xs
xsm
sm
md
lg

กาแฟโบราณแม่ค้าใจพระ ชงถุงยักษ์จุใจขาย 15 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ใส่ถุงมัดปากเป็นเอกลักษณ์ของป้าสมัย
ในขณะที่เมืองไทย ต้องตกอยู่ในช่วงข้าวยาก หมากแพง คนกำลังจะตกงาน ขาดรายได้ จากเหตุน้ำท่วม แต่ไม่ใช่ว่า ทุกอย่างจะมืดมนไปเสียหมด เพราะยังมีแม่ค้าใจดี ยอมได้กำไรน้อย ขายสินค้าของราคาถูก อย่างร้านรถเข็นกาแฟโบราณเล็กๆ ของ “สมัย เกิดช้ำ” ซึ่งลูกค้ารู้จักกันดีในชื่อ “ป้าสมัย กาแฟถุงยักษ์”

ป้าสมัย เปิดร้านขายรถเข็นกาแฟโบราณมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว คนในย่านสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี รู้จักกันดี ด้วยจุดเด่นขายเครื่องดื่มถุงใหญ่มาก และหากใหญ่แค่ถุงคงไม่เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้ามากนัก แต่ที่แปลก และโดนใจอยู่ที่ราคาเพียงถุงละ 12 บาท ถึง 15 บาทเท่านั้น
ป้าสมัย เกิดช้ำ เจ้าของร้าน
หลายคนคงสงสัยว่าถุงใหญ่ขนาดเท่าใด แม่ค้าใจดี เฉลยว่า เจาะจงใช้ถุงพลาสติก ขนาด 7x11 นิ้ว ในขณะที่ร้านรถเข็นกาแฟโบราณเจ้าอื่นทั่วๆ ไป มักใช้ถุงพลาสติกขนาด 6X9 นิ้ว เรียกได้ว่า กาแฟป้าสมัย 1ถุง เท่ากับกาแฟร้านทั่วไป 2 ถุง หรือ 2 แก้ว เลยทีเดียว และที่สำคัญป้าใส่เต็มถุงขนาดที่เรียกว่า ต้องมัดที่ปลายปากถุงกันเลยทีเดียว

ถูกอย่างนี้ เชื่อได้ว่า น้อยรายที่จะกล้าขายเหมือนป้าสมัย

ใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้น คงจะงงกับจำนวนผู้คนที่มามุงซื้อกาแฟร้านนี้เป็นจำนวนมาก เรียกว่า ต้องโทร.สั่งจองกันก่อนล่วงหน้าเลยทีเดียว เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเข้าคิวรอนานๆ เพราะแค่ปริมาณอย่างเดียวคงจะมัดใจลูกค้าไม่ได้ ทว่า หัวใจสำคัญคือ เจ้าของรายนี้ใส่ใจกับคุณภาพ และรสชาติของเครื่องดื่มทุกแก้ว ที่ต้องเข้มข้น กลมกล่อม และอร่อยชื่นใจ คนที่มาซื้อครั้งแรก ต้องมีครั้งต่อๆไปมาอย่างแน่นอน และจากที่ได้ไปสังเกตจะพบ แทบจะไม่มีใครซื้อถุงเดียว ส่วนใหญ่มักซื้อ 2 ถุงขึ้นไปเกือบทั้งนั้น
กาแฟ ชา โบราณ ชงแบบแก้วต่อแก้ว
ป้าสมัย เล่าว่า วันหนึ่งขายได้ประมาณ 300 ถุงขึ้นไป โดยจะเปิดขายตั้งแต่ 7 โมงเช้าไปจนถึงเที่ยงคืน ชงกันแบบแก้วต่อแก้ว แต่ถ้าเป็นตอนเย็น ตอนค่ำ ลูกค้าเยอะมาก ชงหัวไว้ก่อน และค่อยมาผสมน้ำร้อน เพราะถ้าชงใหม่ที่ละแก้วเหมือนตอนกลางวันจะทำไม่ทัน

ส่วนสูตรต่างๆ ป้าแก่บอกว่า ไม่ได้ไปร่ำเรียนมาจากที่ไหน อาศัยครูพักลักจำเอา และลองผิดลองถูกเอาเอง ซึ่งจากประสบการณ์ที่สะสมมากกว่า 10 ปี ทำให้สามารถชงทุกแก้วได้รสชาติสม่ำเสมอเหมือนเดิมตลอด

