“ละมุน” ผลิตภัณฑ์เพื่อลูกน้อย ธรรมชาติรังสรรค์บอบบางต่อผิวเด็ก (ชมคลิป)

เรื่องอาการแพ้บริเวณผิวหนังของเด็กแรกเกิดถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่หลายคนต่างประสบพบเจอ ต่างหาสาเหตุที่มา และหลีกเลี่ยง หวังว่าเมื่อลูกน้อยโตขึ้นจะหายไปเอง ซึ่งแตกต่างจากคุณแม่ยุคใหม่เจ้าของผลิตภัณฑ์ “ละมุน” กลับเจาะลึกสาเหตุ และพบว่ามาจากผลิตภัณฑ์ที่ขายในท้องตลาดมีสารเคมีบางตัวทำให้แพ้ จึงลงมือผลิตเอง ใช้เอง ต่อยอดสู่ธุรกิจตามคำเรียกร้อง

ขอชื่นชมในความเป็นคุณแม่ยุคใหม่ที่เอาใจใส่ลูกทุกรายละเอียด พร้อมสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทางธุรกิจได้ กับผลิตภัณฑ์เพื่อลูกน้อย “ละมุน” ของ “เนตรนพิศ รุ่งธนเกียรติ” ที่เครียดกับอาการแพ้ผลิตภัณฑ์ซักผ้า โลชั่น สบู่ สำหรับเด็ก โดยช่วงแรกคิดว่าสาเหตุมาจากอาหาร ซึ่งเธอเผยที่มาว่าตนเองมีลูก 2 คน โดยลูกสาวคนแรกน้องมิกิ (พิมพ์ปวีณ์ วงศ์ภัทรกุล) ไม่เจอปัญหาอาการแพ้ใดๆ ขณะที่ลูกชายคนที่สองน้องริว (ธนกฤต วงศ์ภัทรกุล) กลับมีผื่นขึ้นตามตัวเมื่ออายุได้เพียง 1 เดือน ไปพบคุณหมอก็ให้ยามาทา แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น

ต่อมาย่างเข้าเดือนที่ 3 ผื่นตามตัวเริ่มเยอะขึ้น คุณหมอสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการแพ้อาหาร แนะนำให้คุณแม่งดอาหารจำพวกแป้งสาลี นม ไข่ น้ำปลา ซีอิ๊ว และอาหารทะเล เนื่องจากต้องให้นมลูกชาย อาการก็ดีขึ้นบ้างแต่ไม่หายสนิท แต่เธอกลับสุขภาพแย่ลง ร่างกายซูบผอมอยู่เป็นเดือน

กระทั่งเพื่อนตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมาจากผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็ก เพราะผื่นที่ขึ้นตามตัวจะอยู่บริเวณที่มีเสื้อผ้าสวมใส่ จึงให้ลูกอาบน้ำเปล่า เสื้อผ้าก็ซักด้วยน้ำเปล่า ทำอย่างนี้อยู่ประมาณ 3 วันผื่นกลับหายเกลี้ยง สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทำให้เธอคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างต้องมาสู่ธรรมชาติแล้ว

หลังจากนั้น เนตรนพิศจึงศึกษาผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างจริงจังว่ามีสารเคมีอะไรที่ทำให้ลูกเกิดอาการแพ้ พบว่าบรรดากลิ่นหอมทั้งหลาย และฟองนุ่มๆ เหล่านั้นเกิดจากสารเคมีที่ใส่ลงไปในปริมาณเล็กน้อย แต่บางครั้งก็ทำให้ระคายเคืองได้ จึงคุยกับเพื่อนที่มีโรงงานผลิตสินค้าประเภทดังกล่าว พร้อมทั้งให้ผลิตเป็นแกลลอนเพื่อใช้กับลูกชาย เช่น น้ำยาซักผ้า สบู่เหลว โดยปราศจากสารเคมีต่างๆ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ อย่างผัก และผลไม้มาทดแทน

