพัฒนาให้รสชาติเกิดความหลากหลาย เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกมากยิ่งขึ้น ซึ่งในความเป็นจริง อาหารทุกชนิดสามารถนำมาทำข้าวแกงทอดได้ทั้งหมด หัวใจสำคัญอยู่ที่การดึงรสชาติเด่นของเมนูนั้นๆ ให้ออกมาชัดเจนที่สุดให้ได้ อย่างเช่นรสผัดกะเพราก็ต้องมีกลิ่นกะเพราเป็นตัวนำ หรือรสต้มยำเวลากินไปแล้วก็ต้องได้รสเปรี้ยวหอมมะนาว ซึ่งสูตรต่างๆ ดิฉันจะคิดค้นขึ้นเอง แต่ละรสชาติใช้วิธีทำแตกต่างกันไป บางตัวอาจจะใส่วัตถุของสด ส่วนบางตัวอาจต้องทำเป็นลักษณะผง เพื่อปรุงรส” คุณตุ้ย เผยเคล็ดลับที่มาของสูตรต่างๆ
ช่องทางตลาดในปัจจุบัน คุณตุ้ยอธิบายว่า มีทั้งขายปลีกด้วยตัวเองตามงานแสดงสินค้าต่างๆ ควบคู่กับขายส่งให้แก่ผู้สนใจรับซื้อสินค้าไปขายต่อ รวมถึงขายส่งให้ตามร้านอาหารต่างๆ โดยจะแช่แข็งกึ่งสำเร็จรูปบรรจุใส่กล่องโฟมส่งไปทางไปรษณีย์ อายุเก็บรักษาในช่องเย็นอยู่ได้นาน 3 เดือน ส่วนในช่องแช่แข็งนาน 6 เดือน ผู้ที่ซื้อไปขายต่อ เพียงแค่นำไปทอดอุ่นร้อนเท่านั้น
ทั้งนี้ ราคาส่งอยู่ที่ลูกละ 3.5 บาท ผู้ขายสามารถนำไปขายปลีกต่อได้ในราคาลูกละประมาณ 8 บาท หรือมีกำไรยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าเช่าที่ ค่าแก๊ส ฯลฯ ประมาณลูกละ 4.5 บาท (ราคาขายปลีกอาจจะบวกลบขึ้นลงได้แล้วแต่ความเหมาะสมของทำเล)ปัจจุบันมีตัวแทนขายอยู่ทั่วประเทศ ประมาณ 30 จุด
คุณตุ้ย เพิ่มเติมว่า กำลังผลิตขณะนี้ประมาณวันละ 3,000-4,000 ลูกต่อวัน ซึ่งตลาดตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตเร็วๆ นี้ จะปรับกระบวนการผลิตเน้นเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากทอดด้วย“น้ำมันปาล์ม” มาใช้ “น้ำมันรำข้าว”แทน แม้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าจะช่วยขยายลูกค้ากลุ่มรักสุขภาพมากขึ้น ควบคู่กับไม่หยุดพัฒนารสชาติใหม่ๆ ให้เป็นทางเลือกของลูกค้ามากขึ้นไปอีก
ตัวอย่างวิธีการทำ “ข้าวแกงทอด” รสหมูผัดกะเพรา สูตรคุณตุ้ย ได้แก่ |
1.นำข้าวหอมมะลิขนาด 5 ถ้วย มาหุงผสมกับข้าวเหนียว 1 ถ้วย แล้วหุงตามปกติ 2.ขณะเดียวกัน ทำหมูผัดใบกะเพรา เหมือนปกติทั่วไป 3.จากนั้นนำข้าวที่หุงเสร็จมาคลุกกับหมูผัดใบกะเพราให้เข้ากันจนทั่ว 4.นำข้าวที่คลุกกันดีแล้วมาใส่แม่พิมพ์ 5.ดึงออกจากแม่พิมพ์ จากนั้นชุบด้วยแป้งและเกร็ดขนมปัง 6.แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที นำขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน นำไปกินได้ทันที 7.หรือกรณีต้องการเก็บไว้ หลังจากเย็นแล้ว ให้ใส่ในช่องแช่แข็ง จะเก็บไว้ได้นานถึง 6 เดือน เมื่อจะกินเพียงแค่ทอดอุ่นอีกครั้งเท่านั้น |
โทร.0-2702-3100 , 08-1697-2561 , 08-7051-3828 หรือ www.khuntui-kkt.com
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *