กระทรวงการคลังจับมือเอสเอ็มอีแบงก์, ธ.ก.ส. และ บสย. เปิดโครงการ “15 บาท ก็ทานได้” เมนูข้าวราดแกง อาหารจานเดียว หวังลดค่าครองชีพประชาชนยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู นำร่อง 300 ร้านค้าทั่วกรุง พ่วงปริมณฑล ตั้งเป้าผู้ประกอบการ 500 รายเข้าร่วม
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะเป็นประธานเปิดตัวโครงการ “15 บาท ก็ทานได้” เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยกระทรวงการคลัง เพื่อต้องการแบ่งเบาค่าครองชีพและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน โดยเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงอาหารราคาถูก และมีคุณภาพดี รวมถึงยังเป็นการช่วยสนับสนุนให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ให้สามารถกู้เงินทุนหมุนเวียนได้ตามระบบธนาคารง่ายขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการสานต่อแนวคิดโครงการ “15 บาท ก็ทานได้” ทางกระทรวงการคลังจึงได้ร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีแบงก์, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยให้ ธ.ก.ส.จัดหาข้าวสาร 5% บรรจุถึง 5 กก. จำหน่ายในราคาถุงละ 70 บาท ขณะที่ก๊าซหุงต้มได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงานมอบบัตรเป็นกรณีพิเศษเพื่อสั่งซื้อแก๊สได้ในราคา 289 บาท/ถัง และในส่วนภาคเอกชนก็ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท มรกต อินดัสตรี้ส์ จำกัด (มหาชน) จัดจำหน่ายน้ำมันพืชมรกต ในราคา 33 บาท/ขวด ซึ่งราคาเหล่านี้ถือว่าเป็นราคาต้นทุนจากผู้ผลิตส่งถึงมือผู้ประกอบการโดยตรง
นายวัลลภ เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า โครงการนี้เกิดมาจากการมองสินค้าเกษตรของไทยที่มีราคาถูก แต่เมื่อนำมาแปรรูปเป็นอาหารสำเร็จรูปขายตามท้องตลาดกลับมีราคาแพง ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อราคาอาหารที่แพงนั้นมาจากราคาก๊าซหุงต้ม ข้าวสาร น้ำมันพืช และสินค้าเกษตร ดังนั้นหากทำให้ราคาเหล่านี้ลดลงมาได้ก็จะทำให้ราคาอาหารถูกลงตามไปด้วย สุดท้ายกลายเป็นที่มาของโครงการดังกล่าว
นายฐานิศร์ สุทธสุวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวเสริมว่า อาหารที่ประชาชนบริโภคอยู่ทุกวันนั้นวัตถุดิบหลักคือ ข้าว ซึ่งโครงการนี้ทาง ธ.ก.ส.ได้สั่งซื้อข้าวจากชาวนา จ.สุพรรณบุรี เป็นข้าวขาว 5% ในราคา 5 กก.เพียง 70 บาทเท่านั้น โดยขายให้แก่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมโครงการนี้ ล่าสุดมีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วกว่า 300 ราย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งเป้า 500 ราย หากผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. และเอสเอ็มอีแบงก์ทุกสาขา เบื้องต้นนำร่องพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน
ส่วนนายกันตพล แก้วมณี ผู้อำนวยการอาวุโสปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบสายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และผู้ประกอบการ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของเอสเอ็มอีแบงก์ ถือเป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนระดับปลายน้ำ เพราะหากผู้ประกอบการประสบความสำเร็จในธุรกิจ และต้องการขยายกิจการ ทางเอสเอ็มอีแบงก์ก็พร้อมให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม โครงการ “15 บาท ก็ทานได้” ได้เพิ่มช่องทางทำความเข้าใจให้แก่ร้านค้า โดยจัดทำระบบคอลเซ็นเตอร์ 1490 กด 3 เพื่ออำนวยความสะดวกในการสอบถามวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการ หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ เช่น วิธีการสั่งซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช และก๊าซหุงต้ม รวมถึงรับข้อเสนอแนะต่างๆ ของโครงการ เพื่อประสานงานผู้เกี่ยวข้องในขั้นตอนต่อไป
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *
