สะดวก อร่อย เรียบง่าย หากินได้ตลอด 24 ชั่วโมง... เสน่ห์ช่วยยกระดับเมนูข้างทาง ‘ผัดซีอิ๊ว’ โกอินเตอร์ในสายตาชาวโลก
เป็นที่น่ายินดีเมื่อ “ผัดซีอิ๊วหมู” หรืออาหาร “สตรีทฟูด” ของชาว กทม. ล่าสุดได้รับการโหวตให้เป็นอันดับ 1 ใน 10 ของเมนูอาหารข้างทางจาก www.CNNgo.com เว็บไซต์ให้บริการสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ส่งผลให้บ้านเรากลายเป็นเมืองสวรรค์ที่มีอาหารริมฟุตปาธรับประทานที่ดีที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย เบียดแซงหน้าเวียดนาม และมาเลเซียที่มีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารริมสองข้างทางแต่ไหนแต่ไรมา
ก่อนหน้านี้ถ้าพูดถึงเมนูอาหารไทยที่แขกไปใครมาเป็นต้องไม่พลาดลิ้มลองนั้น คงต้องยกให้ “ผัดไทย” หรือ “ต้มยำกุ้ง” ที่โด่งดังไกลถึงเมืองฝรั่งมังค่าแดนมะกันในช่วงหลายปีก่อน หรือแม้แต่เพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียก็ให้การตอบรับเมนูนี้เป็นอย่างดี นอกจากรสชาติที่จัดจ้านอร่อยลิ้นแล้ว ยังอุดมไปด้วยสมุนไพรไทยพื้นบ้านหลายชนิดที่ให้สรรพคุณต่อร่างกายไม่แพ้กันอีกด้วย
นั่นจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไลฟ์สไตล์การกินอยู่เรียบง่ายของคนไทยได้สร้างความประทับใจให้แก่ชาวต่างชาติได้อย่างไม่รู้ลืม โดยเฉพาะเมนูริมสองข้างทางอย่างผัดซีอิ๊วหมู ที่ลูกค้ามักสั่งรับประทานแบบไม่ต้องคิดมาก กระนั้นเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าเสน่ห์ของอาหารข้างทางจานนี้อยู่ตรงไหน??? เพราะถ้าจะพูดให้ถูก อาหารจานด่วนดังกล่าวเป็นเมนูที่หลายคนสั่งกินกันตายก็คงไม่ผิดนัก!!! แถมบางครั้งยังอาจปนเปื้อนฝุ่นละออง เพราะต้องนั่งรับประทานข้างทาง แต่ลูกค้า 8 ใน 10 รายก็ไม่พลาดสั่งกลับบ้านกันคนละห่อ 2 ห่อ!!!
ในงานเปิดตัวเทศกาลอาหารไทย “Thai Food Festival 2013” ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆ นี้ผู้เกี่ยวข้องกับเมนูเส้นผัดดังกล่าวได้วิเคราะห์ให้ฟังถึงกระแสฟีเวอร์ของเมนูจานด่วนนี้
“ความได้เปรียบของเมนูอาหารไทยในสายตาชาวโลกนั้น นอกจากการประยุกต์วัตถุดิบสมุนไพรไทยมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่ช่วยสร้างทั้งกลิ่นและรสชาติอาหารให้ละมุนละไมแล้ว ด้วยรสชาติที่ไม่ได้จัดจ้านมากนัก อร่อย และหารับประทานได้ง่ายตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องรอนาน มีสารอาหารครบถ้วน จึงทำให้เมนูอาหารผัดซีอิ๊วถูกอกถูกใจทั้งนักชิมชาวไทยเอง รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจาก 2 เมนูยอดฮิตอย่างผัดไทย และต้มยำกุ้งก็ถือได้ว่าเป็นเมนูที่ฮิตติดลมบนไปนานแล้ว โดยส่วนตัวพี่ก็คิดว่าเมนูผัดซีอิ๊ว หรือเมนูอาหารไทยใดๆ ก็แล้วแต่ ถ้าได้รับการจัดอันดับจากกูรูด้านการท่องเที่ยวแล้วก็เชื่อว่าจะต้องได้รับความนิยมไปอีกนานแน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากเทรนด์การท่องเที่ยวแบบแบ็กแพก หรือการเที่ยวแบบหิ้วกระเป๋าใบเดียว หรือแม้แต่การบอกต่อปากต่อปาก ซึ่งเป็นการสร้างกระแสการโปรโมตแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายบนสื่อออนไลน์ อย่างทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊กก็ตาม ย่อมทำให้เมนูของไทยยังคงได้รับการตอบที่ดีในระยะยาวค่ะ” “วิไลวรรณ ทวิชศรี” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แจกแจงภาพรวมของอาหารไทยขึ้นชื่อที่ได้รับการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังในครั้งนี้
เช่นเดียวกับ “สมหวัง ธรรมานุสารกิจ” เจ้าของร้านราดหน้าและผัดซีอิ๊ว “สมหวัง เอ็มไพร์” ย่านถนนพระรามสี่ ซึ่งเปิดมากว่า 20 ปี เผยว่า ผัดซีอิ๊วถือเป็นเมนูขายดีของร้าน เพราะลูกค้าที่เข้ามา 8 ใน 10 ราย เป็นต้องสั่งเมนูจานด่วนนี้กลับบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะเป็นเมนูที่อร่อยและกินง่าย เนื่องจากมีลักษณะแห้ง ไม่ต้องปรุงให้ยุ่งยาก จึงถูกปากทั้งลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติที่แวะเวียนมาเป็นครั้งคราว ขณะเดียวกันผัดซีอิ๊วสามารถอิ่มแทนข้าวได้หากสั่งแบบพิเศษในราคา 50 บาท ดังนั้นหากใครจะบอกว่าผัดซีอิ๊วเป็นเมนูที่คนกินกันเพื่อประทังชีวิตนั้นก็ต้องบอกว่าคงต้องปรับทัศนะใหม่ เพราะปัจจุบันคนนิยมเลี่ยงการบริโภคข้าวหรืออาหารหนักโดยการเปลี่ยนเป็นเมนูเส้นผัดแทน เพราะอย่างที่บอกว่าอิ่มได้ใกล้เคียงกัน ที่สำคัญการรับประทานอาหารซ้ำบ่อยอาจไม่ดีต่อสุขภาพ
ลบคำสบประมาทได้แบบฉิวเฉียดในเรื่องของการเป็นเมนูข้างทางและอาหารสิ้นคิด โดยอาศัยฐานลูกค้าที่เข้ามานั่งในร้านที่มีให้เห็นตั้งแต่พ่อค้าเดินดินกินข้าวแกง นักธุรกิจห้องแอร์ ไล่ไปถึงพนักงานโรงแรมโก้หรู แต่สิ่งที่สำคัญนอกจากรสชาติที่ดีแล้ว ความสะอาดและราคาที่เป็นกันเองก็เป็นเรื่องที่ลูกค้าได้สะท้อนไปสู่ผู้ขาย
“เฉลิมพงษ์ คำเทพ” พนักงานโรงแรมชื่อดังย่านห้างสรรพสินค้าดิ เอ็มโพเรียม ระบุว่า “รู้สึกดีใจที่เมนูผัดซีอิ๊วได้รับการโหวตให้เป็นอันดับ 1 ของอาหารข้างทาง เพราะโดยส่วนตัวผมและเพื่อนก็ชอบรับประทานเมนูนี้อยู่แล้ว ปกติจะรับประทานอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เพราะอร่อยและก็หารับประทานได้ง่าย แต่สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงก็น่าจะเรื่องของความสะอาด เพราะเปิดขายข้างทางอาจมีฝุ่นละออง ดังนั้นควรหาผ้าพลาสติกคลุมหน้าร้านและวัตถุดิบที่ใช้ ตรงนี้ก็น่าจะช่วยเซฟความสะอาดได้ทางหนึ่ง ขณะเดียวกันราคาของผัดซีอิ๊วนั้นก็ไม่ควรสูงเกินไป เพราะหากขายในราคา 45-50 บาทก็อาจแพงเกินไปสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมาหากต้องการชิมเมนูอร่อยนี้ครับ”
ด้าน “อาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช” นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพ ให้คำแนะนำถึงวิธีการรับประทานผัดซีอิ๊วหมูอย่างปลอดภัยและได้สารอาหารครบถ้วนว่า “เนื่องจากเมนูผัดซีอิ๊วหมูเป็นอาหารที่ค่อนข้างมีทั้งความหวาน มัน และเค็ม ดังนั้นหากต้องการเบรกปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคอ้วนหรือไขมันในเลือดเกินนั้น อาจารย์คิดว่าการเพิ่ม “ผัก” แบบครึ่งต่อครึ่งก็น่าจะช่วยได้ ตรงนี้ก็จะยิ่งทำให้รสชาติกลางๆ โดนใจทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้นค่ะ และที่สำคัญไม่ควรรับประทานเมนูนี้เกินอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แต่ควรสับเปลี่ยนจากเมนูก๋วยเตี๋ยวผัดมาเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก็น่าจะช่วยลดการสะสมโรคและเปลี่ยนความจำเจในการรับประทานอาหารลงได้” นักกำหนดอาหารฯ ให้มุมมอง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *