xs
xsm
sm
md
lg

3 องค์กรเศรษฐกิจคาดเป้าส่งออกอาหารหด คาดโตแค่ 1.5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


3 องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหารประเมินสถานการณ์ภาคการผลิตและส่งออกอุตสาหกรรมอาหารของไทยปี 2556 คาดเติบโตแค่ร้อยละ 1.5 ปรับเป้าส่งออกเหลือ 981,000 ล้านบาท ชี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งขาดแคลนวัตถุดิบหมวดพืชผัก พืชอาหาร ผลไม้ พบโรคระบาดในกุ้ง เผย 4 เดือนแรกสูญรายได้ 7,200 ล้านบาท

นายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า ในการประสานความร่วมมือของ 3 องค์กร โดยสภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าฯ และสถาบันอาหาร ในส่วนของสถาบันอาหารจะทำหน้าที่เป็นองค์กรในการรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร หรือ Food Intelligence Center โดยพบว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2556 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารหดตัวลง 4.3% ตามทิศทางการหดตัวของอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกที่หดตัวลง 12.3% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นส่งออกยังคงหดตัวลงทั้งหมด เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเนื่องจากผลของความแห้งแล้งและสภาพอากาศแปรปรวนในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะในหมวดพืชผัก ผลไม้ รวมทั้งพืชอาหาร นอกจากนี้ ปัญหาโรคระบาดในกุ้งทำให้ผลผลิตกุ้งลดลงไม่ต่ำกว่า 35%

สำหรับภาคการส่งออกอาหารของไทย ในภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่า 296,288 ล้านบาท ลดลง 3.6% สินค้าส่งออกสำคัญที่มีนัยต่อการส่งออกในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าจะต่อเนื่องตลอดปี 2556 ประกอบด้วย 3 รายการ ได้แก่ น้ำตาลทราย กุ้ง และไก่ โดยสินค้าน้ำตาลทรายและกุ้งเป็นสองสินค้าที่ส่งผลกระทบทางลบค่อนข้างรุนแรงต่อการส่งออกในภาพรวม เนื่องจากปัญหาราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกตกต่ำจากผลผลิตส่วนเกินที่มีมากขึ้น ขณะที่กุ้งประสบปัญหาผลผลิตลดลงมากจากโรคกุ้งตายด่วน (EMS) ส่วนไก่น่าจะเป็นสินค้าที่ประคับประคองการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารในปี 2556 เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่สหภาพยุโรปยกเลิกห้ามนำเข้าไก่สดจากไทย โดยในช่วง 4 เดือนแรกการส่งออกไก่สดของไทยเพิ่มขึ้นกว่า 100%

ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 2556 การส่งออกอาหารของไทยมีมูลค่า 71,043 ล้านบาท หดตัวลงร้อยละ 5.6 ตามการลดลงของสินค้าหลัก เช่น ข้าว ลดลงร้อยละ 10.0 น้ำตาลทราย ร้อยละ 10.3 กุ้งแช่แข็ง ร้อยละ 49.8 และกุ้งแปรรูป ร้อยละ 19.5 โดยการส่งออกข้าวและน้ำตาลทรายได้รับผลกระทบจากความต้องการของตลาดที่ชะลอตัวลงเนื่องจากผลผลิตโลกเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งราคาสินค้าที่อ่อนตัวลง ส่วนการส่งออกกุ้งได้รับผลกระทบจากผลผลิตกุ้งไทยที่ลดลงจากโรคระบาด

นายอมรกล่าวต่อว่า ตลาดส่งออกในช่วง 4 เดือนแรก อาเซียนเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วน 22.1% รองลงมาได้แก่ ญี่ปุ่น 14.8% สหภาพยุโรป 11.5% สหรัฐฯ 10.6% และจีน 9.8% ซึ่งเป็นตลาดส่งออกของไทยในอันดับ 2 ถึง 5 ตามลำดับ โดยการส่งออกอาหารของไทยไปยังตลาดหลักในอันดับ 1 ถึง 4 หดตัวลงทั้งหมด ยกเว้น จีนที่เป็นตลาดอันดับ 5 ที่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.8% ขณะที่การส่งออกไปอาเซียนหดตัวลงมากที่สุดถึง 15.5% จากสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น น้ำตาลทราย มันสำปะหลัง ข้าว น้ำมันปาล์ม และผลไม้สด ส่วนตลาดญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ หดตัวรองลงมา

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มส่งออกในครึ่งหลังของปี 2556 คาดว่าการส่งออกอาหารของไทยจะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตรา 3.6% และ 4.8% โดยมีมูลค่าส่งออกประมาณ 259,000 ล้านบาท และ 247,000 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 ตามลำดับ สำหรับสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวดีในครึ่งปีหลัง เช่น ทูน่าแปรรูป ไก่ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง เครื่องปรุงรส รวมทั้งกลุ่มผลไม้สดที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในเดือน มิ.ย.-ก.ค.

โดยสรุปแนวโน้มการส่งออกอาหารไทยตลอดปี 2556 คาดว่าจะมีมูลค่า 981,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ลดลงจากที่คาดว่าจะมีมูลค่า 1.03 ล้านล้านบาท ขยายตัว 6.0% ในการประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากการส่งออกได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการแข็งค่าของเงินบาท การขาดแคลนวัตถุดิบ รวมทั้งราคาสินค้าส่งออกหลายรายการที่อ่อนตัวลง โดยกลุ่มสินค้าหลักที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2556 เช่น ทูน่าแปรรูป ไก่ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง และเครื่องปรุงรส ส่วนกลุ่มสินค้าหลักที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัวลง เช่น น้ำตาลทราย กุ้ง สับปะรดกระป๋อง และข้าวโพดหวาน เป็นต้น

“เมื่อประเมินรายได้ในรูปเงินบาทที่หายไปจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งตลอดระยะ 4 เดือนที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอาหารไทยสูญเสียรายได้ในรูปเงินบาทที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินบาทคิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นรายได้ที่หายไปร้อยละ 2.4 จากรายได้ที่ควรจะได้รับในรูปเงินบาทในกรณีที่เงินบาทไม่แข็งค่า โดยรายได้ที่หายไปสูงสุดอยู่ที่เดือนเมษายนที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่าเกือบ 3,200 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทในเดือนเมษายนแข็งค่ามากที่สุดในอัตราร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม” นายอมรกล่าว

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น