ในยุคนี้ ถ้าเอ่ยถึงเรื่องราวของกาแฟโบราณ ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงก็คือกาแฟถุง เพราะในอดีตถ้วยแก้วพลาสติกยังไม่มี ดังนั้นกาแฟโบราณก็จะใส่ถุงเป็นหลัก แต่สำหรับกาแฟโบราณที่นำเสนอในวันนี้ มีความพิเศษที่หลายคนไม่อาจมองข้ามได้ เพราะด้วยเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 ปี ร้านกาแฟถุงแห่งนี้สามารถขยายกิจการได้มากถึง 40 สาขา
หลายคนคงสงสัยว่า กาแฟโบราณที่กล่าวถึงในครั้งนี้มีความพิเศษอย่างไร ทำไมถึงขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว คำตอบก็คือ แพกเกจจิ้งถุงสีน้ำตาลนี่เอง ทั้งนี้ เจ้าของร้านได้ไล่เรียงความพิเศษถุงกระดาษสีน้ำตาลที่เสริมยอดขายกาแฟโบราณให้ฟังได้ดังนี้ ประการแรกคือ ถุงกระดาษสีน้ำตาลช่วยให้กาแฟเย็นในถุงละลายช้าลงประมาณ 6 ชั่วโมง ตามคำบอกกล่าวของเจ้าของร้าน และถุงสีน้ำตาลมีความคลาสสิก บ่งบอกความเป็นโบราณได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันไม่ใช้ถุงกระดาษสีน้ำตาลกันแล้ว และเจ้าของร้านบ่งบอกความพิเศษของกาแฟถุงสีน้ำตาลของเขาว่าช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กาแฟโบราณข้างถนนของเธอดูดีขึ้นจากแพกเกจจิ้งถุงสีน้ำตาลใบนี้
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นไอเดีย ที่มีต้นกำเนิดมาจากร้านกาแฟโบราณแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี และได้ขยายเข้ามาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยฝีมือของเธอผู้นี้ “เพ็ญศิริ ม่วงงาม” เจ้าของแฟรนไชส์กาแฟโบราณ “โอ้โฮโบราณจัง” ที่มาของชื่อเกิดจากเจ้าของต้องการสื่อให้เห็นว่า กาแฟของเธอ เมื่อคนที่ได้เห็นจะต้องร้อง โอ้โฮ ในความใหญ่ของถุงกาแฟ ซึ่งใช้ถุงขนาด 6x14 และใส่น้ำแข็ง กาแฟเต็ม และมัดปากถุงใส่ลงในถุงกระดาษสีน้ำตาลที่มีโลโก้ของทางร้าน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ และสวมทับด้วยถุงหูหิ้วอีกครั้งหนึ่ง สำหรับราคาขายอยู่ที่ถุงละ 25 บาท และ 30 บาท กรณีที่ลูกค้าต้องการให้ผสมหลายๆ รสชาติ เช่น กาแฟ ชา เป็นต้น
เพ็ญศิริเล่าว่า ที่มาของกาแฟโอ้โฮ มาจากตนเองเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี และมีลุงคนหนึ่งคั่วกาแฟออกมาได้คุณภาพดี และที่สำคัญลุงมีสูตรชงกาแฟโบราณ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนในชุมชนมานานหลายสิบปี และพอได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ก็เลยตัดสินใจซื้อกาแฟ พร้อมสูตรการชงกาแฟโบราณของลุงมาเปิดขายอยู่ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และด้วยความที่เราต้องการจะทำกาแฟโบราณของเราให้ไม่เหมือนใคร ลองคิดอยู่หลายวิธี และเห็นว่าถุงสีน้ำตาลที่ใช้ในอดีตน่าจะลองนำมาใช้เป็นแพกเกจจิ้ง สร้างความแตกต่างให้กาแฟโบราณโอโฮ้ของเรามีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร
และสิ่งที่ได้ตามมาคือ ถุงกระดาษสีน้ำตาลช่วยเก็บความเย็น ทำให้กาแฟโบราณของเราละลายช้า ซึ่งพอเปิดมาได้ระยะหนึ่งไม่กี่เดือนผลตอบรับออกมาดีมาก ยอดขายมากกว่า 200 ถุงต่อวัน และลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟของเราก็ต้องการให้เราสอนสูตรการชงกาแฟให้ เราก็เลยตัดสินใจเปิดสอนโดยไม่ได้คิดเรื่องของแฟรนไชส์ เพราะไม่เข้าใจระบบ คิดว่าแค่สอนสูตร และขายกาแฟคั่วเท่านั้น แต่ลูกค้าบางคนที่ชื่นชอบในแบรนด์ของเราก็นำแบรนด์ของเราไปใช้ ก็เลยเกิดเป็นแฟรนไชส์ แต่หลักคือเราสอนสูตรและขายกาแฟคั่ว
โดยคิดราคาค่าสอนสูตรอยู่ที่ 15,000 บาท ลูกค้าจะได้สูตรการชงกาแฟโบราณ และเครื่องดื่มอื่นๆ พร้อมกับได้กาแฟคั่ว ชาเขียว และชาแดง อย่างละ 4 กิโลกรัม ปัจจุบันมีผู้สนใจนำสูตรกาแฟ และเปิดร้านแฟรนไชส์ โอโฮ้ มากกว่า 40 สาขา ซึ่งบางสาขาเขาก็ไปตั้งชื่อของตัวเอง แต่หลักใช้วัตถุดิบของเรา และมีสัญลักษณ์คือถุงสีน้ำตาลติดโลโก้
เพ็ญศิริเล่าว่า เปิดร้านกาแฟโบราณนี้ได้ประมาณ 1 ปี ปัจจุบันขยายสาขาของตัวเอง 4 สาขา ยอดขายแตกต่างกันไปตามทำเล ยอดขายสูงสุดอยู่ที่วันละ 800-900 ถุงอยู่ที่ประตูน้ำ ส่วนแฟรนไชส์มีเปิดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ส่วนใหญ่เปิดในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวแบบย้อนยุค ตามชุมชน ซึ่งผลตอบแทนที่ได้สำหรับ กาแฟโบราณสูงกว่ากาแฟสด อยู่ที่ประมาณ 40% ในส่วนต้นทุนแพกเกจจิ้งถุงสีน้ำตาลอยู่ที่ใบละ 1.50 บาท แต่ถ้าสั่งเยอะต้นทุนก็จะถูกลงอีก
โทร. 08-1373-6708
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *