กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งพัฒนาศักยภาพสมาคมการค้าไทยให้มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างเครือข่ายความเชื่อมโยงระหว่างสมาคมการค้าต่างๆ และเป็นแกนนำให้แก่ภาคธุรกิจไทยรายสาขาเข้าสู่การแข่งขันในโลกการค้าเสรี โดยเฉพาะตลาด AEC
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า สมาคมการค้าเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 ซึ่งเป็นกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์รวมของภาคธุรกิจรายสาขา และเป็นแกนหลักในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สมาชิก ปัจจุบันมีสมาคมการค้าจำนวน 2,996 สมาคม กระจายตัวอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศและครอบคลุมทุกสาขาธุรกิจ
หากสมาคมการค้ามีความเข้มแข็งจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ส่งเสริมบทบาทและสนับสนุนภารกิจของสมาคมการค้าเพื่อพัฒนาธุรกิจไทยให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการในหลายกระบวนการ ได้แก่ พัฒนาด้านการบริหารจัดการสมาคมให้มีประสิทธิภาพ ผลักดันให้มีการจัดทำและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ธุรกิจของสมาคมการค้าเพื่อเป็นต้นแบบและทิศทางในการพัฒนาภาคธุรกิจรายสาขาและสมาชิกของสมาคม รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายสมาคมการค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ภาคธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“การเปิดการค้าเสรีต่างๆ โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของการประกอบธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ภาคธุรกิจไทยจะต้องเร่งปรับตัวรองรับการแข่งขันและแสวงหาโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ได้สูงสุด โดยจะต้องร่วมมือเป็นภาคีพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพโดยรวมในระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ธุรกิจไทยจึงจะเข้มแข็งและยืนหยัดอยู่ได้ ซึ่งสมาคมการค้าในฐานะตัวแทนภาคธุรกิจแต่ละสาขาจะต้องเป็นผู้นำให้แก่สมาชิกในการสร้างความร่วมมือกับสมาคมการค้า หรือองค์กรทางการค้าที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับประเทศและเชื่อมโยงกับสมาคมการค้าต่างประเทศเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจไทยจากภายในสู่ภายนอก เชื่อมตลาดไทยสู่ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน"
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงขอเชิญชวนสมาคมการค้าเข้าร่วมการพัฒนากับกรมฯ และร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจไทย วันนี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่จะเกิดความร่วมมือระหว่างสมาคมขนส่งสินค้าและ โลจิสติกส์ไทย กับ สมาคมผู้จัดพิมพ์และ ผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ในโครงการศูนย์กระจายหนังสือสู่ภูมิภาคนับเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่ เป็นรูปธรรม และเป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนาสมาคมการค้า ซึ่งสมาคมขนส่งสินค้าและ โลจิสติกส์ไทย ได้เข้าร่วมการพัฒนากับกรมฯ อย่างครบวงจร โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ อย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่มาของความร่วมมือดังกล่าว การลงนามบันทึกความตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง 2 สมาคม ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะขยายผลการเชื่อมโยงไปยังสมาคมการค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป”
ทั้งนี้ โครงการศูนย์กระจายหนังสือสู่ภูมิภาค (Book Logistic) มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบเครือข่าย การขนส่งและกระจายสินค้าไปยังร้านหนังสือทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะสร้างศูนย์รวบรวมสินค้ากลางที่มีการบริหารจัดการแบบครบวงจร ตั้งแต่การรับหนังสือจากสำนักพิมพ์ต่างๆ นำมารวบรวม คัดแยก บรรจุหีบห่อ และกระจายให้ร้านหนังสือทั่วประเทศ รวมถึงระบบการรับคืนสินค้าด้วย โครงการนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกระบวนการกระจายสินค้าหนังสือทั้งระบบ ได้แก่ 1) ลดต้นทุนค่าขนส่งจากร้อยละ 3-7 เหลือร้อยละ 1.65 ของมูลค่าหนังสือ 2) เพิ่มความรวดเร็วในการขนส่งเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย 3) ลดพื้นที่คลังสินค้าและภาระงานที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของสำนักพิมพ์ เช่น การคัดแยก หีบห่อ จัดส่งสินค้า เป็นต้น
สอบถาม สำนักพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจ โทร. 0-2547 5970-1
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *