xs
xsm
sm
md
lg

“HoneyBall” แฟรนไชส์วาฟเฟิลน้องใหม่ ต้นตำรับสูตรฮ่องกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“นายณัฐพงษ์ วิรุฬห์ธานี” และ “นางสาวพัชริน พันธกุล” เจ้าของแฟรนไชส์
ขนมวาฟเฟิลฮ่องกง หรือวาฟเฟิลรังผึ้ง เป็นสิ่งใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจในกลุ่มของคนที่ชื่นชอบขนมนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันผู้สนใจทำขนมวาฟเฟิลฮ่องกงที่เป็นแบบต้นตำรับมีอยู่เพียงไม่กี่ราย และหนึ่งในนั้นคือ วาฟเฟิลรังผึ้ง Honey Ball ของ “นายณัฐพงษ์ วิรุฬห์ธานี” และ “นางสาวพัชริน พันธกุล” แฟนสาว ที่ได้ร่วมกันพัฒนาให้เหมาะต่อความต้องการของลูกค้าคนไทย
รูปแบบของคีออสก์
ณัฐพงษ์เล่าถึงที่มาของวาฟเฟิลรังผึ้งของตนเองว่า มาจากได้มีโอกาสไปฮ่องกง และได้ไปลองขนมวาฟเฟิลฮ่องกงและรู้สึกได้ว่ามันน่าจะขายในเมืองไทยได้เพราะคนไทยชอบขนมแบบนี้ และที่สำคัญในเมืองไทย ก็ยังไม่มีใครทำขนมลักษณะนี้ออกมาจำหน่าย และที่สำคัญกลิ่นขนมที่หอมมาก น่าจะสร้างแรงจูงใจให้คนทั่วไปได้เข้ามาลองชิม เหมือนกับตนเองที่เข้ามาชิมเพราะกลิ่นขนมที่หอม และพอได้ชิมก็ติดใจ เลยตัดสินใจว่าน่าจะลองทำขนมแบบนี้ขายในประเทศไทย
วาฟเฟิลที่ได้จะออกมาคล้ายรังผึ้ง
หลังจากนั้นตัดสินใจไปเรียนเพิ่มและอาศัยถามข้อมูลเกี่ยวกับขนมจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่รู้จัก ก่อนจะนำมาปรับและประยุกต์รสชาติให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น เพราะวาฟเฟิลฮ่องกงจะมีรสชาติที่หวานมาก โดยเราจะลดความหวานให้พอดีและเพิ่มของปรุงแต่งอื่นๆ ที่สามารถหาได้ในประเทศไทย และรู้สึกว่าคนไทยน่าจะชอบใส่เพิ่มเข้าไป เช่น แฮม ปูอัด อัลมอนด์ ลูกเกด ข้าวโพด เป็นต้น ทำให้สามารถรับประทานได้ทั้งในรูปแบบของอาหารคาว และขนมหวาน

ในส่วนของการทำการตลาดนั้น ในช่วงเริ่มต้นระหว่างทางมีอุปสรรคให้เราต้องเข้าไปแก้ไขตลอดเวลา เรียกได้ว่าตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาเราต้องเรียนผูก และเรียนแก้ตลอดในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ ช่องทางการขาย กว่าจะได้มาเป็น HoneyBall Waffle ซึ่งรวมระยะเวลาจนมาเป็นแฟรนไชส์ถึงวันนี้ประมาณ 6 เดือน”
เตาปิ้งวาฟเฟิล
ทั้งนี้ ที่เลือกเปิดช่องทางการขายผ่านแฟรนไชส์ทั้งที่ทำมาไม่นานเพราะธุรกิจแฟรนไชส์เป็นช่องทางทางธุรกิจที่ทำให้สินค้าเติบโตเร็วและมีคนรู้จักในเวลาอันรวดเร็วกว่าการขยายสาขาด้วยตัวเอง และสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เราอยากช่วยคนที่คิดอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้มีทางเลือกใหม่ โดยเฉพาะคนที่มีงบไม่มากนัก เนื่องจากราคาแฟรนไชส์ของเราไม่แพง อยู่ในระดับที่คนทั่วไปน่าจะลงทุนได้ โดยไม่ต้องมีความเสี่ยงสูง

โดยรูปแบบของแฟรนไชส์มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ kiosk พร้อมอุปกรณ์ครบชุดพร้อมเปิดร้าน ราคา 48,000 บาท และแบบไม่มี kiosk คือใช้โต๊ะยาวขนาด 1.5 เมตร พร้อมอุปกรณ์ครบชุด และป้ายไวนีล+ธงญี่ปุ่น ราคา 22,000 บาท หลังจากเปิดตัวแฟรนไชส์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยได้มีการแนะนำแฟรนไชส์ และขนมผ่านการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆ ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองทองธานี หรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ปัจจุบันมีสาขาแฟรนไชส์ที่เปิดแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ที่ตลาดไนท์บ้านเกาะ จังหวัดนครราชสีมา, ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี และที่บิ๊กซี รัชดา เซ็นทรัล จังหวัดลำปาง ทั้งสองแห่งหลังอยู่ระหว่างการเจรจา

ณัฐพงษ์เล่าถึงความสำเร็จของการทำธุรกิจครั้งนี้ว่า ผมรู้สึกภาคภูมิใจ แม้จะเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น แต่ผมก็มองว่ามันประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะจากคนที่ทำขนมไม่เป็นเลย แต่สามารถทำขนมออกมาขาย และคนส่วนใหญ่ก็ชมว่าอร่อย และชื่นชอบแค่นี้เราก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือคือ เราจะทำอย่างไรให้ทุกคนได้ชิมขนมของเรา นั่นคือ เราก็ต้องมีสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มองไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้เราจะต้องมีให้ได้ถึง 15 สาขา และต้องทำให้ทุกสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ของเราประสบความสำเร็จให้ได้

สำหรับลูกค้าที่ซื้อแฟรนไชส์ ตั้งเป้าไว้ว่าน่าจะต้องคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยวัดจากยอดขายของร้านต้นแบบที่ขายได้วันละ 200 ชิ้น กำไรต่อชิ้น 14 บาท จากราคาขายหน้าร้านชิ้นละ 39 บาท (1-2 ไส้) และชิ้นละ 45 บาท (3-4 ไส้) ซึ่งลูกค้าที่ซื้อแฟรนไชส์ต้องมารับอุปกรณ์เอง แต่ถ้าให้เราจัดส่งให้จะคิดค่าบริการตามระยะทาง ลูกค้าจะต้องเดินทางมาเรียนวิธีการทำด้วยตัวเอง สิ่งที่ลูกค้าจะต้องซื้อจากเราคือ แป้งที่ทำสำเร็จรูป ขายเป็นชิ้น โดยลูกค้าต้องสั่งครั้งละ 100 ชิ้นขึ้นไปถึงจะจัดส่งให้

โทร. 09-1424-4454, 08-0596-9204 Facebook : Honey Ball Waffle

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น