“ที่ป้าขายถูก เพราะเห็นใจคนกิน สงสารเขา เห็นว่า ของอะไรก็แพงไปหมด ถ้าเรายังขายแพงอีกทุกคนก็คงจะไม่มีทางเลือก บางคนมีเงินก็ซื้อได้ และคนไม่มีเงิน ก็คงจะไม่ได้กิน ก็เลยไม่ขึ้นราคา แม้ว่า วัตถุดิบทุกอย่างจะปรับราคาขึ้น โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วม นมข้นหวาน ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในการชงก็ปรับราคาขึ้นมาจากกระป๋องละ 19 บาท เป็นกระป๋องละ 27 บาท ทำให้ป้าได้กำไรลดลง แต่ก็ไม่ยังยืนยันว่าจะไม่ปรับราคา เพราะเห็นใจคนกิน และหันมาเน้นขายปริมาณมากดีกว่า เพราะสุดท้ายถ้าขายได้มากก็ได้กำไรมากเอง แต่สำคัญทุกคนที่เป็นลูกค้าของป้าได้กิน” แม่ค้าใจดี ระบุ

สำหรับจากปัญหาราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะนมข้นหวานที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ป้าสมัยหันมาปรับสูตร โดยใช้ครีมผงเทียมแทน และใส่นมน้อยลงไป แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ได้ใส่นม ก็ขายในราคาถูกลงมา แค่ถุงละ 12 บาท ป้าสมัยบอกว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการปรับราคาเสียเลย แต่ปรับจะปรับทุกครั้งอย่างสมเหตุสมผล ไม่เอาเปรียบลูกค้า โดยราคาที่ขายตอนแรก ขายเพียงถุง ละ 10 บาท แต่เนื่องจากวัตถุดิบทุกอย่างปรับเพิ่มหมด ตามค่าครองชีพ  เลยปรับราคามาขาย 12 บาท และ 15 บาท อย่างในปัจจุบัน ราคาใหม่ ปรับมาหลายปีแล้ว
ลูกค้ารอคิวตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ ในส่วนของรายได้ต่อวัน ประมาณ 3,000 บาทถึง 5,000 บาท กำไรที่ได้ประมาณ 1,000 บาทถึง 1,500 บาท กำไรต่อถุงประมาณ 5 บาท ซึ่งน้อยกว่าร้านขายเครื่องดื่มทั่วไปที่กำไรต่อถุงประมาณ 10 บาทขึ้นไป โดยลูกค้าไม่ได้มีเฉพาะคนที่อยู่ในย่านนี้เท่านั้น ลูกค้าไกลๆ ก็มาซื้อเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มักมาจากการได้มีโอกาสทดลองชิม แล้วเกิดติดใจ จนกลายมาเป็นลูกค้าขาประจำ บางคนก็มาจากการบอกปากต่อปาก ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาตลอดทุกปี

“ทุกวันนี้ ทำกัน 2 คนกับลูกชายที่มาช่วยอีกแรง ก่อนหน้านี้ ป้าขายข้าวแกงด้วย ซึ่งก็ขายดีเช่นกัน แต่ขายข้าวแกงเหนื่อยมากต้องมีคนช่วยหลายคน จึงลองเปลี่ยนมาขายกาแฟ เพราะไม่ต้องเหนื่อย และเตรียมของไม่มากเหมือนขายแกง” ป้าสมัย เล่าเสริม

สำหรับเมนูเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่เหมือนกับร้านรถเข็นกาแฟโบราณทั่วไป แต่นอกจากกาแฟโบราณ มีเนสกาแฟเสริมด้วย สำหรับคนที่ชื่นชอบกาแฟชงสำเร็จรูป ส่วนเมนูที่ขายดีมากที่สุด ต้องยกให้กับ “ชานมเย็น” เพราะป้าจะเปลี่ยนผงชาบ่อยๆ ทำให้ได้รสชาติเข้มข้น ต่างจากเจ้าอื่นๆ ที่มักชงจนชาสีซีดจาง ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน เป็นเหตุผลที่ทำให้ ชานมเย็นของร้านป้าสมัยเป็นสูตรเด็ดที่ขายดีมากเป็นพิเศษ

ป้าสมัยถือเป็นอีกตัวอย่างของการทำการค้าแบบไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค และเป็นตัวอย่างของความขยันอดทน เพราะเปิดร้านแต่เช้า เลิกดึก ทำให้เราเห็นว่า ถ้าทุกคนขยัน อดทน และรู้จักแบ่งปัน ช่วยให้สังคมน่าอยู่ แม้ว่าจะเจอวิกฤตขนาดไหน ก็จะผ่านไปได้ ถ้าทุกคนดูแลเห็นใจซึ่งกันและกัน จะเห็นว่า ลูกค้าทุกคนไม่มีใครบ่นแม้จะต้องรอนาน หรือตัวป้าเองก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ให้ลูกค้าเห็น แม้ว่าจะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม

@@@@@@@@@@@@@@@@@@

โทร.08-0611-3548
กำลังโหลดความคิดเห็น