“เราพยายามศึกษาว่ามีพืชชนิดใดที่สามารถนำมาช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกจากเนื้อผ้า และผิวหนังได้ เช่น เอนไซม์จากผลไม้, สารสกัดจากข้าวโพด และเอสเซนเชียลออยล์ ก็นำมาเป็นส่วนผสมแทนสารเคมี ซึ่งต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ก็สั่งผลิตเป็นแกลลอนเพื่อมาใช้กับลูก เพื่อลูกจะได้ไม่ต้องใช้ยา หรือกินยา นอกจากนี้เรายังแบ่งให้คนรู้จักที่ลูกมีอาการแพ้ในลักษณะเดียวกันด้วย ซึ่งต่างก็ได้ผลดีเช่นกัน”

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ “ละมุน” คือ วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ 100% ปราศจากสารกันเสีย กันบูดใดๆ เน้นเลือกวัตถุดิบที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง รวมถึงยังเป็นออร์แกนิกอีกด้วย เพราะเธอคิดว่าหากจะทำผลิตภัณฑ์อะไรขึ้นแล้วต้องทำให้ออกมาดีที่สุด รวมถึงต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้บริโภค ซึ่งความใส่ใจเหล่านี้เป็นที่มาของการการันตีคุณภาพ ด้ายเครื่องหมายฉลากเขียว หรือ Green Label จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ธรรมชาติเพื่อผิวเด็ก ขณะที่วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ก็ได้มาตรฐานรับรอง eco cert หรือเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าออร์แกนิกสากล ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย

“ผลิตภัณฑ์แรกที่เราทำขึ้นคือสบู่เหลว และน้ำยาซักผ้า เนื่องจากลูกต้องใช้เป็นประจำ ต่อมาพัฒนาเป็นน้ำยาล้างขวดนม ผลิตภัณฑ์เช็ดของเล่น และ baby Wet Wipe หรือกระดาษเปียกอเนกประสงค์ เนื่องจากลูกชายใช้สินค้าที่มีขายตามท้องตลาดเกิดอาการแพ้อีกเช่นกัน หลังพบมีผื่นขึ้นบริเวณปาก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เวลาคิดค้นนานที่สุด อนาคตเตรียมส่งครีมป้องกันท้องแตกลาย ที่ประคบหน้าอกให้น้ำนมไหลดีขึ้น และครีมทาป้องกันหัวนมแตก”

เมื่อผลิตภัณฑ์ละมุนเริ่มเยอะขึ้น เธอจึงนำสินค้าไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำทั่วไป เช่น สยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม, เลมอน ฟาร์ม, ร้านใบเมี่ยง รวมถึงยังกระจายไปตามร้านจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับเด็กและสุขภาพตามจังหวัดด้วย ได้แก่ ยงสงวน ช็อปปิ้งมอลล์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี, ร้านโอห์ม ออร์แกนิค อ.โพธาราม จ.ราชบุรี, ร้านโฟกัส ช็อป อ.เมือง จ.ปัตตานี และห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า ถ.จอมสุรางค์ จ.นครราชสีมา เป็นต้น


แม้ธุรกิจนี้จะจำหน่ายมาประมาณ 3 ปี แต่ถือว่าไม่มีคู่แข่ง ทำให้สงสัยว่าทำไม? งานนี้คุณแม่ยุคใหม่อารมณ์ดีแถลงไขว่า จากวัตถุดิบที่เลือกใช้มาจากธรรมชาติล้วนๆ โดยเมื่อนำมาผ่านขั้นตอนแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยไม่มีการผสมสารกันเสียหรือกันบูดใดๆ ทำให้อายุของสินค้าสั้นลง โดยอายุผลิตภัณฑ์อยู่ที่ประมาณ 2 ปี แต่หากเปิดฝาใช้แล้วจะอยู่ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ขณะที่น้ำยาเช็ดของเล่นจะอยู่ได้ 6 เดือน (เปิดฝาใช้แล้ว) นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงจากวัตถุดิบที่นำเข้ามา ทำให้คู่แข่งไม่ลงมาแย่งตลาดนี้

แม้ราคาผลิตภัณฑ์ของละมุนจะมีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไปตามท้องตลาด แต่กลับมีกลุ่มลูกค้าให้การอุดหนุนเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจในรายละเอียดของลูก รวมถึงคุณแม่ที่มีลูกแต่ไม่มีอาการแพ้ตามผิวหนังก็ตาม ซึ่งคนเหล่านี้ต้องการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกน้อย ซึ่งถือว่าละมุนตอบโจทย์ความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

***สนใจติดต่อ 08-8626-5222 หรือที่ www.lamoonbaby.com***

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *