มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยเงินสะพัดช่วงลอยกระทงเพิ่ม 5.6% จากราคาสินค้าปรับตัวสูง คาดกรุงเทพฯ อาจคึกคักน้อยลงจากสถานการณ์การเมือง ส่วนต่างจังหวัดไม่กระทบจับจ่ายเท่าเดิม คาดมีมูลค่าใช้จ่ายรวม 10,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เนื่องจากราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันลอยกระทงประจำปี 2556 พบว่ากลุ่มตัวอย่างวางแผนการใช้จ่ายในช่วงวันลอยกระทงเฉลี่ยคนละ 1,539 บาท ขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายรวมของคนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ 3,851 ล้านบาท และมูลค่าการใช้จ่ายรวมของคนในต่างจังหวัดอยู่ที่ 7,025 ล้านบาท ส่งผลให้เทศกาลลอยกระทงปีนี้มีเม็ดเงินสะพัดรวม 10,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ สถานการณ์ลอยกระทงปีนี้มีความคึกคักระดับปกติ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดจะคึกคักค่อนข้างมาก ส่วนในกรุงเทพฯ บรรยากาศจะคึกคักน้อยลงกว่าปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจยังซึม มีปัญหาการชุมนุมทางการเมืองและอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ถวายสมเด็จพระสังฆราช ปัจจัยเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองมีผลต่อบรรยากาศลอยกระทงค่อนข้างน้อย หรือแทบจะไม่มีผลกระทบ แต่สิ่งที่ผู้บริโภคมีความกังวลมาก คือ ปัญหาสินค้าแพง ส่งผลให้ต้องระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยประชาชนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจมากกว่าปัญหาทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ประชาชนมองว่ารัฐบาลควรถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอย่างเป็นรูปธรรมไม่ให้มีโอกาสกลับเข้าสู่สภาฯ ได้อีก ควรให้โอกาสประชาชนทุกกลุ่มแสดงออกทางการเมืองได้อย่างเสรีภายใต้ระบอบประชาธิปไตย และรัฐบาลไม่ควรใช้กำลังสลายการชุมนุม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงในช่วงปลายปีนี้ แต่ยังเชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะอยู่ที่ร้อยละ 3.3-3.5 ส่วนปี 2557 น่าจะเติบโตร้อยละ 5 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ส่วนสิ่งที่ต้องจับตาคือ หากการเมืองร้อนแรงและเกิดการเปลี่ยนแปลงกรณีนายกรัฐมนตรีประกาศลาออก โดยรวมยังมองว่าพรรคที่เสียงเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นพรรคเพื่อไทยที่จะสรรหาตัวบุคคลเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่และจัดตั้งรัฐบาล แต่หากประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยรวมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังมีคะแนนเสียงและเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องรอดูว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างไร โดยรวมมองว่าแม้มีปัญหาการเมืองและอาจจะยาวถึงปีหน้าเศรษฐกิจไทยก็จะเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 5
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *