สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 6
ภายใน ร้านหนังสือ สุคนธรสเดินหยิบหนังสือพระเครื่อง หนังสือแปลกแต่จริง หนังสือต่วยตูน หนังสือชีวจิต
เคที่เขยิบเข้ามาใกล้แนบชิดไตรรัตน์ ลูบไล้คอ ลงมาที่อกอวบอิ่ม ก้มเป่าติ่งหูเขาเบาๆ
"ผู้หญิงปกติกริยาอ่อนหวาน เอาอกเอาใจสามี เมาท์มอยกับเพื่อนสาวอย่างจริงใจไม่เกินเลย"
ไตรรัตน์เงียบฟัง สยิวขนลุก กลืนน้ำลายเอื้อก แล้วคิดตาม
ในโรงยิม สุคนธรสในชุดเทควันโด จับไตรทุ่มอักๆ
ภายในบ้านซิกส์เซนส์ สุคนธรสนั่งทำพิธี เป่ากระหม่อมให้สาวๆที่มาลงของสักยันต์ สุคนธรสสักยันต์ 9 แถวให้สาวๆคนแล้วคนเล่า... อาจารย์สุคนธรสมีสาวๆ มาห้อมล้อมชื่นชมมากมาย เธอแจกพระให้สาวๆ
หลังบ้านไตรรัตน์สุคนธรสหอบผ้ามาโยนให้ไตรรัตน์ที่นั่งซักผ้างุดๆฟองฟุ้งเปื้อนหัวหู เขาหยิบเสื้อขึ้นมาเห็นรอยลิปสติกติด เขาตาโตลุกวาว
"และที่สำคัญ ผู้หญิงปกติ จะชอบผู้ชายทั้งแท่งนะค่ะ ไธร์ส"
ที่ร้านอาหาร สุคนธรสสวมชุดในแนวทอมบอย คุยกระซิบกระซาบข้างติ่งหูกรรัมภา หัวร่อต่อกระซิกกันไปมา แล้วใช้มือโอบไหล่ จับเอวกรรัมภา แล้วหันมายักคิ้วยิ้มให้ ไตรรัตน์ยืนมองอึ้ง แล้วจูงมือกันเดินเข้าร้านที่ชื่อ “ดนตรีไทย”
ไตรรัตน์หายใจติดขัด ฟึดฟัด ดวงตาลุกโชน แล้วรีบสะบัดหน้ากระพริบตาเบาๆ
"ตอนที่เคที่เจอกับคุณรสครั้งแรก ปีที่แล้วน่ะค่ะ เค้าเคยแต๊ะอั๋งเคที่ด้วยนะคะ เคที่ยังเคยแอบงง ทั้งที่เรากำลังแย่งผู้ชายคนเดียวกัน แล้วตอนเคที่หลับ เค้าแอบมาหอมแก้มเคที่ด้วย มันแปลกไหมล่ะคะ"
ไตรรัตน์ลุกพรวด เดินหนี
"พอเถอะ คุณมั่วแล้วเคที่ อย่ามาใส่ร้ายภรรยาผมหน่อยเลย ขอโทษนะ ผมมีธุระ"
เคที่ยิ้มพอใจ มองตาม
ไตรรัตน์เดินกระฟัดกระเฟียดหลบมามุมหนึ่งนอกบ้าน รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. ออก
"คุณรส นี่คุณอยู่ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้"
ที่กองถ่าย ภายในรถ กรรัมภากับสุคนธรส มาจอดรถอยู่มุมหนึ่ง กรรัมภาพยายามจะยื่นแว่นกันแดดให้สุคนธรสลองใส่
"มีอะไรนายไตวาย ฉันยุ่งอยู่"
สุคนธรสบอกกรรัมภา
"แก้มอย่าๆ เดี๋ยวฉันใส่เอง"
ไตรรัตน์หูผึ่ง ฉุนกึ๊กทันที
" นี่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ อยู่ที่ไหน แล้ว แล้วคุณทำอะไรอยู่"
กรรัมภากับสุคนธรสยึดยื้อแว่นให้ลองกันไปมาราวกับจะปล้ำกันในรถ
" แก้มเดี๋ยวๆ ใจเย็นสิ ค่อยๆก็ได้ หา...อะไร เดี๋ยวคุยได้มั้ย"
ไตรรัตน์เดือดปุดๆ
"ไม่ได้ รสคุณอยู่ไหน บอกผมมา เห้ย ปัดโธ่ วางหูโทรศัพท์หนีเหรอยัยสุคนธรส"
ไตรรัตน์หน้าตาโมโหแค้นสุดขีด คลั่ง
สุคนธรสวางโทรศัพท์
"โอ๊ย อะไรของนาย ไตวาย แล้ววันนี้มันเป็นวันโลกาวินาสอะไรของสุคนธรสเนี่ย อยู่ดีๆก็ต้องมากับนังแก้มจอมเยอะ"
"อ้าว ก็มีแต่แกคนเดียวนี่ ที่อดทนชั้นได้ที่สุด ยัยกรรณก็จอมพูดมาก ประชดประชันตลอดเวลา ยัยเนตรไปกับชั้นมาทีเดียวก็ไม่ยอมไปไหนกับชั้นสองคนอีกเลย... เอาลองใส่ดูซิ อันนี้ละ"
สุคนธรสรับแว่นมาใส่ลอง แล้วส่องกระจกรถดู
"มันแว่นผู้ชายป่าวเนี่ย"
"ใช่"
"หา"
กรรัมภาก้มหยิบๆ ชุดขึ้นมา แล้วชูให้สุคนธรสดู
"แล้วก็ต้องนี่"
สุคนธรสอึ้งๆ
"หา"
สุคนธรสใส่ชุดในแนวทอมบอย ... กางเกงยีนพับขา รองเท้าคัทชู เสื้อเชิ้ตใส่เข้ากางเกง สวมแจ๊คเก็ต หวีผมเรียบ แว่นดำ โดยมีกรรัมภาในลุคสวยพริ้ง เซ็กซี่กว่าปกติ มีแว่นกันแดดเก๋ๆ ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองยืนอยู่หน้ารถที่จอดอยู่
"วันนี้แกต้องมาทำตัวให้ฉันยืมควงวันนึง นายจักร จุนจี จะได้รู้ซะ ว่าฉันน่ะ ไม่ธรรมดา ฉันน่ะเท่าไหร่..."
"แต่ฉันไม่มั่นใจว่า นายจุนจีเขาจะรู้ว่าแกทำอะไรอยู่"
"ไปได้แล้ว...เอาน่า"
กรรัมภายกแขนขึ้นเกี่ยวสุคนธรส ทั้งสองเดินออกเดิน
ภายในห้องรับแขก เคที่ และทิพย์ นั่งทำหน้าจ๋อย เสี่ยจำเริญถอนใจบอก
"เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว"
เคที่ และทิพย์ ตาลุกวาว สีหน้าเปลี่ยนทันที
"ขา... คุณแม่คะ"
"ฉันหวังว่าเธอจะจับจองที่ดินไว้ได้ทันเวลา แล้วฉันจะหาจังหวะชวนนายไตรไปดูที่กัน ยังไง ถ้านายไตรกะหนูรสมีหลานออกมาให้ชั้น ชั้นก็จะได้ยกกิจการนี้ให้หลานที่จะเกิดมาซะเลย"
เคที่มองค้อนๆใส่เจ๊หญิงนิดๆ ก่อนกระดี้กระด้าต่อ
"ว้าว...คุณแม่มีวิสัยทัศน์มาก เป็นการวางแผนการลงทุนที่ฉลาดที่สุด"
"คุณพี่รีบนัดกันนะคะ จะไปวันไหน เราจะได้ไปเที่ยวไปกินไปแถวนั้นกันให้สนุก แล้วเงินที่เราจะใช้สร้างรีสอร์ต เราก็เอาที่ดินนี่ไปค้ำ แล้วค่อยกู้ออกมาบริหารกัน หลักทรัพย์ระดับนี้ เราต้องกู้ได้เป็นร้อยล้านแน่ๆ"
เสี่ยจำเริญบอก
"อืม..น่าคิด เออ ชั้นกะเจ๊หญิงต้องออกไปธุระแล้วนะ"
ทั้งคู่จะลุกไปดื้อๆ สองแม่ลูกงงเป็นไก่ตาแตก
"คะ..คะ, คุณแม่ ขา, คุณพี่คะ"
เสี่ยจำเริญทำหน้ามึนๆหันกลับมาถาม
"อะไรอีกหรือ"
"งะ เงิน ละคะ" ทิพย์ถาม
"หา...เงินอะไร" เจ๊หญิงถาม
"ก็เงินสิบล้านที่เสี่ยกะเจ๊หญิงเพิ่งพูดจะให้"
"อ้าว...ก็บอกว่า เราต้องหาเวลาพาลูกไปดูที่ก่อนไงล่ะ ตอนนี้เธอก็เอาไอ้ 5 ล้านแรกไปมัดจำไว้ก่อน ได้แค่ไหนแค่นั้นก่อนก็แล้วกัน"
เสี่ยจำเริญกับเจ๊หญิงเดินไปดื้อๆ สองแม่ลูกงงอึ้ง ไปไม่ถูก
"คุณแม่/ คุณพี่ ขา"
ไตรรัตน์ที่เปลี่ยนชุดแล้ว เดินหน้าเครียดสวนลงมา
"อ้าว ไตร...ออกไปข้างนอกเหมือนกันเหรอ"
ไตรรัตน์สีหน้าเครียดๆ
"ครับ จะอยู่ทำไม"
"อืม...ใช่ งั้นไปเถอะ"
ทั้งสามเดินออกไปด้วยกัน ทิพย์กับเคทีมองตามพ่อแม่ลูกไปอย่างงงๆ
เวลาบ่าย รถณัฐเดชขับแล่นเข้ามาตามทางในหมู่บ้านสุพิชชา เขามองอย่างแปลกใจที่เห็นประตูรั้วบ้านเปิดอยู่ เขาหักรถเลี้ยวเข้าไป แล้วลงจากรถเดินมาที่ประตูบ้าน ก่อนชะงักเล็กน้อย
"มาแล้วหรือคะ"
" พีช"
ณัฐเดชอึ้งกับภาพที่เห็นสุพิชชาในชุดสวยใส ปนเซ็กซี่แปลกตาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน เธอยืนยิ้มหวานอยู่
"วันนี้จะพาพีชไปไหนคะ"
ภายในกองถ่ายละคร ปาร์คจุนจีและคิมซองซูในชุดชาวเลพื้นเมือง หลังจากทั้งคู่โดนขโมยกระเป๋าเงินไป จึงไม่เหลือเงินทอง บัตรเครดิตติดตัว มีแต่เสื้อผ้าที่ชาวบ้านให้ใส่
ทะเลนั้น มีร้านค้าขายของไม่มากนัก
กรรัมภา สุคนธรสเดินควงกันมาราวกับเซเลบเข้ามาในกองถ่าย มีกลุ่มแฟนคลับกำลังนั่งๆ กองๆ กัน มีการ์ด รปภ. 2-3 นายยืนคุมเชิงอยู่
กรรัมภารีบไปขวางและหันบังสุคนธรสขวับให้หยุด
"เฮ้ย ผิดทางละ แฟนคลับจุนจีตรึมเลย"
"อ้าวไหนแกบอกว่านัดนายกุ๊กกุ๊กอะไรนั่นแล้ว"
"เสียเวลาผ่านด่าน รปภ. ยุ่งยาก ไปทางนี้ดีกว่า"
กรรัมภารีบดึงมือสุคนธรสเลี้ยวไปอีกทาง เธอพาสุคนธรสโผล่มาแถวหลังรถสุขา มีคนบางตาไม่กี่คนที่เป็นทีมงานเดินไปมา
"ทำตัวปกตินะ เนียนๆ เชิดๆ เข้าไว้ ไม่มีใครสงสัยหรอก ตามฉันมา"
"แต่ฉันว่าฉันไม่ค่อยปกติวะ"
กรรัมภาเดินผ่านมาตรงหน้ารถสุขา มัวแต่หันมาเรียกสุคนธรส
"มาทางนี้ดีกว่ารับรองไม่มี..."
กรรัมภาไม่ดูทาง จึงเดินเข้าไปชนเข้ากับซองซูอย่างจัง ทั้งคู่เซหมุนไปด้วยกัน โดยซองซูกอดรับตัวเธอไว้ แล้วหมุนๆไปด้วยกันเหมือนเต้นรำ จนไปชนกับต้นไม้ แล้วหยุดอยู่ในท่ากอดกัน
"ว้ายๆๆ โอ๊ย...หา"
ซองซูมองหน้าเธออย่างตะลึง
"อ๊า..."
กรรัมภาพยายามจะออกจากวงแขนซองซู
"เอ่อ..."
ซองซู "Wow!" เบาๆ
"คุณ..."
"ครับ"
ซองซูยังอยู๋ในภวังค์ สุคนธรสเดินเข้ามา ทำท่าก๋ากั่น
"เฮ้ นาย เดินประสาอะไรเนี่ย"
ซองซูขอโทษ
"มิ อัน ฮัม นิ ดา"
ซองซูปล่อยกรรัมภาออกจากอ้อมอก
กรรัมภาบอก
"เคงจะนาโย"
"พูดอะไรกันยะ"
"อ๋อ เค้าบอกว่าขอโทษ แล้วชั้นบอกว่าไม่เป็นไร"
ซองซูดีใจ รีบเข้ามา
"เอ๊ะ นี่คุณเข้าใจ ภาษาเกาหลี หรือครับ"
กรรัมภาหันไปมองหน้า แล้วรีบถอดแว่นออกเพื่อมองให้ชัดๆ
"หา ว้าย...นี่ คิมซองซูนี่ ว้ายๆๆ"
ซองซูตะลึง
"โอ...คุณรู้จักผมด้วย"
"รู้จักสิคะ ชั้นดูซีรีส์เกาหลีเยอะ คุณเล่นเป็นเพื่อนพระเอกมาทุกเรื่อง แต่ไม่เคยเป็นพระเอกเลย ว้ายๆๆ รสๆๆ คนนี้เค้าก็ดังนะ แต่แค่ไม่เคยได้เป็นพระเอกเท่านั้นเอง"
ซองซูหุบยิ้ม
"เอ่อ...ไม่ต้องเน้นเรื่อง ไม่เคยเป็นพระเอกก็ได้ครับ คุณ...เอ่อ คุณเป็นใคร ชื่ออะไรครับ"
"ออ คือฉันชื่อแก้มค่ะ เรียกแก้ม จะง่ายสำหรับคนเกาหลี"
"แก้ม"
"เก่งมากค่ะ เอ่อ...นี่สุคนธรส เพื่อนสนิทดิฉัน"
ซองซูชำเลืองมองๆ สุคนธรสแบบไม่ค่อยอยากรู้จักด้วย... "ไฮ"
สุคนธรสดัดๆ เสียงทอม
"ฮะ สวัสดีฮะ คุณซูซู"
"เอิ้ม...ซองซู มะใช่ซูซู"
สุคนธรสยิ้มแหะๆ ขยับแว่น
"แล้ว...คุณทำงานในวงการบันเทิงไทยหรือครับ คุณเป็นดารา หรือนางแบบ ใช่ไหมครับ"
กรรัมภาบอก
"เปล่าค่ะ ชั้นเป็นหมอผีน่ะค่ะ ชั้นนัดกับคุณ ลี จองกุ๊ก ไว้แล้วน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าเห็นคุณจองกุ๊กไหม"
ซองซูมองกรรัมภาเท้าจรดหัว หัวจรดเท้า งง
"หมอผี"
ซองซูเดินนำกรรัมภากับสุคนธรสเข้ามาบริเวณรถมอเตอร์โฮมที่พักนักแสดง
"หมอผี คืออะไรอ่าครับ ไม่เข้าใจ"
สุคนธรสแขวะ
"อ่อ คงเข้าใจแต่คำว่าหมอนวดสินะฮะ"
ซองซูเหล่สุคนธรส
"เอ่อ ...เสร็จธุระกับจองกุ๊กแล้ว ถ้าไม่รีบกลับ คุณแก้มดูผมถ่ายละครต่อได้นะครับ แล้วให้เพื่อนคุณกลับไปก่อน"
"จะดีหรือฮะ"
ซองซูไม่สนใจสุคนธรสเลย
"ผมรู้แล้ว หมอผีคือ คนที่ดูดวงชะตา ทายชีวิตคนใช่ไหมครับ งั้น คุณแก้มลองดูลายมือผมก่อนได้ไหม ว่าชีวิตผม วันนี้ จะได้พบเนื้อคู่หรือเปล่า แล้วผมจะไปเรียกนายจองกุ๊กมาให้"
ซองซูแบมือมาตรงหน้า สุคนธรสสบตากับกรรัมภาให้รู้ว่า หมั่นไส้ไอ้หมอนี่มาก กรรัมภาสบตาว่า ยอมๆมันหน่อยละกัน เธอจับมือซองซูมา
"โอเคค่ะ มา อ๊า...คุณซองซู คุณเป็นคนที่นิสัยลังเลนะ"
"ลังเลยังไงครับ"
"ก็เป็นคนที่...ทำอะไรที่ไม่ควรทำลงไปแล้ว ก็จะมานั่งเสียใจทีหลังทุกที ว่าเราไม่น่าทำเลย"
"โอ๊ะ"
"หรือบางที ก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำ แล้วก็มาเสียใจทีหลังว่า ทำไมเราไม่ทำนะ เราน่าจะทำ"
"อ๊า...แม่นที่สุด"
"ไอ้แก้มบ้า...ดูแบบนี้ ดูใครก็แม่นหมดแหละ"
จุนจีในชุดเข้าฉากเดินออกจากห้องพัก จองกุ๊กเดินตาม จุนจีหันไปเห็นภาพซองซูกับกรรัมภากำลังจับมือกัน เธอยกมือซองซูมามองจนใกล้
"นี่...ดวงนี้ ต้องเคยเป็นเด็กมาก่อน"
"หา...รู้ได้ไง สุดยอด! เทพชัดๆ"
จุนจีหรี่ตา มองเหล่
"นั่นยัยนั่น"
"ไหนใคร" จองกุ๊กถาม
แก้มกับซองซูกำลังหัวเราะคิกคักสุดขีด จุนจีจี๊ดขึ้นมาทันที
จุนจีเดินดิ่งตรงเข้ามาหากรรัมภากับสุคนธรส และซองซู จองกุ๊กเดินไล่หลังมาแทบไม่ทัน
"นี่คุณ"
ทุกคนหันขวับมา
"อาว นี่ไงจองกุ๊ก กับจุนจีมาพอดี"
กรรัมภาไม่ทันตั้งตัว จุนจีถาม
"คุณมาทำอะไรที่นี่เนี่ย นี่มันกองถ่ายไม่ใช่บาร์โฮสต์นะ จะได้ให้พวกแขกสาวๆมาเที่ยวเลือกหาผู้ชายไปบริการเอาอกเอาใจ ผมไม่เล่นด้วยกับพวกคุณเลยจะหาเรื่องมาตามตื้อเพื่อนผมแทนงั้นหรือ อ๋อ สงสัยมีรสนิยมชอบสะสมดาราชายเกาหลี"
กรรัมภาหน้าชาเดือดขึ้นมาทันที
"นี่คุณ"
สุคนธรสเข้ามาโอบแก้ม มาดทอมบอยมากๆ
"แรงไปไหมเนี่ย นายจุนจี"
ซองซูบอก
"ปาร์คจุนจี นายนี่มันเด็กมีปัญหามากๆเลยนะ"
"ตายๆๆ เดี๋ยวจุนจี...คุงแก้มคับ เอ่อ..." จองกุ๊กรีบเข้ามา
"นายจักร เสียใจและขอโทษนะ ฉันไม่ต่ำอย่างที่นายพูด และที่ฉันมาที่นี่ก็มาทำงาน ตามที่คุณจองกุ๊กติดต่อและขอร้องไป"
"ใครขอร้องคุณ และคุณเรียกชื่อใครไม่ทราบ"
จุนจีประหลาดใจ และไม่พอใจ
"ใครคือจักร"
"คุณนั่นละ นายจักร สุขใจนิยม"
จุนจีบอก
"คุณอย่ามาเรียกผมแบบนี้นะ"
"จะเรียก"
จองกุ๊กปราม
"พอเถอะ"
"ห้ามเรียก"
ซองซูถาม
"เรียกอะไร"
จักรๆๆสะดือจุ่น"
"เย้ย รู้ได้ไง!"
สุคนธรสปรบมือ
"ฮ่าๆๆ...ชอบๆ"
"อาๆๆ ใจเย็นค้าบ ใจเย็นๆกันนะค้าบ"
เสียงทะเลาะโวยวายทำเอาทีมงานที่เดินผ่านไปมาเริ่มมาหยุดดู ปาริฉัตรผ่านมาเห็นสาวๆหน้าใหม่ ก็ไม่พอใจ รีบปราดเข้ามา มองกรรัมภาตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อะไรกันคะ มีตัวประกอบหน้าใหม่มาเข้าฉากเหรอ อะไรกัน ไปได้มาจากไหนเนี่ย หน้าตาท่าทางซื่อบื้อ ขี้เหร่ หุ่นก็แย่ มาเล่นเป็นอะไร คนติดตามเป้ยเหรอ"
จองกุ๊กพยายามอธิบาย
"อา คุณเป้ย คือ คุณคนนี้เค้าไม่ใช่..."
"หยุด" จุนจีบอก
"ไม่หยุด"
สุคนธรสเชลียร์
"อย่าหยุด"
ซองซูถาม
"อะไรกัน"
จุนจียังโต้เถียงไปมากับกรรัมภา ไม่มีทีท่าว่าจะยอมกันลง ปาริฉัตรหันมองรอบๆ
"เรื่องตัวประกอบที่จะมาเข้าฉากกับเป้ย ต้องให้เป้ยเลือกก่อนนะ พูดบทติดๆขัดๆ เป้ยรับไม่ได้ เป้ยเหวี่ยง ก็อย่ามาโกรธเป้ยล่ะ พี่เอกผู้กำกับฯอยู่ไหนเนี่ย"
รถไตรรัตน์พุ่งอย่างเร็วมาบนถนน กำลังมุ่งไปหาสุคนธรส
"อยู่ไหนไม่สำคัญ ชั้นไปเจอเธอแน่...ยัยสุคนธรส"
ไตรรัตน์โมโหสุดฤทธิ์
ภายในร้านหนังสือ ช็อปปิ้งมอลล์ มุมหนังสือต่างประเทศ มีหนังสือมากมาย เนตรสิตางศุ์กำลังยืนเล็งหนังสืออยู่ จากนั้นก็หยิบหนังสือ เล่มแล้วเล่มเล่า จำพวกตำราทำกับข้าวของฝรั่ง ญี่ปุ่น ต่างๆ
"เล่มนี้ /..เล่มนี้ /..เล่มนี้ก็ดี /..นี่ๆก็เอาด้วย /..โห เล่มนี้เลิศๆ"
หมอวรวรรธยิ้มแฉ่ง รับหนังสือมาถือทีละเล่มๆ เนตรสิตางศุ์ยังคงเลือกหนังสือต่อ แล้ว..รอยยิ้มเริ่มจางหาย เหงื่อตก เพราะถือหนังสือท่วมหัว
ภายในร้านเครื่องประดับมีค่า จำพวก สร้อย แหวนเก๋ๆ ณัฐเดชสวมแหวนให้สุพิชชา
"อืม...สวยเลย เหมาะกับพีชมาก"
"แล้วพี่ณัฐล่ะคะ เหมาะไหม"
"หือ พี่ทำไม...เหมาะกับอะไรจ๊ะ"
เนตรสิตางศุ์อยู่ที่แคชเชียร์ชำระเงินของร้านหนังสือ หันมาถาม
"เรียบร้อยยังคะ"
วรวรรธกัดฟันถือของหนักบอก
"เรียบร้อยครับ คนสวย"
"งั้นไปร้านอื่นต่อนะคะ...คนหล่อ"
วรวรรธหิ้วถึงหนังสือหนักอึ้ง แล้วสูดลมหายใจเดินตามเนตรสิตางศุ์
ในร้านเครื่องประดับ นิ้วณํฐเดชมีแหวนแบบเดียวกับสุพิชชา เธอยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย ฝ่ายณัฐเดชมองเยิ้มไม่แพ้กัน ทั้งสองต่างยกนิ้วมือขึ้นมาโชว์พร้อมกัน ทั้งคู๋เดินจูงมือออกจากร้านเครื่องประดับ
บริเวณร้านเครื่องดื่ม วรวรรธกำลังจ่ายเงินซื้อเครื่องดื่มคนละแก้ว เนตรสิตางศุ์เดินไปดูของร้านข้างๆ
อีกฝั่งหนึ่งณัฐเดช สุพิชชาเดินออกมา
"พีชหิวน้ำมั้ย"
"เอาสิคะ ดีเหมือนกัน"
ณัฐเดชมองหาร้าน
วรวรรธถือของพร้อมน้ำ 2 แก้วเดินตามเนตรสิตางศุ์ที่ยืนห่างออกไปสองสามล็อก อีกฝั่งหนึ่งณัฐเดชกำลังจูงสุพิชชาเข้ามาที่ร้านเครื่องดื่มเดียวกัน คลาดกันฉิวเฉียด
เนตรสิตางศุ์กำลังยืนเลือกดูของอย่างตั้งใจ วรวรรธเดินหิ้วถุงกล้ามโตตามมายืนข้างๆ ฝ่ายณัฐเดช ยืนรอเครื่องดื่มกับสุพิชชาที่ร้าน ณัฐเดชเหลียวหันมา พอดีกับที่เนตรสิตางศุ์กับวรวรรธก้มดูของอยู่พอดี สุพิชชาชวนณัฐเดชคุย เป็นจังหวะเดียวกับเขาขยับมาบังทั้งคู่พอดี สักครู่ทั้งสองคนกำลังเดินไปทางอื่น ณัฐเดชขยับรับน้ำ สุพิชชาเห็นวรวรรธและเนตรสิตางศุ์กำลังเดินพ้นตึกไปพอดี
สุพิชชาทำหน้านิ่ง
"มีอะไรเหรอคะ" ณัฐเดชถาม
"เปล่าค่ะ"
ที่หน้าเซ็ต สองหนุ่มเดินหลงทาง นักแสดงประกอบ 7-8 คนเดินเข้าฉากไปมา คนขายของ ร้านขายของดูดี สวยงาม กล้องกำลังซ้อมเครนยิงลงมาที่เซ็ตถ่ายทำ
เอกชัย กำลังนั่งคุยกับพงษ์ศักดิ์ที่หน้ามอนิเตอร์
"โอเคครับ ไม่มีอะไร แค่ลูกค้าเจ้าหนึ่งของจุนจีเข้ามา แล้วเข้าใจผิดกันเล็กๆ"
"เออ งั้นก็ดีแล้ว ไปบอก ให้ จุนจี กับซองซู เตรียมได้ละ" เอกชัยบอก
"ครับพี่"
ป๋องเดินไป
เอกชัยสั่งผ่านวิทยุ
"เอ้า ลองเครนอีกรอบสิ"
เอกชัยมองหน้ามอนิเตอร์ เขาสั่งผ่านวิทยุ
"โอเค...เอ้า จริงเลย"
เอกชัยรอสักครู่แล้วบอก
"..ห้า สี่ สาม สอง"
ภาพในมอนิเตอร์ เห็นไตรรัตน์เดินเด๋อผ่านหน้ากล้อง หน้าเต็มจอ
"เฮ้ยคัท ใครวะ"
กรรัมภามานั่งอยู่กับสุคนธรสในห้องพักนักแสดง ทำสะบัดๆ เชิดๆ ภายในห้องมี จองกุ๊ก ปาริฉัตร และรปภ. 2-3 คนอยู่ด้วย
"ปั้ดโถ คุณแก้มจากบริษัทเครื่องสำอาง อีลีแก้นซ์ (Elegence) นี่เอง แหม...แหะๆ ทีแรกเป้ยก็เข้าใจว่าเป็นพวกตัวประกอบสวยใสไร้สติซะอีก จริงๆนะคะ ดู เป้ยนี่ตาต่ำจริงๆ คุณแก้มใช้กระเป๋าราคาแพงขนาดนี้ เป้ยดันเห็นเป็นของปลอมเสิ่นเจิ้น...แย่จังเลย แยกไม่ออกจริงๆ" ปาริฉัตรบอก
"อา...เออคุงแก้มW
กรรัมภาแอบขยิบตาให้จองกุ๊ก แล้วผายมือไปทางสุคนธรส
"ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ นี่คุณโรส ลูกสาวเจ้าของอีลีแกนซ์"
กรรัมภาค้นๆในกระเป๋าหยิบนามบัตรยื่นให้
"นี่นามบัตร"
สุคนธรสสะดุ้ง หันมองกรรัมภา
"สะ...สวัสดีค่ะ เอ้ยสวัสดีฮะ คุณปาริฉัตร"
"อุ้ย รู้จักเป้ยด้วยหรือค่ะ"
"อ้อ ใช่สิฮะ ซุปตาร์ตัวแม่อย่างคุณ ผมก็ต้องรู้จักซิฮะ"
สุคนธรสยังใส่แว่นดำอำพราง พูดดัดเสียงทอมๆ แต่ออกอาการเกร็งๆไปด้วย
"ต๊าย ถ้างั้นเป้ยกราบขอฝากเนื้อฝากตัวเลยนะคะ มีอะไรเรียกใช้เป้ยได้ อีเว้น พรีเซ็นเตอร์ พิธีกร เดินแบบ เป้ยรับได้หมดเลยค่ะ"
"อ้อ ฮะๆ ยินดีฮะ"
ปาริฉัตรเข้ามากอด สุคนธรสทำหน้าไม่ถูก เขินๆอายๆ หน้าแดง กรรัมภาแอบขำ พงษ์ศักดิ์โผล่หน้าเข้ามา
"มิสเตอร์จุนจี แอนด์ มิสเตอร์ซองซู พลีส"
จองกุ๊กหันไป
"ไปเปลี่ยนชุดแล้ว"
พงษ์ศักดิ์เห็นกรรัมภาพอดี ก็จำได้
"อ้าว...น้องแก้ม"
กรรัมภาพยายามบังหน้าตัวเอง กลัวความแตก
พลันมีเสียงโหวกเหวกจากข้างนอกดังเข้ามา
"รปภ. รปภ. อยู่ไหน มานี่เร้ว"
ทุกคนหันมองออกไป พงษ์ศักดิ์รีบวิ่งออกไป แก้มกับรสถอนหายใจ
ที่หน้าเซ็ททีมงานและเอกชัย กำลังยื้อยุดลากดึงไตรรัตน์ไปมา นักแสดงประกอบมองเหตุการณ์อย่างงงๆ
"มาจากไหนเนี่ย ออกไป เร็ว" ทีมงานถาม
"เฮ้ย อะไรเนี่ย ผมมาดี จะมาจับตัวผมทำไม
"ไม่ได้ คุณเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง ห้ามเดินเล่นแถวนี้ ผมกำลังถ่ายละครอยู่ ไม่เห็นรึ" พงษ์ศักดิ์บอก
"เรื่องของพวกคุณ ผมจะมาหาเมียผม เมียผมอยู่ไหน"
เอกชัยตะโกน
"ไอ้บ้า ไม่รู้เว้ย เมียเมอที่ไหน ยามเว้ย"
"รปภ.ครับ เขาให้เรียก รปภ." พงษ์ศักดิ์บอก
"เออ...ใช่ รปภ. หายศีรษะไปไหนกันหมดครับ"
จองกุ๊ก ปาริฉัตร และรปภ.วิ่งโผล่มา กรรัมภากับสุคนธรสโผล่ตามมา
"มีอะไรเหรอฮะ" สุคนธรสพูดพลางปลดแว่นดู
สองสาวหน้าเหวอ ตกใจ
"ว้าย...สามี!"
ไตรรัตน์หันมาเห็นพอดี สีหน้าเดือด ชี้หน้า
"นั่น นั่นเมียผม ปล่อยๆ บอกให้ปล่อย"
ทั้ง 2 คนรีบมุดหนี หายตัวไป ทุกคนมองหันไปมอง
"ห้า...ป่าว เป้ยไม่รู้จักเขา เป้ยไม่เกี่ยว" ปาริฉัตรบอก
"จะหนีไปไหน คุณสุคนธรส"
ไตรรัตน์ฮึดจนหลุดจาก รปภ. แล้ววิ่งจู๊ดตามออกไป
"เมียจ๋า...สามีมาแล้ว"
ปาริฉัตรมือทาบอก เป่าปาก อย่างโล่งอก
สุคนธรสรีบลากกรรัมภาพากันวิ่ง โกยแน่บ
สุคนธรสบอก
"อีตาไตวายมันมาทำไม คนบ้า นี่แหละ ที่เขาบอกว่า มีผัวผิดคิดจนตัวตาย"
ไตรรัตน์วิ่งตาม
"คุณรส ทำไมเธอแต่งตัวแบบนั้น ลับหลังชั้น เธอแอบกิ๊กกะเพื่อนสนิทเหรอ"
รปภ. 4 คน ควบตาม ทีมงานควบตามต่ออีก
"คุณรส หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณรส นี่ความจริงคุณเป็นหนุ่มใช่มั้ย มิน่าล่ะ คุณถึงไม่ยอมผมซักที"
"หนุ่มบ้าอะไรล่ะ คนบ้า ไปให้พ้นนะ"
"ชั้นทำเพื่อนซวยอีกแล้ว"
สุคนธรส รีบจูงกรรัมภา วิ่งไปอีกทางหนึ่ง ไตรรัตน์ รปภ. และทีมงานวิ่งตามกันเป็นพรวน ทั้งคู่วิ่งจนเกือบชนเข้ากับจุนจี กับซองซู ที่อยู่ในชุดกางเกงชาวเลเตรียมเข้าฉาก แต่ทั้งสองโดดหลบทัน
"ว้าย!"
ไตรรัตน์ และ รปภ.ทีมงานวิ่งผ่านมา
"หลบๆ"
ไตรรัตน์ผลักจุนตีเซ
"เฮ้ๆ...นี่อะไรกันนี่...หน้าคุ้นๆ"
ทั้งคู่วิ่งมาถึงรถมอเตอร์โฮม แล้วหยุดเหนื่อยหอบ หลบ
"โอย...นายไตวายของแกเป็นบ้าอะไรน่ะ แล้วนางมาทำอะไรที่นี่"
"ไม่รู้ ฉันก็ไม่รู้ บ้าจริง"
ทั้งสองหันมองไปมา
ไตรรัตน์วิ่งผ่านรถมอเตอร์โฮมไป รปภ. ทีมงาน วิ่งกันเหนื่อยลิ้นห้อย โกยตามต่อ กรรัมภา สุคนธรสค่อยๆโผล่หน้าออกมา
อ่านต่อหน้า 2
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 6 (ต่อ)
ที่หน้าเซ็ตฉากริมทะเลกำลังเตรียมถ่ายต่อ เอกชัยสีหน้าเซ็งอยู่หน้ามอนิเตอร์ พงษ์ศักดิ์เดินมาสีหน้าเหนื่อย
"จับไอ้บ้านั่นไปส่งตำรวจแล้วยัง"
"มันวิ่งหายออกไปนอกกองแล้วครับ เดี๋ยว รปภ.คงจับได้"
"เออ บอกไอ้พวก รปภ.ล่ะ ว่าอย่าให้ใครเข้ามาอีก"
"ครับๆ"
"ไปให้ จุนจี กับซองซู มาบนเวทีเลย"
"ครับพี่" พงษ์ศักดิ์หันไปตะโกน
เนตรสิตางศุ์กับหมอวรวรรธเดินมาริมแม่น้ำ
"คุณหมอค่ะ ถ่ายรูปให้เนตรหน่อยสิค่ะ"
"ครับๆได้เลย คนสวย"
วรวรรธวางของ เอามือถือขึ้นมาเล็ง กำลังจะถ่ายรูป
"เอานะคะ"
ภาพใน Viewfinder เนตรจากยิ้มอยู่ดีๆ ก็หุบยิ้มทำหน้าประหลาดใจ
"อ้าว...คุณเนตร ทำไมทำหน้าบึ้ง ยิ้มสิครับ"
เนตรหน้าอึ้งๆ สายตามองผ่านหลังหมอวรวรรธไป เจอสุพิชชายิ้มสวยจูงมือณัฐเดชเข้ามา
"สวัสดีจ้ะน้องเนตร สวัสดีนะหมอตาหนู... ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีนะคะ"
"สบายดีครับพีช พีชก็ดูดีนะครับ"
เนตรสิตางศุ์หน้าตึง ร้อนผ่าว เงียบนิ่ง
"โชคดีจังค่ะที่ได้มาเจอทั้งสองคน อากาศวันนี้ก็ดี ไม่ร้อนด้วย โอโห ได้ของไปเยอะเชียว มาเดินนานแล้วสิคะ"
ณัฐเดชไม่กล้าสบตาน้องสาว ไม่พูดจาเช่นกัน
"สักครู่ครับ กำลังว่าจะกลับ"
"ว้า ว่าจะชวนไปนั่งกินอะไรกันเบาๆซะหน่อย นี่ค่ะของพีช เดินตั้งนานได้แหวนมากันคนละวงเอง"
สุพิชชาพูดพลางยกแหวนโชว์ให้ดู เนตรสิตางศุ์ค้อนขวับมองนิ้วพี่ชายที่ท่าทางอึกอัก ทำอะไรไม่ถูก
"ยัยเนตร... พี่"
เนตรสิตางศุ์เงียบ ไม่ตอบ วรวรรธเห็นท่าไม่สู้ดี
"ถ้าอย่างนั้น ผมคงขอตัวกลับกันก่อนดีกว่าครับพี่ณัฐ พีช ของผมเยอะด้วย หนัก...เชิญตามสบายนะครับ ไปเลยมั้ยครับเนตร"
"เดี๋ยวสิคะ ตาหนู เดี๋ยวสิคะ น้องเนตร อะไรกัน พอเห็นหน้าเราก็วงแตกกันหมดเลยเหรอ แหม น้องเนตรขา น้องเนตรรังเกียจพี่ โกรธแค้นอาฆาตพี่ จนไม่ยอมให้อภัยเลยเหรอ"
เนตรสิตางศุ์ อึ้ง
"หมอตาหนูก็อีกคน เรื่องอะไรมันแล้วไปแล้ว ก็พยายามลืมกันหน่อยได้ไหมคะ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว พีชขอยอมรับ ว่าพีชเป็นคนผิด พีชขอโทษ ขอโทษหมอตาหนู ขอโทษน้องเนตรด้วย ทั้งสองคนจะยอมรับให้พีชกลับมาเป็นเพื่อน เพื่อนจริงๆค่ะ ได้ไหมคะ"
ทั้งสององหน้ากัน แล้วมองณัฐเดช
"พี่ขอร้องนะ ยัยเนตร ไอ้หมอ นึกว่าเห็นแก่พี่ก็แล้วกัน...นะ"
ณัฐเดชมองน้องสาว อย่างอ้อนวอน
เวลาต่อมา บริกรเอาไอศกรีมที่ดูน่ากินมาวางหน้าทุกคน
"ตาหนู ยายหนู ไอศครีมเป็นของโปรดของทุกคน แล้วก็เป็นของที่หวานๆ เย็นๆ สดชื่น พี่ขอให้พวกเราใจเย็น สบายๆ ผ่อนคลาย แล้วก็มาสร้างบรรยากาศที่ดีต่อกัน นะ พี่ขอร้อง"
เนตรสิตางศุ์ถาม
"พี่ณัฐ...เอ้อ คุยกับคุณสุพิชชามานานแล้วสินะคะ"
"เรียกพี่ว่าพี่พิช ได้ไหมจ๊ะ ยายหนูน้อย"
เนตรสิตางศ์มองหน้าพี่ชาย ณัฐเดชสีหน้าลุ้นจนน่าสงสาร เธอตัดสินใจ หันมายิ้มให้สุพิชชา
"ได้ค่ะ พี่พีช"
สุพิชชาทำหน้าซึ้ง น้ำตาไหล ลุกมาโผมากอดเนตรสิตางศุ์
"ขอบคุณจ้ะ ยัยน้องหนูตัวน้อยๆ ขอบคุณ แต๊งกิ้วเหลือเกิน ที่น้องยอมให้โอกาสพี่"
วรวรรธมองอึ้ง ณัฐเดชดีใจ
"แล้ววรรธล่ะคะ..หมอตาหนูจะเรียกพีช ว่าพี่พีชด้วยก็ได้นะ เพราะพิช ตกลงคบกะพี่ณัฐแล้ว"
วรวรรธกระอักกระอ่วน
"ไม่เป็นไรครับ ผมขอเรียกพีช ว่าพีชเหมือนเดิมก็แล้วกัน ถ้าเราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง คงไม่เป็นไรหรอก จริงไหมครับ พี่ณัฐ"
"จริง"
สุพิชชาทำตาใส หัวเราะออกมา ทั้งที่ตะกี๊เพิ่งร้องไปหยกๆ น้ำตาแห้งทันที
"เฮ้อ...ดีจังเลย โล่งอกไปที เราสองคนต้องแอบๆซ่อนๆ ปิดบังกันมาตั้งนาน นะคะ พี่ณัฐ เพราะเรากลัวว่าเด็กน้อยสองคนนี้จะรับเราไม่ได้"
"ถ้า..พี่ณัฐมีความสุข คุณ เอ๊ย พี่พีชมีความสุข พวกเราก็ต้องรับได้สิคะ"
"พีชได้ผ่านความทุกข์มามากค่ะ แล้วตอนที่พีชตกต่ำที่สุด โดดเดี่ยวที่สุด คนที่รักพีช ดูแลพีช อยู่เคียงข้างพีช ก็คือพี่ณัฐ"
สุพิชชากลับไปนั่งแทบจะซ้อนตักณัฐเดช เอามือณัฐเดชมากุมแบบนิ้วสานกัน มองกันตาเชื่อมหวาน
"พี่ณัฐฉุดพีชขึ้นมาจากความมืด ทำให้พีชได้มองเห็นตัวเอง เห็นความผิดพลาด เห็นว่าตัวเองหลงทางไปไกลเหลือเกิน เวลานี้ พีชกลับมาได้แล้ว ตาสว่างแล้ว กลับตัวใหม่แล้ว พีชหวังว่า..วรรธจะเข้าใจ แล้วก็ทิ้งอดีตให้มันเป็นอดีตไป ทุกคน เราจะอยู่กับปัจจุบัน แล้วก็ ก้าวไปข้างหน้า ได้ไหมคะวรรธ"
"ได้สิครับ...พีช"
วรวรรธหันมายิ้มกับเนตรสิตางศุ์
"ถ้าอย่างนั้น เนตรก็ขออวยพร ให้พี่ณัฐ กับพี่พีชมีแต่ความสุขมากๆ นะคะ"
"ใช่ครับ เราสองคน ขอแสดงความยินดีให้พี่ณัฐกับพีชด้วยนะครับ"
เนตรสิตางศุ์กับวรวรรธยิ้มให้ณัฐเดชกับสุพิชชา วรวรรธจับมือเนตรสิตางศุ์มาบีบให้กำลังใจ สุพิชชาตวัดสายตามองวาบที่มือ2คน แล้วรีบเมินหันไปกอดแขน ซบบ่าณัฐเดช ซ่อนสายตาตัวเอง
ที่หน้าเซ็ต พงษ์ศักดิ์กำลังคุมนักแสดงซ้อมฉากที่กำลังจะถ่ายทำ
"ครับ คุณจุนจี กับ คุณซองซู เดินมาจนถึงมาร์คนี้...ถูกต้องครับ"
จุนจี กับซองซูในชุดชาวเล เดินมาจนถึงจุดที่ให้หยุด
เอกชัย จองกุ๊ก จ้องหน้ามอนิเตอร์ ยิ้มพอใจ
มุมข้างหนึ่งของเซ็ตฉาก กรรัมภา กับสุคนธรส ค่อยๆโผล่มาดูบ้าง
"ท่าจะรอดและนะยัยรส"
"อย่าพูดนะ...พูดเดี๋ยวนางโผล่มา...เธอไม่รู้จักนายไตวายซะแล้ว...บรื้อ..."
บริเวณรถสุขาในกองถ่าย ไตรรัตน์โผล่หน้าจาม1ที หันมองซ้ายขวาแล้วพรวดเดินหายไป
พงษ์ศักดิ์อธิบายแอกติ้งต่อ ด้วยหน้าตาเหม่อมลอย อินจัดกับบท
"แล้วคุณเป้ยก็เดินเข้าเฟรมมา มองไม่เห็นจุนจีจึงชนกัน คุณเป้ยเซจะล้มลง จุ้นจีเข้าไปรับไว้ได้ทัน ก่อนที่คุณเป้ยจะถึงพื้น คุณเป้ยตกอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มหน้าเกาหลีที่แต่งตัวเป็นชาวเลพื้นเมือง"
นักแสดงทั้งหมดทำตามคิวและ acting ตามที่พงษ์ศักดิ์อธิบาย
"เป้ยเข้าเฟรมมาเฮฮาพร้อมเพื่อน 2-3คนที่อยู่ในชุดเที่ยวชายหาด"
พงษ์ศักดิ์อธิบายเข้าสู่จินตนาการของตัวเอง
จุนจีถาม
"อยู่ในอ้อมอกแล้วไงต่อครับผู้ช่วยป๋อง"
"อยู่ต่ออีกซักพักก็ได้ค่ะ" ปาริฉัตรบอก
พงษ์ศักดิ์ยังคงอินจัดเหม่อมองท้องฟ้า จุนจีกระแอม
"เออ...ครับ เดี๋ยวคัทแค่นี้ก่อนครับ"
จุนจีรีบปล่อยปาริฉัตรทันทีจนร่างเกือบร่วง
"ว้าย...จุนจีคะ ทำไมรีบปล่อยขนาดนี้ เป้ยหัวเกือบทิ่มเลย"
"พร้อมเอาจริงนะครับ...เตรียมตัว"
พงษ์ศักดิ์ให้สัญญาณพร้อมถ่าย
มุมเดิมข้างหนึ่งของเซ็ตฉาก ที่มี กรรัมภา และสุคนธรส มายืนดูถ่ายทำ ทั้งคู่ต่างกระซิบกระซาบกันไปมา
"เดี๋ยวนะยัยรส แล้วที่คุณไตรรัตน์เขาบอกว่า เธอไม่ยอมเขา มันคือ ไม่ยอมอะไรเหรอ"
"บ้าๆ อีตานี่ เอาเรื่องบนเตียงมาพูดกลางผู้คน"
"หา...เรื่องบนเตียงเหรอ"
สุคนธรสหุบปากแทบไม่ทัน
"ฮือๆ"
ไตรรัตน์โผล่พรวดมาอีกฝากหนึ่ง มองทะลุไปเห็นทั้งสองกระซิบแนบชิดอิงแอบ ซอกคอกันไปมา เขาโมโหเดือดสุดขีด
"หนอยแน่ะ...ยัยสุคนธรสที่แท้ก็เป็นแบบนี้"
รปภ.หน้าเดิม 3 นายเลิ่กลั่กเหนื่อยโชก หันมาเจอ แล้วชี้ๆ
พงษ์ศักดิ์นับถอยหลังเริ่มถ่ายทำ
"ห้า...สี่...สาม...สอง..แอ็กชั่น"
ทุกคนเริ่มการแสดงตามหน้าที่ ปาร์คจุนจีเดินมากับคิมซองซูจนเกือบถึงมาร์คที่ทำไว้
ไตรรัตน์พรวดพราดเข้ามาหาสองสาวเหมือนหมาบ้า คนบริเวณนั้นตกใจ
"สุคนธรส ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้ แก้มด้วย ผมนึกไม่ถึงเลย ว่าแก้มคือมือที่สามของครอบครัวของเรา"
สองสาวตกใจ หน้าเหวอทำอะไรไม่ทัน ไตรรัตน์พุ่งเข้ามาคว้าแขนสุคนธรสหมับแล้วลากกลับไป
"ว้าย ช่วยด้วย นายไตวาย นายเข้าใจผิดแล้วนะ"
"คุณไตรรัตน์ มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะ สิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็น!"
ไตรรัตน์ลากแขนสุคนธรสปลิวมาเข้าฉาก พอดีกับที่ รปภ.มาดักหน้าพร้อมทีมงานที่วิ่งตามมาบางส่วน ไตรรัตน์ชะงักอยู่กลางฉาก จุนจีและซองซูหยุด ยืนงง
"อะไรกัน เฮ้ย...เข้ามาทำไม นี่เขาถ่ายละครกันอยู่" ซองซูบอก
"อย่าเข้ามานะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน เรื่องของผัวเมีย...คนอื่นไม่เกี่ยวเว้ย"
"ปล่อยชั้นนะ อีตาบ้า อายคนเขาไหมเนี่ย"
หน้ามอนิเตอร์ เอกชัยฉุนโยนว.ลงกับพื้นแตกละเอียด
"มันมาอีกแล้ว...วุ้ย เอามันออกไปให้หมด"
จองกุ๊กบอก
"โอย...คุงแก้ม เป็นลมหนีดีกว่า"
"นี่เข้ามาทำไม เดี๋ยวชั้นต้องเข้าไปกอดจุนจีในฉากนะ" ปาริฉัตรว่า
"นายไตวาย มีอะไรก็กลับไปคุยกันที่บริษัทดีไหม"
"ยัยแก้ม ยัยเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ยัยคนหน้าซื่อใจคด จำเอาไว้เลยนะ อย่า มายุ่ง ผมมาตามเมียผม ออกไป" ไตรรัตน์พูดพลางหันไปทาง รปภ.
"นายไตวาย นายไปกินยาผิดมาเหรอ หรือม้ากะป๊าคุณให้กินแมลงวันสเปนเข้าไป"
"คุณ...แต่งตัวแบบนี้ มันบ่งบอกชัดเจน มิน่าล่ะ ถึงเก่งกาจนัก ปราบผี ปราบหมอผี เตะต่อยสารพัด ที่แท้ คุณมันก็คือทอมที่มาหลอกให้ผู้ชายรัก"
ซองซูบอก
"คุณแก้มครับ...มาอยู่กับผมดีกว่า คนนั้นเขาดูอันตรายจัง"
จุนจียืนเซ็งกอดอกดูละครสด รปภ.เห็นไตรรัตน์เผลอ ก็นัดคิวกัน
"จังหวะนี้เลย..นึง..ส่อง..ซ่ำ!"
พงษ์ศักดิ์ให้คิว รปภ. ลุยพุ่งมาจับแขนจับขา คว้าตัว สุคนธรสฉวยจังหวะสะบัดหลุด กรรัมภารีบเข้าไปช่วย ไตรรัตน์ที่โดนรุม ก็โมโหสะบัดหลุด รปภ. กลุ้มรุมออกมาได้พุ่งมาคว้ามือกรรัมภา กับสุคนธรสได้ทัน
"ว้าย"
ไตรรัตน์เหวี่ยงกรรัมภาเซถลาเข้าไปทางจุนจี ก่อนล้มกลิ้ง จุนจีรับไว้ได้ทัน กรรัมภาอยู่ในอ้อมกอดจุนจีแทนปาริฉัตร
"แอร๊ย... เป้ยไม่ยอม ต้องเป็นเป้ยที่อยู่ในอ้อมกอดจุนตี ไม่ใช่คุณแก้ม"
จุนจีโพล่ง "เฮ้ย"
กรรัมภาร้อง "ว้าย"
กรรัมภาอึ้งมองหน้าจุนจี ตะลึง ตั้งสติ แต่ทันใดนั้น ทั้งฉากผ้าและเครนที่กั้นอยู่ทั้งมวล ก็พังครืนลง เพราะ รปภ. ถูกเหวี่ยงล้มหงายมาโดน ฝ้าล้มลงเป็นโดมิโน พลันไป หัวหน้าทีมงานที่บังคับเครนมือไปขยับโดนคันบังคับ
เครนเหวี่ยงผ่านหัวจุนจี
เอกชัย พงษ์ศักดิ์ ทีมงาน ปาริฉัตร ทุกคนร้องโวยวาย เมื่อเห็นเครนเหวี่ยงไม่มีทิศทาง ทุกอย่างวุ่นวายต่างกับมุมมองจุนจีและกรรัมภา ทีมงานก้มหลบหวุดหวิด
"ว้าย" ปาริฉัตรร้อง
"มานี่...กลับบ้านคุณรส"
"ปล่อยชั้น...นายไตวาย"
เครนหวุนเหวี่ยงมาทางด้านหลัง ไตรรัตน์มองไม่เห็น พลั่ก! เครนชนไตรรัตน์ ทุกคนตกใจร้องวี๊ด
"นายไตวาย"
แก้มและจุนจี ยังคงอยู่ในอารมณ์ของตนเอง จนเสียงเอะอะโวยวาย ทำให้สติทั้งคู่กลับมา จุนจีเขินๆ"เอ่อ"
"ปล่อยได้แล้วค่ะ"
จุนจีดึงกรรัมภาขึ้น แต่เธอยังไม่ทันตั้งตัว ปาริฉัตรก็เข้ามาถึงตัวพอดี
"จุนจี เป้ยไม่ยอมนะ เราต้องถ่ายฉากนี้กันใหม่"
ปาริฉัตรกระแทกกรรัมภาโดยบังเอิญ
"ว๊าย..."
จุนจี สีหน้าตะลึงสุดขีด รีบหนีบขา มือหนึ่งปิดอก มือหนึ่งปิดน้องไว้
"เว้ย"
ปาริฉัตรเสียงวี๊ดดังยิ่งกว่าคนอื่น บรรดาไทยมุง แฟนคลับ ทีมงาน และนักข่าว ที่อยู่หน้าเซ็ต อ้าปากค้างตะลึง ปาริฉัตรมองตาไม่กระพริบ ทำปาก “อู้หู” เหล่าไทยมุงกับแฟนคลับร้องด้วย
กรรัมภาตะลึงร้อง "อย่า" หันมองทั้งจุนจีและทีมงาน ตัวประกอบ นักข่าว ก่อนบรรดากล้องทั้งหลายจะลั่นชัตเตอร์ เธอยื่นเหยียดเอากระเป๋าที่หิ้วอยู่ ปิดตรงของสงวนน้องน้อยจุนจีไว้พอดี จุนจีหน้าเหวอ ยืนเปลือยบิดปิดน้องชายไว้
ทุกฝ่ายต่างยกกล้องขึ้นมายิงระรัว
คืนพระจันทร์เต็มดวง ทั้ง 5 สาวต่างมีภารกิจ ที่รีสอร์ต ญาญินอาบแสงจันทร์นั่งสมาธิเพิ่มพลังให้ตัวเองตามความเชื่อ
“ในคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์ขึ้นอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับพระอาทิตย์ สว่างเต็มดวงที่สุดในรอบเดือน เป็นคืนแห่งพลังชีวิตของสรรพสิ่ง และสัมผัสพิเศษของเรา ไม่เว้นแม้ภูติผี!"
อีก 4 สาวก็นั่งสมาธิเพิ่มพลังให้สัมผัสพิเศษของตัวเองในคืนเดือนเพ็ญเช่นกัน!!
สุคนธรสนั่งสมาธิในห้องพระบ้านไตรรัตน์, เนตรสิตางศุ์นั่งสมาธิอยู่ในห้องนอน, กรรัมภานั่งสมาธิอยู่กลางห้องหรูหรา, กรรณาออกมานั่งสมาธิในสวนที่บริษัทซิกส์เซนส์
ที่บ้านพักในรีสอร์ต ติณห์กำลังฝึกนั่งสมาธิอยู่บนปลายเตียง เขานั่งหันหลังให้กับประตูระเบียงห้องที่เป็นกระจก เห็นพระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่เหนือหัวติณห์พอดิบพอดี ทำให้จิตติณห์ปล่อยวางจากทุกสิ่ง มุ่งสู่สมาธิได้โดยไม่รู้ตัว ปรากฏแสงออร่ารอบตัวติณห์ขึ้นบางเบา
บรรยากาศภายนอกรีสอร์ต เริ่มแรกป่ารอบๆรีสอร์ตสลัวด้วยแสงจันทร์ สงบนิ่ง ไร้สายลม แม้แต่ใบไม้ยังไม่ไหวติง เพ่งลึกเข้าไปในป่า ปรากฏหมอกควันสีขาวค่อยๆ คืบคลานมาตามพื้นป่า พร้อมกับเสียงหอนของราวป่าดังโหยหวนขึ้น
หมอกควันเล็กๆล่องลอยจากทุกทิศทุกทางราวกับมีชีวิต ฟุ้งกระจายจนป่าถูกปกคลุมไปด้วยหมอก
และท่ามกลางหมอกควันเหล่านั้น มีบางสิ่งโผล่มาจากพื้นดินพื้นหญ้า ปรากฏร่างตะคุ่มของสิ่งที่มากับหมอกควัน กลุ่มร่างตะคุ่มของคนมากมายเคลื่อนไหวแข็งทื่อไม่เหมือนมนุษย์
เหล่าทหารญี่ปุ่นกางเกงขาดวิ่น ใส่รองเท้าบู้ท มือและขามีร่องรอยบาดแผลเหวอะหวะจากศึกสงคราม เห็นดาบปลายปืนที่สะพายอยู่ที่ไหล่และดาบซามูไรที่เหน็บเอว มีเสียงครางในคอของพวกซอมบี้ ราวกับตั้งแถวทหารมุ่งหน้าไปที่เป้าหมายตรงหน้า นั่นคือรีสอร์ตของติณห์
ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ลืมตาผึงขึ้น รู้สึกได้ถึงสิ่งชั่วร้ายที่กำลังมาเยือน เธอเปิดประตูห้องเข้ามาปลุกอรวรรณให้ตื่นขึ้นอย่างแผ่วเบาที่สุด
"ป้าออคะ ตื่นค่ะ"
อรวรรณสะดุ้งตื่นขึ้นตามนิสัยคนขี้ตื่นตกใจ
"มีอะไรคะคุณหนู"
"ชิ้ว...เบาๆค่ะป้าออ ณินเองก็ยังไม่รู้ค่ะว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่ามันกำลังมาที่นี่"
"คุณพระช่วย! เรากำลังจะเจออะไรคะ อะไรกำลังมาคะคุณหนู"
แล้วอรวรรณก็เห็นเงาของคนปรากฏเดินผ่านที่กระจกหน้าบ้านไป
"นั่น...มะๆๆมันมาแล้ว!"
ทั้ง2ตกใจยืนเกาะกันนิ่งมอง ญาณินยกนิ้วจรดปากบอกให้อรวรรณเงียบ แล้วล้วงผ้ายันต์จากกระเป๋าออกมาถือกำไว้ แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"ว้าย! ช่วยด้วย มันจะเข้ามาแล้ว"
อรวรรณโวยวายสุดกำลัง คิดว่าเจอผีแน่ๆ ญาณินพยายามให้อรวรรณสงบสติอารมณ์
"ชู่วๆ...ป้าออเงียบก่อน เงียบ หยุด"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก อรวรรณยังไม่หยุดโวยวาย
"คุณหนู...โกลเดนเบบี๋อยู่ไหน...คุณรส คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วย"
"ป้าออ...พอได้แล้ว หยุดก่อน!"
ญาณินเอามืออุดปากอรวรรณ หมับ!
"ชู่วๆ มีสติค่ะ มีสติ"
อรวรรณพยักหน้าแบบหวาดระแวง แล้วทั้งสองเงี่ยหูฟังสิ่งที่อยู่หน้าประตู
"คุณณิน...คุณณินครับ"
"คุณติณห์!"
ญาณินจะไปเปิดประตู แต่อรวรรณรั้งไว้
"อย่า! อย่าไปเปิดนะคะ อาจจะไม่ใช่คุณติณห์ก็ได้"
"ถ้าไม่เปิดแล้วจะรู้เหรอคะว่าใช่หรือไม่ใช่"
อรวรรณได้แต่อึกอัก ญาณินกำผ้ายันต์ไว้แน่น เดินไปที่ประตู ตัดสินใจเปิดประตู ผลัวะ! ออกไป
ติณห์ยืนถือปืนลูกซองยาว พร้อมเป้สะพาย หันรีหันขวางอยู่หน้าบ้าน
"คู๊ณณิน! ผมได้ยินเสียงแปลกๆ do you hear some strange sound?"
ติณห์รีบปิดประตูล็อกแล้วเดินเข้ามาในเรือนรับรอง
"คุณได้ยินไหม"
"ค่ะ ฉันได้ยิน แต่คุณต้องแบกปืนมาขนาดนี้เลยเหรอ จะมีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ"
"ผมก็ไม่รู้ แต่อย่าประมาทดีกว่า"
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีโผล่มาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังญาณิน...
"ฉันเฮีย...ชัดเต็ม2ลำโพงเลย"
ติณห์ชะงักมองไป อ้าปากค้างที่มองเห็นวิญญาณหลวงพิชัยภักดี แล้ววิญญาณโกลเดนเบบี๋ก็โผล่มาให้เห็นอีกตัว
"หนูก็เฮียด้วยคน เสียงแบบนี้ ไอไม่คุ้นหูเลยแหะ"
ติณห์ตกใจปากหว๋อ
"ผะ...ผมๆเห็นแล้ว"
"ห่ะ! ไหนคะ คุณเห็นอะไรคุณติณห์ มะๆๆมันอยู่ไหน"
ติณห์ชี้
"ก็อยู่ที่ข้างๆคุณณินนั่นไง"
"ว้าย! ไหนคะไหน"
อรวรรณสะดุ้ง กระโดดตัวลอย หนีไปอยู่หลังติณห์
"แกรนด์ปากับโกลเด้นเบบี๋"
ทำเอาญาณิน วิญญาณหลวงพิชัยภักดีและโกลเดนเบบี๋หันมาหือพร้อมกันอย่างตะลึงงัน
"คุณมองเห็นคุณตาของคุณแล้วเหรอคะ ติณห์"
"ไม่ใช่แค่เห็น ผมยังได้ยินเสียงพูดชัดแจ๋ว 3D Dolby Surround Sound"
อรวรรณช็อก
"เฮ้ย! อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้นะคุณติณห์ ป้ากลัวนะคะ"
"เอ็งเห็นข้าจริงๆเหรอวะ ไฮ้! ไอ้หลานรัก"
วิญญาณตายื่นมือไปทดสอบหลานชาย
"ไฮ้...แกรนด์ปาที่รักของโพ้ม"
หลวงพิชัยภักดีดีใจมาก ชู 5 นิ้วถาม
"ฮ่ะๆๆๆ มันเห็นฉันจริงๆว่ะ นี่กี่นิ้ว"
"2นิ้ว...อ่าล้อเล่ง 5นิ้ว ฮ่ะๆๆในที่สุด ผมก็ทำด้าย ผมเห็นแกรนด์ปาแล้ว"
ติณห์ยื่นมือมาตบกับคุณหลวงพิชัยภักดี เขาดีใจดึงญาณินมากอด
"คุณติณห์เห็นผีคุณตาเหรอคะ อ๊าย... บอกคุณตาคุณซีคะ อย่ามาหลอกพวกเราเลย"
"เฮ้ย ไม่ใช่ฝีมือฉัน เสียงพวกนั้นฉันไม่ได้ทำเว้ย!"
อรวรรณหันไปเห็นเงาคนเดินผ่านหน้าต่างไปทางประตูเข้าบ้าน
"นั่น...คุณทนายมาแน่ๆเลยค่ะ ท่าทางจะเป็นห่วงป้าอ่ะค่ะ"
อรวรรณพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปปลดล็อกเปิดประตูออก แต่พบใครไม่รู้ ยืนโงนเงนไปมา หน้าตาซีดเซียว ตาแทบปิด
"อ้าว...ไม่ใช่คุณทนาย คุณ เอ่อ มาหาใครคะ"
ชายคนนั้นไม่ยอมตอบ มองป้าออแล้วอ้าปากช้าๆ
"ใครคะ...ป้าออ"
"ถามอะไรไม่ตอบ ท่าทางจะเมานะคะ ตัวงี้เหม็นเชียว"
ขณะอรวรรณพูด ซอมบี้ตัวนั้นพยายามจะหามุมกัด แต่ยังไม่ได้จังหวะ ติณห์กับญาณินมองหน้ากันอย่างงงๆ
อรวรรณหันไปพูดกับซอมบี้
"เออ...คุณเป็นคนงานที่รีสอร์ตหรือเปล่า ทำไมเสื้อผ้าขาดวิ่นแบบนี้"
"นี่คนงานรีสอร์ตเราป่าวคะ คุณติณห์"
หลวงพิชัยภักดีบอก
"เอ...ชั้นได้กลิ่นแปลกๆนะยัยหนู"
"หนูว่ากลิ่นเน่าเหมือนศพนะคุณตา"
"ป้าออ ผมว่า..."
ไม่ทันขาดคำ ซอมบี้ก็ร้องโอ๊กขึ้น พร้อมตะครุบ อรวรรณหันไปพอดี โดนซอมบี้จับไหล่จะกัด แต่ล้มไปด้วยกันทั้งคู่ ซอมบี้คร่อมร่างอรวรรณ
"ว้าย..ป้าออ" ญาณินร้อง
อรวรรณยังคงคิดว่า โดนชายขี้เมาพยายามจะลวนลาม
"ว้าย... เมาแล้วอย่ามาลวนลามชั้นนะ นี่แน่ะ"
อรวรรณตบเผี้ยะ ! เข้าที่หน้า จนซอมบี้หันตามแรงมือ ทุกคนสะดุ้ง เพราะความแรงที่ป้าอรวรรณตบ เสียงดังสนั่น ซอมบี้หน้าหันค้างอยู่อย่างนั้น
"อย่ามาทำอนาจารกับชั้นนะ ชั้นน่ะรักนวลสงวนตัวนะยะ"
ซอมบี้หันขวับมา คราวนี้ตาเบิกโพรงเป็นสีขาวทั้งลูกตา น่ากลัว พร้อมทั้งอ้าปาดเตรียมจะหม่ำอรวรรณให้ได้
"ว้าย...คุณติณห์ นั่นมันผี...ช่วยป้าออด้วยค่ะ" ญาณินบอก
"ผะๆๆ ผี! ว้าย...ช่วยด้วยๆ"
ติณห์รีบวิ่งเข้าไปเอาสันปืนตีที่หน้าผีดิบ จนกระเด็นไปทางหน้าประตู
"ป้าออ...ลุกเร็ว โดนมันกัดหรือยังครับ"
"ยังค่ะ ยัง บรื๋อ" อรวรรณรีบวิ่งหลบหลังญาณินทันที
ซอมบี้ลุกขึ้นมายืนแบบโงนเงนๆ แล้วพุ่งเข้ามาหาติณห์
หลวงพิชัยภักดีบอก
"สาดลูกตะกั่วใส่มันเลยไอ้ติณห์"
"จัดไป"
ตูม! เสียงลูกซองยาวดังสนั่นลั่นป่า โดนเต็มตัวซอมบี้
ภายนอกเรือนรับรอง ซอมบี้กระเด็นตามแรงลูกซองยาวของติณห์ออกมา ซอมบี้ตัวนั้นยังไม่ล้ม แถมยังพร้อมจะเข้าหาอีก ติณห์ใส่อีก ตู้ม! ซอมบี้กระเด็นล้มลงริมระเบียง
ทุกคนตามออกมาดู
โกลเดนเบบี๋บอก
"มันลุกมาอีกแล้ว"
ซอมบี้ยังคงมีแรงค่อยๆลุกขึ้นมาอีก
"เฮ้ย...โดนลูกซองไปสองนัดแล้ว ยังลุกมาอีก"
"คุณหนู !"
"นี่มันผี หรือตัวอะไรกัน"
"เอ๊า...จัดอีกดอก" ตู้ม!
ลูกกระสุนโดนเต็มท้องซอมบี้ตัวนั้น กระเด็นจากระเบียงทิ้งตัวมากระแทกพื้นด้านล่าง ทุกคนเดินมาดูเห็นซอมบี้นิ่ง
"สุดยอดไอ้หลานรัก โดนไปเต็มๆแบบนี้ ถึงเป็นผีก็ไม่ลุก"
"เอ่อ...ผมว่าแกรนด์ปาอย่างเพิ่งดีใจเลยครับ"
ซอมบี้ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก
"อะไรวะ ยังลุกมาได้อีก"
"ก็คุณตาไปท้าเขา เขาก็ลุกขึ้นมาดิคะ ผีนะคะ ห้ามท้าทาย"
ซอมบี้ค่อยๆลุกตื่นขึ้นมา ตรงกลางลำตัวกลวงโบ๋
"จะฆ่ามันยังไงล่ะคะ มันถึงจะตาย" ญาณินถาม
"โฮ่ก"
ทั้งหมดต้องเงียบกริ๊บ! เมื่อเสียงหอนของป่าดังครืนกลบทุกเสียง เสียงโหยหวนดังมาก
"ดะๆๆ...ดูนั่นซีคะ" อรวรรณพูดเสียงสั่น
ทุกคนตกใจ เมื่อเห็นป่าตรงหน้ามีหมอกควันไหลเข้ามาปกคลุมโอบล้อมเรือนรับรอง เสียงหอนของป่าที่เคยเป็นสุสานแห่งสงครามราวกับเสียงโหยหวนของปีศาจ แม้แต่หลวงพิชัยภักดี กับโกลเดนเบบี๋ยังรู้สึกขนหัวลุก อรวรรณกลัวมาก เกาะญาณินแน่น
"แย่แล้วคุณตา พวกเราได้ถูกล้อมไว้โดยละม่อมแล้ว!"
"แล้วไอ้ละม่อมมันเป็นใครวะ บังอาจมารุกล้ำที่ดินของข้า ม่ะ เอ็งมาเจอกับข้าหน่อยไอ้ละม่อม"
โกลเดนเบบี๋ทำหน้าเซ็ง
"หมอกควันอะไรเนี่ยะ ทำไมมันเย็นยะเยือกแบบนี้ บรื๋อ..."
ติณห์มองรีสอร์ตที่ถูกหมอกควันปกคลุมจนขาวโพลนเป็นทะเลหมอกไปทั่ว
"นั่นคุณติณห์ มันมากันเป็นฝูงเลย!"
ริมรั้วเรือนรับรอง ปรากฏเป็นเงาร่างผีดิบเดินได้ มากันเต็มไปหมด
โกลเดนเบบี๋อุทาน
"โอ๊ะ โอ่"
ภายในบ้านไตรรัตน์ สุคนธสนั่งสมาธิ ขยับจมูกเพราะได้กลิ่นของวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในบ้านหลังนี้ เพราะเมื่อพลังของเธอเต็มที่ในคืนเดือนเพ็ญ วิญญาณที่ซ่อนเร้นอยู่มานานในบ้านหลังนี้จนแทบจะกลายเป็นผีเรือน ก็ไม่อาจรอดพ้นสัมผัสที่ 6 ของเธอไปได้ สุคนธรสลืมตาผึง...รำพึงออกมา
"เป็นไปได้ยังไงบ้านนายไตวาย ยังมีวิญญาณซ่อนอยู่อีก1ดวง กลิ่นของความเหงา ความน้อยใจ ความโกรธที่ถูกทอดทิ้ง...ทำไมเราเพิ่งจะได้กลิ่น...อ้อ..."
สุคนธรสรีบออกจากสมาธิแล้วลุกเดินออกไป เธอเดินตามกลิ่นวิญญาณมา
"กลิ่นวิญญาณแรงขึ้น...แรงขึ้น อยู่แถวๆห้องนอนเรานี่เอง เป็นไปไม่ได้"
สุคนธรสเดินตามกลิ่นมาเรื่อยๆ...จนผ่านห้องนอนของตัวเอง ปรากฏ เสียงดังโครมใหญ่จากในห้องเหมือนของหนักตก จนสะเทือนไปทั้งบ้าน เธอตกใจ
"ห่ะ!"
สุคนธรสเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นไตรรัตน์ตกจากเตียงคว่ำหน้าเหยเกอยู่ข้างเตียง เขาใส่เฝือกอ่อนที่คอ และเข่าใส่เฝือก เนื่องจากมีเรื่องกับซองซูที่กองถ่าย
"นายไตวาย!"
"อ๋อย! ที่รัก ช่วยสามีด้วย"
สุคนธรสรีบเข้ามาประคองให้นอนหงาย เอาหน้าขึ้น
"โอ๊ยๆๆ... เบาๆ เจ็บๆ"
"สามีนอนประสาอะไรห่ะ กลิ้งตกเตียงลงมาได้ เจ็บมากมั้ย"
ไตวายโอบกอดอ้อนสุคนธรส ยังกับแมวคลอเคลียเจ้าของ
"อู้ย เจ็บมากเลยอ่ะ คุณเมียหายไปไหนตั้งนานสองนาน คุณสามีก็คิดถึงน่ะเซ่ จะลุกไปตามหา"
"เดี๋ยวนะ ในบ้านนี้ ยังมีวิญญาณใครที่เหงา เศร้า น้อยใจ โกรธ..อยู่ไหมน่ะ คุณสามี"
"ก็ผมน่ะสิที่เหงา เศร้า น้อยใจ ไม่โกรธเท่าไหร่ แต่มันว้าเหว่มากๆ"
"เว่อละ เว่อๆๆ นี่ๆๆ"
สุคนธรสเลยหยิกแกมหยอกไปที่เนื้อตัวไตรรัตน์
"โอ๊ยๆๆ คุณเมียมาซ้ำเติมคุณสามีทำไมเนี่ยะ"
"คุณชอบเรียกร้องความสนใจทำไมล่ะ รู้ไหมฉันไปนั่งสมาธิ แล้วได้กลิ่นอย่างที่บอก กำลังพยายามหาอยู่ ว่ามันมาจากวิญญาณตนไหน"
ไตรรัตน์เริ่มมีอารมณ์หึงหวง
"ก็ผมไม่เชื่อ! คุณไปนั่งสมาธิหรือแอบไปโทรศัพท์คุยกับแก๊งค์เพื่อนสาว หน้าใสของคุณกันแน่ ผมไม่ยอม ผมชักจะมั่นใจแล้วว่าคุณชอบเล่นดนตรีไทย"
"ทุเรศ! พูดออกมาได้ ตบปากแตกเลย"
สุคนธรสตบไปที่ปากไตรรัตน์ ผัวะ! ไตรรัตน์กุมปากร้องลั่น สำออยดิ้นพล่านยังกับเจ็บมาก
"อ๊าก....สามีปากแตกแล้ว"
"ปากแตกยังน้อยไป นี่น่าจะเลาะฟันออกมาจากปากให้หมด"
ไตรรัตน์ร้องดังขึ้น โอเว่อร์
"โอ๊ย...อ๊ากก"
เสียงอาม่าดังถามเข้ามา
"อาตี๋น้อย อาตี๋น้อยลื้อร้องทำไม"
"อุ้ย! เงียบนะเงียบ อย่าร้อง"
สุคนธรสรีบปิดปากไตรรัตน์ มองไปที่ประตู เห็นอาม่า เจ๊หญิง เสี่ยจำเริญ อาอี๊ รีบยกโขยงกันเข้าห้องมาด้วยท่าทางตกอกตกใจ
"ว้ายตายแล้ว อาตี๋น้อย ทำไมมานอนหงายเก๋งอยู่ข้างเตียงเนี่ยะล่ะ" เจ๊หญิงถาม
"เอ่อ...คือเค้าพยายามจะลุกเดินน่ะค่ะ แต่คงลืมไปว่ายังเดี้ยงอยู่"
เสี่ยจำเริญบอก
"มิน่าล่ะ เสียงยังกับอุกาบาตตกตึก บ้านสะเทือนลั่นไปทั้งหลัง ที่แท้อาตี๋เองเหรอ มีอะไรหักเพิ่มมั้ย ตรงนั้นหักรึปล่าว ไม่ได้นะอาตี๋นาเดี๋ยวอั๊วอดอุ้มหลาน ไหนดูดิ"
"เฮียก็...ทะลึ่ง! ของเล็กๆ มันไม่ค่อยหักหรอก"
"อ้าว..แม่พูดแบบนี้ก็สวยสิ"
"โอ๋อาตี๋น้อย เจ็บมากมั้ยลูก เมียชอบทิ้งๆ ขว้างๆ ดูแลยังไงให้ผัวตกเตียงได้" อาม่าบอก
"รสเค้าไม่ผิดหรอกครับ ผมแค่อยากลุกเดินไปไหนมาไหนได้เอง เดินได้ด้วยขาตัวเอง ไม่ต้องไปรบกวนเค้า..ผมเกรงใจจริงๆเลย"
ตรรัตน์ประชด แอบกัด สุคนธรสหมั่นไส้
"เข้าใจแล้ว วิญญาณน้อยใจ แค้น ประชดประชัน มันวิญญาณแกจริงๆด้วย"
อาอี๊เสาวภาบอก
"เข้าเฝือกแบบนี้ จะเดินได้ไงล่ะอาไตร ถ้าไม่มีไม้ค้ำยัน"
"เออ...ไม้ค้ำ! ของอากงมีอยู่อันนึงใช่มั้ยอาเสาวภา" อาม่าบอก
"เออ...ใช่ๆๆ อาม่า แต่ไม่รู้ว่าไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว" เสาวภาบอก
"ฉันจำได้ว่าเก็บไว้ข้างบนนี่แหละ" เจ๊หญิงบอก
"แล้วมันตรงไหนล่ะ"
"ฉันก็กำลังคิดอยู่นี่ไง เธอคิดออกรึปล่าวล่ะ"
"ถ้าคิดออก ฉันจะถามเหรอห่ะ"
ทั้ง 2 เริ่มปะทะคารมกันอีกเช่นเคย จนอาม่าต้องเบรก
"โอ๊ย! เวียนหัว จะเถียงกันให้ไม้ค้ำมันลอยมาหาเองหรือไงห่ะ!"
"ถูกต้องเลยอาม่า" ไตรรัตน์บอก
เจ๊หญิงกับอาอี๊เสาวภาเลยต้องหยุด หันมาค้อนใส่กัน
"นี่เธอ...รีบไปหาซี อาตี๋น้อยจะได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันมั่ง อยู่แต่ในห้องมันอุดอู้นา เดี๋ยวก็เฉาตายซะก่อนจะมีหลานให้เรา ฮ่ะๆ"
เจ๊หญิงตีผัวะ
"วกเข้าเรื่องนี้อีกแล้วเฮีย"
ไตรรัตน์หันมาทำตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่สุคนธรสด้วย ส่วนเธอกัดปากถลึงตาใส่
"เอ่อ...หนูว่า หนูไปหาให้ดีกว่านะคะ"
สุคนธรสรีบลุกจะเปิดประตูออกจากห้องไป
"เดี๋ยวหนูรส! หนูจะไปหาได้ยังไง นี่...เอากุญแจไปด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าไม้ค้ำอยู่ห้องไหน"
สุคนธรสชะงัก เห็นเจ๊หญิงชูกุญแจของบ้านพวงใหญ่ให้
อ่านต่อหน้า 3
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 6 (ต่อ)
บัดนี้รีสอร์ตถูกปกคลุมไปด้วยหมอกไปทั่ว แล้วปรากฏร่างซอมบี้ทหารญี่ปุ่นหลายตัวเดินออกมาจากหมอกควัน แต่ยังเห็นหน้าไม่ชัด
"Soldier!"
"ทหารที่ไหนวะ ชุดมันคุ้นๆตาฉันมากเลยว่ะ" หลวงพิชัยภักดีบอก
ซอมบี้ทหารเดินใกล้เข้ามาๆ จนคุณหลวงเริ่มมองเห็นชุดชัดๆ
"เฮ้ย...นั่นมันทหารญี่ปุ่นนี่หว่า มันยังหลงเหลือมีชีวิตอยู่แถวนี้อีกเหรอวะ มันน่าจะตายเป็นผีเฝ้าป่าช้าไปพร้อมๆกับฉันตั้งแต่สมัยสงครามโลกแล้ว"
ซอมบี้ผีทหาร หน้าตามีร่องรอยของเลือดและบาดแผล บางตัวปากถูกเฉือนจนเห็นกรามและซี่ฟัน บางตัวตาเหลือข้างเดียว มีมีดปักอกฯลฯ
โกลเดนเบบี๋ตกใจ ร้องลั่น
"เย้ย! ผีมันมาเป็นฝูงเลยคุณตา"
ซอมบบี้ทหารญี่ปุ่นพากันเอียงคอ แหกปากยิงฟันคำรามใส่อย่างกระหายเลือด
"แฮ่ก"
อรวรรณกรีดเสียงร้องดัง ซอมบี้ทั้งหมดก็เดินทื่อ ดาหน้าเข้าหาอย่างกระหายเลือด
ซอมบี้ 5 ตนยังคงยืนรอพรรคพวกอยู่ที่เดิม
ติณห์ยกปืนเล็งไปที่ซอมบี้ แต่ซอมบี้ทั้ง 5 ยังคำรามปรี่เข้าหา ติณห์ตัดสินใจยิงออกไปนัดนึง ถูกไหล่ซอมบี้ตัวหน้า มันผงะ นิดนึง แต่ก็เดินหน้าต่อ
"ห่ะ... ทำไงดีแกรนด์ปา"
"มันต้องให้ผีอย่างฉันนี่หยุดผีอย่างมัน"
ติณห์บอก
"กลับเข้าไปในบ้านก่อน คุณณิน ป้าออ ไปเร็ว!"
"เออใช่ หนูญาณินจะได้หาวิธีปราบพวกมัน ทางนี้ฉันกับนังหนูนี่จะขวางมันไว้ก่อน"
"เร็ว! เข้าบ้าน ระวังตัวด้วยนะแกรนด์ปา โกลเดนเบบี๋"
"ไม่ต้องห่วง เข้าไปเลย"
ติณห์รีบหันวิ่งกลับไป ปิดประตูบ้าน ขณะที่หลวงพิชัยภักดียืนถือไม้เท้ารอรับมือซอมบี้ เคียงข้างโกลเดนเบบี๋
"เฮ้ย...หยุดนะเว้ย พวกแกมาทางไหน ก็กลับไปทางนั้นเลย แล้วจะหาว่าหลวงพิชัยภักดีไม่
เตือน"
"ไม่รู้ซะแล้วว่าที่นี่...เจ้าที่แรง!"
ทั้งสามวิ่งเข้ามาหลบในบ้าน ช่วยกันเอาโต๊ะ ตู้ และของหนักมากั้น
"นี่มันซอมบี้เหมือนในหนังฝรั่ง มันคือศพเดินได้ ต้องมีใครใช้อาคมประเภทผีดิบวูดู ปลุกพวกผีพวกนี้ขึ้นมาจากหลุมศพแน่ๆ"
"อาคมแบบหมอผีอาฟริกันด้วย ผมเคยดู มันมี 2 แบบนะ ซอมบี้ แบบหมอผีวูดูปลุกมา กับแบบมีเชื้อไวรัส ที่พอมันกัดเรา เราก็จะติดเชื้อกลายเป็นพวกมันไปด้วย แต่ไอ้พวกนี้มันคือแบบไหน"
"แล้วเราจะทำไงต่อดีคะ ใช้ไสยศาสตร์แบบไทยหรือพระพุทธคุณ จะกันมันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้" อรวรรณบอก
ญาณินหนักใจ
"หวังว่าคุณหลวงกับโกลเดนเบบี๋จะยันพวกมันได้นะคะ"
" แล้ว...มันไปทำอะไรแม่ผมหรือเปล่าเนี่ย"
ทุกคนร้อนใจ
ทางด้าน สุคนธรสเดินถือพวงกุญแจมา...มองแต่ละดอก เขียนชื่อติดไว้หมด...
"ห้องพระ .ห้องอาอี๊ ห้องอาม่า ห้องนอนเจ๊ ห้องนอนเรา ห้องเก็บของ"
เธอหยิบกุญแจดูต่อ แล้วก็เห็นดอกหนึ่งไม่ติดชื่อ
"เอ๊ะ! ดอกนี้ไม่มีชื่อ กุญแจห้องอะไร"
สุคนธรสถือดอกกุญแจดอกนั้นมองจ้องอย่างสงสัย ตอนนั้นเองกลิ่นสาปของวิญญาณก็โชยมาปะทะจมูกอีกครั้ง เธอสูดกลิ่นเข้าเต็มปอดถึงกับสำลักความเหม็นสะอิดสะเอียนจนเกือบจะอ้วก
"อ๊อก...กลิ่นวิญญาณมาอีกแล้ว กลิ่นอยู่แถวๆนี้!"
เธอรีบเดินสูดกลิ่นควานหาไปตามห้องต่างๆทันที และแล้วกลิ่นก็นำเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องที่อยู่สุดท้ายของชั้น หน้าห้องมีป้ายติดไว้ว่า “ห้องเก็บของ”
เธอสูดกลิ่นอีกครั้ง กลิ่นแรงมาก ใช่ห้องนี้แน่ๆ เธอจับลูกปิดประตูหมุนๆดู พบว่ามันล็อกไว้ เลยรีบหาดอกกุญแจจากในพวงทันที จนพบดอกที่เขียนชื่อบอกไว้ว่าห้องเก็บของ แล้วเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะเข้าไปเผชิญกับวิญญาณซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะ มารูปแบบใด เธอแทงดอกกุญแจเข้าไปในลูกบิด ก่อนจะหมุนบิดเปิดประตู
หลังบานประตูมีผ้ายันต์สีดำ รูปอีกาของหมอสมคิดแปะอยู่ เมื่อเธอผลักประตูเข้ามา ผ้ายันต์หลุดร่วงจากประตูทันที กลิ่นวิญญาณปะทะเข้าเต็มหน้า จนต้องปล่อยมือที่จับประตูมาปิดจมูก เธอค่อยๆเดินเข้าไปในห้อง ประตูห้องปิดลงทันทีเหมือนมีแรงผลัก ตึง! เธอมองอย่างตกใจ
ไตรรัตน์ชะเง้อรอสุคนธรส จนรู้สึกห่วง กระวนกระวาย
"ไปหาไม้ค้ำแค่นี้ ทำไมไปนานอีกแล้วอ่ะ"
"อะราย...ตาไตร! หนูรสเพิ่งออกไปยังไม่ถึง 5 นาที นี่แกคิดถึงเค้าแล้วเหรอ" เจ๊หญิงถาม
"ข้าวใหม่ปลามันก็เป็นแบบนี้แหละเธอ เหมือนเรา 2 คนตอนแต่งกันใหม่ๆไง"
อาอี๊เสาวภาหมั่นไส้ ทำเป็นตบยุง
"นี่แน่ะ!"
อาม่าสะดุ้ง
"ว้าย...เจ๊กหนอซาสี่! ตบอะไรของลื้ออาเสาวภา"
"ตบยุงน่ะซีอาม่า ห้องนี้ยุงมันเยอะ ต้องมีน้ำเน่าอยู่แน่ๆอั๊วไปดูละครต่อดีกว่า"
อาอี๊ลุกเดินออกไป เจ๊หญิงอมยิ้ม พอใจที่ทำให้อาอี๊ต้องถอยไปได้ ไตรรัตน์รู้สึกห่วงสุคนธรสอย่างประหลาด
"ไม่รอไม้คงไม้ค้ำแล้ว"
ไตรรัตน์ลุก เจ๊หญิงกับเสี่ยจำเริญต้องช่วยกันพยุงไว้
"อยู่เฉยๆซีอาตี๋ จะลุกไปไหน"
"ผมจะไปตามเมียผมน่ะซีแม่ ปล่อย...อย่ามาห้ามผม...ผมจะไป"
ไตรรัตน์ปัดมือเสี่ยกับเจ๊ จะเดินแล้วก็ล้มลงอีก
"อ๊าก"
"ว้าย...ตายเลี้ยวแล้วอาตี๋น้อย...ลื้อ 2 คนจับหลานอั๊วยังไง หกล้มเลยเห็นมั๊ย"
"อ้าว...กลายเป็นพวกผมผิดเหรอม๊า"
"แหม...มันน่าตึ๊บซ้ำนัก ไอ้ลูกคนนี้" เจ๊หญิงว่า
"อูย...ซี๊ด...คุณรส ทำไรอยู่"
สุคนธรสยืนชะงักนิ่งอยู่กลางห้องเก็บของ สัมผัสได้ว่ามีวิญญาณโผล่ขึ้นมาแล้ว หลังโต๊ะเก่าที่วางกองอยู่ เห็นหัวดำๆ ผมยาวๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งโผล่อยู่ในเงามืด ที่มีแสงส่องรำไรมาจากบานเกล็ดด้านบนของห้อง แต่แล้วหัววิญญาณนั้นผลุบหายไปจากหลังโต๊ะ เธอค่อยๆเดินสูดกลิ่นหาวิญญาณ ตามองหาไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ
"ฉันรู้นะ...ว่าคุณอยู่ในห้องนี้กำลังเศร้า กำลังโกรธอะไรสักอย่าง บอกฉันได้มั้ย...คุณเป็นใคร ฉันช่วยคุณได้นะ"
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ แต่ที่หลังตู้ด้านหลังตัวเธอ มีมือเด็ก 2 มือโผล่ขึ้นมาเกาะหลังตู้ พร้อมกับๆหัวดำๆ ผมยาวๆ ของเด็กโผล่ตามขึ้นมามาแอบมอง เด็กคนนั้นผมหน้าม้า แต่ตากลับดำกลวงโบ๋ เธอรู้สึก หันหลังขวับมามอง แต่หัวเด็กหลุบหายไป
"คุณอยู่ตรงนั้นใช่มั๊ย! ฉันมาดีนะ ออกมาเถอะ ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก คุณเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านเสี่ยกับเจ๊นานแค่ไหนแล้ว"
เสียงชนของโครม! ทำสุคนธรสตกใจ
"เฮ้ย!"
สุคนธรสหันไปมอง เห็นถังขยะเก่าๆกลิ้งมาหา แล้วหูเธอได้ยินเหมือนข้าวของถูกวิ่งชนอยู่เบื้องล่าง
วิญญาณเด็กกำลังคลานผ่านข้าวของที่กองอยู่ คลานเร็วมาก น่าขนลุกชนกล่อง กระป๋อง ข้าวของล้ม
"คุณ! อย่าทำยังงี้เลย ขู่ฉัน ฉันก็ไม่กลัวหรอก บอกแล้วว่าฉันมาดี ออกมาคุยกัน"
สุคนธรสคุกเข่าก้มลงมอง แต่วิญญาณเด็กก็หนีหายไปอีกครั้ง เธอมองไปเห็นไม้ค้ำวางนอนอยู่ที่พื้นด้านในใต้เก้าอี้ที่วางซ้อนๆกันอยู่
"ไม้ค้ำยันของอากงอยู่นี่เอง!"
สุคนธรสเลิกคิดถึงวิญญาณชั่วครู่ คลานเข้าไปใกล้ ยื่นมือไปพยายามหยิบ โดยไม่เห็นว่ามีขาวิญญาณเด็กลอยลงมาอยู่ข้างหลังกองเก้าอี้ตรงหน้า
"อึ้บ อึ้บ"
สุคนธรสพยายามคว้าไม้ค้ำยัน อีกนิดเดียวมือก็จะถึง แต่วิญญาณเด็กยื่นมือยาวๆไปผลักกองเก้าอี้ล้มทับลงมาใส่เธอ
"อ๊าย..."
เก้าอี้ตัวหนึ่งกระแทกใส่ท้ายทอย จนหน้าเธอกระตุกนิดหนึ่ง ก่อนจะสลบเหมือดไป ทางด้านหลังวิญญาณเด็กหัวเราะเล็กๆอย่างสะใจ ยืนมองร่างเธอที่นอนสลบอยู่ในกองเก้าอี้
"ฮิๆๆๆ"
แล้ววิญญาณก็วิ่งไปที่ประตู ประตูเปิดผางออกให้เห็นร่างเต็มๆของวิญญาณเด็กวิ่งออกจากห้องไป แล้วร่างก็หายแว๊บไปพร้อมกับประตูที่ปิดโครมลง
ลูกบิดประตูหมุนล็อกเอง...คลิ๊ก...ขังสุคนธรสไว้ภายใน!
ภายในห้องนอน มิรันตีเปิดเพลงซิมโฟนีฟังเบาๆในห้องนอน ขณะที่ตัวเธอกำลังนั่งประทินโฉมก่อนนอนอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
"ไอ้รีสอร์ตกลางหุบเขานี่ เวลากลางคืน ทำไมมันช่างเงียบวังเวงเหมือนป่าช้าซะจริงๆ มองไปทางไหนก็มืด มีแต่ป่าๆๆ ตัดขาดจากโลกภายนอก ฉันจะบ้าตาย จะเข้าเมืองที ต้องถ่อขับรถไกลเป็นกิโลๆ ไม่คึกคักศิวิไลซ์ ไม่มีผับโก้ๆ ให้นั่งดื่ม นั่งดริ๊งได้ทั้งคืน เหมือนลาสเวกัสที่ฉันจำใจต้องทิ้งมาเลย หึ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะทรัพย์สมบัติทั้งหมดมันสมควรเป็นของฉันล่ะก็ ฉันไม่มีวันจะมาลำบากลำบนอยู่ที่นี่เด็ดขาด"
มิรันตีปิดปากหาว พลางเดินมาเอนตัวลงนอนบนเตียง
เสียงเพลงซิมโฟนีขับกล่อม มิรันตีหลับตา ไม่ได้ยินเสียงป่าหอนที่ผิดปรกติอยู่ภายนอก เธอหลับไปอย่างรวดเร็ว โดยเปิดโคมไฟทิ้งไว้ดวงหนึ่ง
ใต้ประตูห้องนอนมีหมอกควันเล็ดลอดเข้ามาอย่างช้าๆ
บริเวณหน้าเรือนรับรอง โกลเดนเบบี๋บอก
"หยุดนะไอ้พวกผีดิบ"
ไม่มีซอมบี้ตัวไหนฟัง ทุกตัวต่างเดินหน้าต่อไปไปที่เรือนรับรอง
"เตือนไม่ฟัง งั้นต้องโดน ย๊าก"
หลวงพิชัยภักดีฟาดไม้เท้าไปที่ซอมบี้ 3 ตัวอย่างเต็มแรง เสียงดัง ตุ๊บตั๊บ! แต่ไม่มีตัวไหนเจ็บหรือสะทกสะท้าน คุณหลวงเป็นฝ่ายยืนหอบเสียเอง
"แฮ่กๆๆ พวกแกไม่เจ็บ ไม่ปวดอะไรบ้างเลยเหรอวะ"
ซอมบี้ทั้ง 3 ยิงฟัน ส่ายหน้าบิดๆ เบี้ยวๆ แถมยังช่วยกันจับตัวหลวงพิชัยภักดียกขึ้นโยนไปไกล
"เหว๋อ"
"คุณตา! หึ งั้นพวกแกต้องเจอกับฉัน นางแมวยั่วประสาท นังเหมียวฟ้อนเล็บทะลุมิติ เมี๊ยวๆๆ"
โกลเดนเบบี๋ทำมือเป็นกรงเล็บข่วนๆๆไปที่เนื้อตัวของซอมบี้อีก 2 ตัว เห็นแต่เศษเสื้อผ้า เศษเนื้อกระจุยกระจายออกมา แต่ซอมบี้ก็ยืนเฉย ไม่เป็นอะไร !!
โกลเดนเบบี๋ตกใจ
"อะโยะโหย่ว! พวกแกเป็นผีอะไรกันแน่เนี่ยะ นี่แน่ะ!กลับลงนรกไป"
โกลเดนเบบี๋กระโดดถีบอีก แต่กลับทำอะไร 2 ซอมบี้ไม่ได้
ขณะนั้นเอง...ซอมบี้5 เหมือนได้รับคำสั่งจากกระแสจิต ต่างชะงัก หันมองไปในอากาศ แล้วหมุนตัวกลับหลังหัน แล้วแยกตัวเดินแข็งทื่อไปยังบ้านที่มิรันตี
ภายในเรือนรับรอง อรวรรณเอาพระมาอุ้ม ขณะที่ติณห์และญาณินพยายามหาโต๊ะ เก้าอี้ ยันประตูทางเข้าเอาไว้ ปิดผ้าม่าน ... เสร็จแล้ว ติณห์วิ่งมาที่กลางบ้าน เปิดเป้ที่ขนมาด้วย ดึงปืนสั้นออกมา 2กระบอก
"นี่ปืน เอาไว้ป้องกันตัว"
"ฉันยิงปืนไม่เป็น"
"เคยเล่นเกมไหม เกมซอมบี้อ่ะ ยิงหัวมันก่อนเลย มันอาจหยุดได้ หรือตายไปเลย"
ญาณินรับปืนมา
"ป้าออ รับเอาไว้" ติณห์บอก
"ป้าไม่ยิง มันบาป"
"หรือจะรอให้มันกัดคอ แล้วป้าก็จะกลายเป็นซอมบี้อีกตัวล่ะครับ อ่า..ดูนะ กดนี่ แล้วเหนี่ยวไกอย่างเดียว"
อรวรรณหันปืนมาทางติณห์
"อย่างงี้เหรอคะ"
"โอ้ว...ป้าๆ ถูกครับ แต่หันไปทางผี ไม่ใช่หันมาทางผม"
"ค่ะๆ เออ...คุณหนูนั่งสมาธิหรือสวดมนต์แผ่สวนกุศลให้พวกมัน จะช่วยได้ไหมคะ"
"ใช่ๆ ช่วยไหมคุณณิน"
วิญญาณคุณหลวง โกลเดนเบบี๋กลิ้งเข้ามาในเรือนรับรอง อรวรรณ ญาณินกับติณห์ที่กำลังยืนคุยเครียดกันอยู่ ตกใจ
"แกรนปา!"
"โกลเดน"
แม้อรวรรณจะมองไม่เห็น แต่พลอยตกใจไปด้วย
"กลิ้งกลับมาแบบนี้ แสดงว่าโดนพวกผีอัดมาใช่ไหมครับ"
หลวงพิชัยภักดีลุกขึ้น
"ผีพวกนั้นไม่ใช่วิญญาณแบบฉัน 2 คน พวกมันมีเนื้อหนังมังสาเลือดเนื้อเหมือนกับคน แต่ไม่มีดวงจิต"
"นี่แหละค่ะ ที่หนูกังวล ซากศพพวกนี้ไร้จิตวิญญาณ เราคงแผ่ส่วนกุศลไม่ได้" ญาณินบอก
"โอ๊ย...เสร็จแน่คราวนี้"
ติณห์บอก
"มันคือผีดิบซอมบี้ครับแกรนด์ปา"
"อะไรบี้นะ"
หลวงพิชัยภักดีทำหน้าเง็ง เพราะไม่เคยรู้จักผีซอมบี้มาก่อน
"ซอมบี้...หนูเคยดูจากหนังในทีวี"
"มันเป็นศพทหารทั้งญี่ปุ่นและเชลยฝรั่งที่ตายระหว่างสงครามโลกครั้งที่2 ร่างพวกมันถูกฝังอยู่ที่เมืองกาญจน์นี่"
"นี่เรากำลังถูกซอมบี้นานาชาติบุกเขมือบเหรอ" อรวรรณว่า
ติณห์วิ่งไปแหวกเปิดม่านดูพวกซอมบี้ด้านนอกแต่ยังไม่เห็นอะไร เขามองซ้ายขวา
ทันใด ซอมบี้ผมบลอนด์ตัวหนึ่งโผล่หน้ามาพรวดมาที่หน้าต่าง มันคำราม ยิงฟันที่ถลกไปถึงเหงือกใส่ ติณห์ถึงกับตกใจ ผงะ! ออกมาจากม่าน อรวรรณกรีดเสียงร้องด้วยความกลัว เขารีบหาของมากั้นหน้าต่างไว้
มีเสียงทุบที่ประตูบ้าน ดัง ปังๆๆ ! ซอมบี้พยายามจะเข้ามา
"แอร๊ย !! ช่วยด้วย ผีฝรั่งดิบมันจะเข้ามาแล้ว" อรวรรณบอก
"ใจเย็นป้าออ ผีดิบฝรั่งค่า ต้องมีวิธีปราบมัน คิดๆ ญาณิน คิดๆ"
ญาณินพยายามรวบรวมสติ แต่ไม่ทันการณ์แล้ว ประตูด้านหน้า โดนพวกซอมบี้พังเข้ามาได้ทีละนิดๆ ประตูเริ่มพังเป็นส่วนๆเห็นส่วนมือและส่วนหน้ามันโผล่เข้ามาในบ้าน แต่ติณห์ไว...ปรี่เข้ามาจ่อปืนยิงไปที่แขนมือมันหนึ่งนัด ปัง! กระสุนเจาะเข้าไปที่แขนมัน เลือดและเนื้อกระฉูด ตัวที่โดนยิง กระเด็นผงะออกไป แต่ตัวอื่นยังคงพยายามพังประตูเข้ามาอีก ติณห์ยิงสกัดไปอีก
ซอมบี้ดาหน้ากันเข้ามา เสียงปืนดัง ปัง ๆๆ
"ทำไมมันมากันเยอะอย่างนี้"
ซอมบี้ทั้ง 3 ตัวพังบ้านบุกเข้ามาจนได้ ทั้งคนทั้งผีกรี๊ดกันลั่นบ้าน
"ทำไงดีคะติณห์"
"อยู่ในบ้านอย่างนี้เสร็จมันแน่"
ติณห์พูดไป ยิงไปพลาง อรวรรณกรีดเสียงร้องไม่หยุด
"ต้องหาทางฝ่าออกไปจากบ้านให้ได้"
"จะออกไปอย่างไงละไอ้ติณห์ มันมากันเป็นกองร้อยเลย" หลวงพิชัยภักดีบอก
ภายนอกเรือนรับรอง ทั้งติณห์และซอมบี้ตัวหนึ่งพุ่งทะลุประตูกระจก เพล้ง ! ออกมา
ต่างล้มกลิ้งลงบนระเบียงด้วยกันทั้งคู่ เศษกระจกกระเด็นกระดอนไปทั่ว
"อ๊าก"
ที่เหลือวิ่งหนีซอมบี้กันออกมาทางประตูกระจกที่ติณห์ทะลุออกมา
"แม่หนู ยิงมันเข้าไป...ยิง !"
"พวกมันตามออกมาแล้ว" โกลเดนเบบี๋บอก
ญาณินยิงปืนออกไปแทบหมดแม็ก ปังๆๆๆ เหล่าซอมบี้กระเด็นไปคนละทิศละทาง
"ป้าออ....ด้านหลังมาอีกตัวแล้ว ยิงเร็ว" ติณห์บอก
ซอมบี้จากด้านนอกบ้านเข้ามาประชิดตัวอรวรรณ
"ยิงค่ะยิง"
อรวรรณหลับตาแต่เล็งปืนไปทางหลวงพิชัยภักดี
"เฮ้ย...ทางนั้น"
หลวงพิชัยภักดีหันปืนอรวรรณไปทางซอมบี้ที่ด้านหลัง
"เหวอ! ว๊ายๆๆ" ... ปัง ปัง ปัง!
อรวรรณยิงไม่นับ หมดแม็ก ซอมบี้กระเด็นตกระเบียงไปอีกตัว ญาณินพุ่งเข้ามาช่วยติณห์ที่กำลังโดนซอมบี้ตัวที่ทะลุออกมาจากกระจกด้วยกัน บีบคอเตรียมจะกัด เธอจะยิงแต่กระสุนหมดพอดี เธอตัดสินใจยกเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือกระหน่ำทุบมัน
"ปล่อยเค้าเดี๋ยวนี้นะ นี่แน่ะๆๆ"
ซอมบี้หน้าหงายกระเด็นไป เธอรีบดึงเขาลุก พยุงกันวิ่งหนีจากบริเวณระเบียง ทุกคนวิ่งหนีกระเจิงไป
ทั้งหมดวิ่งลงมายังบริเวณด้านศาลาเรือนรับรอง ผีซอมบี้3 ตัวมาดักหน้า
"มีเครื่องลางของขลังอะไร งัดออกมาสู้กับมันเลยคุณณิน!"
ญาณินเดินถอยหลังพลางล้วงผ้ายันต์ออกมา พนมมือท่องคาถา เป่าใส่แล้วโยนใส่ ผ้ายันต์ลอยไปแปะที่หน้าผากมัน เกิดแสงเหลืองวาบขึ้น...ทำให้ผิวที่หน้าผากซอมบี้ไหม้
"ฮ่ะๆๆเจอผ้ายันต์เข้าไป แกต้องมอดไหม้แน่ไอ้ผีดิบ" อรวรรณบอก
ญาณินยิ้มออก แต่ต้องหุบยิ้ม เมื่อมันไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร มันกระชากผ้ายันต์โยนขึ้น ชักดาบซามูไรของมันออกมาฟัน ฉับๆๆ ราวนินจา...
"มันไม่กลัวผ้ายันต์"
ระหว่างนั้นติณห์ยังคงยิงปืนลูกซองใส่พวกมัน พร้อมบรรจุกระสุนไปด้วย
ญาณินเลยรีบล้วงขวดนำมนต์ออกมา ท่องคาถาแล้วเปิดฝาสาดซัดใส่มัน น้ำมนต์กระเด็นไปถูกเนื้อตัวมันราวกับน้ำกรดกัดเนื้อมัน เกิดควันคลุ้ง แต่มันกลับไม่เจ็บปวด
"น้ำมนต์ก็ทำอะไรมันไม่ได้!"
"แปลว่าเครื่องลางของขลังอะไร ก็ปราบมันไม่ได้น่ะซี"
"อ๊าย!" ญาณินร้อง
"คุณหนู!"
ญาณินร้องลั่นเพราะซอมบี้ 3 ตัวเงื้อดาบฟันเข้าใส่ เธอหลบทันอย่างหวุดหวิด ดาบของมันฟันพนักเก้าอี้หักอย่างง่ายดาย มันเงื้อฟันอีก ญาณินคว้ารูปปั้นตั้งโชว์สำริดรับดาบมันไว้ได้ เคร้ง! แต่มันออกแรงกดลงมา ติณห์บรรจุกระสุนทันพอดี ใช้ด้ามปืนฟาดไปที่หัวมันเต็มแรง หัวแตกเลือดกระฉูด เซไป
"ว้าย!"
อรวรรณฉวยโอกาสฟาดรูปปั้นเข้าหน้ามันจนเซออกไป แล้วญาณินก็หันวิ่งจะหนี ซอมบี้อีกตัวคว้าแขนเธอไว้ได้
"อ๊าย!"
ซอมบี้เงื้อดาบขึ้นจะฟันญาณิน ติณห์ยกปืนขึ้นเล็ง
"เฮ้...ยู! จะทำอะไรดาร์ลิ้งค์ของไอ ต้องข้ามศพไอไปก่อน"
ปัง! ติณห์ยิงเข้าที่สีข้างมัน มันผงะ! คำราม ปล่อยญาณิน
"คุณติณห์!"
ญาณินวิ่งถลาเข้าไปหา ติณห์กอดญาณินไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มือที่ถือปืนก็ยิงปังๆใส่ซอมบี้ไปอีกหลายนัดซ้อน ร่างมันผงะ! ถอยหลังตามแรงอัดของกระสุนจนร่วงลงไปกับพื้น
ติณห์หันมาจับหน้าเนื้อตัว ดูญาณินด้วยความเป็นห่วง
"คุณเป็นอะไรรึปล่าวญาณิน"
"ปล่าวค่ะ"
"ทีหลังอย่าอยู่ห่างผมอีกนะ"
ติณห์จูบไปที่หน้าผากญาณินแรงๆ แล้วดึงเธอมากอดไว้แน่น อรวรรณยืนดูด้วยความภูมิใจจนลืมผีไปชั่วขณะ แล้วทั้ง 2 ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่หลังพุ่มไม้ ทั้งคู่หันไปมอง เช่นเดียวกับป้าออที่กลัวจนกระเด้งมาอยู่หลังติณห์ทันที
คนที่โผล่ออกมาเป็นเบญจ ทั้ง 3 โพล่งเรียก
"เบญจา!"
เบญจาวิ่งออกมาจากพุ่มไม้ด้วยหน้าตาตื่นกลัว
"พี่ติณห์ พี่ญาณิน ช่วยด้วย!"
ทั้งสามงงไปตามๆ กัน ไม่เข้าใจเบญจาว่ามาได้อย่างไร และมาทำไม
"เบญจามาได้อย่างไง ไม่เจอพวกผีดิบเหรอ พวกมันล้อมเราไว้ทุกด้านเลย"
"คือ...หนู หนูจะมาหาพี่ๆเพราะหนูได้ยินเสียงแปลกๆที่บ้านเลยมาตามพี่ิติณห์ ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่น่ะค่ะ พอดีมาเจอผีพวกนี้ หนูเลยหลบอยู่ที่นี่พักใหญ่แล้วค่ะ"
"มัม!! มัมอยู่คนเดียวที่บ้าน ผมต้องกลับไปช่วย"
ติณห์กำลังเดินถือปืนรีบร้อนจะกลับไปดูมิรันตีที่บ้านพัก
"เออใช่...พาหนูญินกับป้าออหนีไปด้วยกันซี เดี๋ยวก็ถูกมันจับกินตับๆๆหรอกแก"
ติณห์กุมมือญาณินพาวิ่งหนีออกไป อรวรรณวิ่งตาม คุณหลวงและโกลเดนเบบี๋หลุบหัวหายแว๊บไป
ทั้งหมดวิ่งหนีกันออกมาจนจะพ้นรั้วบ้านเรือนรับรองอยู่แล้ว ซอมบี้เดินอยู่ในบ้าน บริเวณบนระเบียงบ้านและด้านหน้าเรือนรับรอง พยายามหาคนทั้ง 3
"เราจะรอดมั้ยคะคุณหนู"
"เราต้องรอดซิป้า หนูจะหาวิธีปราบมันให้ได้"
ญาณินพูดพลางมองหา ไม่เจอเบญจาก็ตกใจ
"ป้า! แล้วเบญจาล่ะ เบญจาอยู่ไหน"
"ไม่รู้ซิค่ะ นึกว่าวิ่งตามเรามาซะอีก"
ทุกคนส่ายหน้า หน้าตาตื่น ญาณินยก 2 มือขึ้นปิดปาก ใจหายวาบ เป็นห่วงสุดๆ
"แย่แล้วเบญจา"
"เดี๋ยวผมจะกลับเข้าไปหาเบญจาเอง"
"ห่ะ! จะกลับเข้าไปเหรอค่ะคุณติณห์ ตอนนี้ไอ้ซอมบี้พวกนั่น อยู่รอบบ้านไปหมด" อรวรรณบอก
"ไม่ต้องห่วง พวกคุณอยู่รวมกันเอาไว้นะ"
"ถ้าอย่างงั้นระวังตัวด้วยนะคะ"
ญาณินจับมือติณห์ ติณห์พยักหน้าแล้วรีบวิ่งกลับไป เธอยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
"ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองคุณติณห์ด้วย"
ติณห์เดินถือปืนย่องมองหาเบญจา พลางเรียกเบาๆ
"เบญจา เบญจา Hello คุณอยู่แถวนี้รึปล่าว นี่ผมติณห์นะ ส่งเสียงด้วย Hello"
แล้วติณห์ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากหลังบ้าน เขารีบวิ่งไปทันที เห็นซอมบี้ทั้ง 4 ตัวกำลังเดินตรงเข้าไปหาเบญจาที่ดูเหมือนจะหนีมาจนมุม
"อ๊าย.... อย่าเข้ามานะ ฉันกลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย"
"เฮ้...ผู้หญิงคนเดียว แกจะเล่นรุมกันเลยเหรอวะ ไม่แมนเลย"
ซอมบี้ทั้ง 4 ตัวหันมายิงฟันคำรามใส่ติณห์
อ่านต่อหน้า 4
สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 6 (ต่อ)
ภายใน ห้องเก็บของ บ้านไตรรัตน์ มีเสียงมือถือดังขึ้น...สุคนธรสที่ยังคงสลบอยู่ใต้กองเก้าอี้ เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ที่กระเป๋ากางเกง ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ก็ช่วยปลุกให้เธอรู้สึกตัว เธอรู้สึกปวดที่ท้ายทอย ครางออกมาเบาๆ
"โอ้ย"
สุคนธรสฟื้นลืมตาขึ้นมอง จะขยับตัวพบว่ามีเก้าอี้กองอยู่บนตัว เธอค่อยๆดึงเก้าอี้ออกทีละตัว แงะตัวเองออกมาได้ ก็นั่งสะบัดหัวเรียกสติกลับมาเหมือนเดิม ล้วงมือถือจากกระเป๋าออกมากดรับสาย
"ฮัลโหล!"
ญาณินดีใจที่ได้ยินเสียงสุคนธรสรับสาย
"ฮัลโหลยัยรส...ดีใจจริงๆที่ได้ยินเสียงแก ทำไมเพิ่งรับสาย"
สุคนธรสเอามือจับท้ายทอยที่เจ็บๆ
"ฉันสลบไปอ่ะดิ"
"ห่ะ นายไตวายรุนแรงกับแกถึงขนาดนั้นเลยเหรอ"
สุคนธรสตาสว่าง หายมึนทันที
"เฮ้ย จะบ้าเหรอ! ฉันถูกผีในบ้านนายไตวายเล่นงานต่างหาก ช่างเหอะๆ แกโดนเล่นงานอีกแล้วใช่ไหม ถึงโทรมาหาชั้น"
"ฉันโดนซอมบี้บุก!! มาจากสุสานทหารผ่านศึก..เป็นกองทัพเลย"
"ถามจริง!" สุคนธรสถามเสียงสูง
"จริง! หลวงลุงเคยสอนมั้ย ว่าปราบมันยังไง"
"ไม่เคย ซอมบี้มีจริงด้วยเหรอ"
ญาณินรีบพูดปรึกษาสุคนธรส
"จริงไม่จริง พวกชั้นก็วิ่งหนีอยู่เนี่ย พวกเครื่องรางของเราทำอะไรมันไม่ได้ด้วย"
"งั้นก็หมดสิทธิ์ คาถาอาคมก็คงทำอะไรมันไม่ได้เหมือนกัน"
"อะไรนะ แล้วพวกชั้นต้องตายเพราะซอมบี้เนี่ยนะ"
สุคนธรสเดินพล่าน คิดแล้วคิดออก
"ทำไงดีว้า เออใช่...ฉันเคยอ่านเจอว่าพวกผีดิบ..ไม่ว่าผีดิบดูดเลือดแวมไพร์ หรือศพเดินได้ มันจะแพ้แดด เดี๋ยวพอพระอาทิตย์ขึ้น มันเจอแดดก็ไหม้ตายไปเอง"
"แกดูนาฬิกาดิ นี่มันเพิ่งจะเที่ยงคืนเองนะแก กว่าจะรอพระอาทิตย์ขึ้นอีกตั้งหกเจ็ดชั่วโมง มีหวังพวกเราถูกมันกินหมดก่อน"
"ถ้างั้น...แกก็ต้องหาอะไรที่เป็นไฟ ถึงจะฆ่าพวกมันได้"
"ไฟเหรอ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันจะรีบหาดู"
สุคนธรสมองมือถือที่ญาณินกดวางสายไปแล้ว
"ยัยเจ๊กำลังตกอยู่ในอันตราย ทำไงดีๆ"
สุคนธรสรีบเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม หันไปหยิบพวงกุญแจและคว้าไม้ค้ำยันขึ้นมาถือ แต่พอจับลูกบิดจะเปิดประตู ปรากฏว่าประตูล็อก ทั้งๆที่มันเป็นล็อกจากด้านใน
"เอ๊ย...ไอ้วิญญาณเด็กมันมันเล่นเรา! หนอย ไม่รู้จักแม่หมอซะแล้ว หึ!"
สุคนธรสหลับตาพนมมือท่องคาถาสะเดาะกุญแจ
ลูกบิดหมุนเอง...เสียงประตูดังปลดล็อก สุคนธรสเปิดประตูผัวะ ! ออกไป แล้วชะงัก มีลมลอยผ่านหน้าไป สุคนธรสมองตาม เห็นรอยเท้าผีวิ่งผ่านหน้าประตูไป รอยเท้านั้นเหยียบฝุ่นขาว ปรากฏบนพื้นเป็นทีละก้าวๆ เป็นเท้าเด็ก พร้อมเสียงวิ่งตึงๆๆ และเสียงเด็กหัวเราะกิ๊กๆๆๆ เธอลืมเรื่องซอมบี้ รีบเดินตามไปทันที
"เด็กคนนี้มันใครนะ"
ทุกคนยืนหลบมุมรอติณห์ จู่ๆซอมบี้หลายตัวก็มุ่งหน้ามา หลวงพิชัยภักดี โกลเดนเบบี๋ แว่บเข้ามาหน้าตาตื่น
"แม่หนูญาณิน ชั้นว่าเราหาที่ซ่อนให้มันมิดชิดดีกว่านะ พวกมันเดินมาทางนี้แล้ว"
"เอางี้ดีกว่าค่ะ เจ๊กะป้าออ หลบอยู่... แล้วหนูจะช่วยพรางสัญญาณ ไม่ว่าพวกมันจะตามเราถูกด้วยการมองเห็น เสียง กลิ่น คลื่นความร้อน หรืออะไรก็ตาม"
ญาณินพาอรวรรณหลบอยู่มุมขอนไม้ตายซากและพุ่มไม้บริเวณนั้น ทั้งสองนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ โดยโกลเดนเบบี๋เสกคาถาให้ซอมบี้มองไม่เห็น ร่างของทั้งคู่เลือนหายไป ก่อนฝูงซอมบี้จะมาถึงพอดี
ซอมบี้ค่อยๆเดินผ่านญาณินและอรวรรณทีละตัวอย่างช้าๆ ซอมบี้ทำจมูกฟุดฟิด พยายามดมหากลิ่นคน แต่ไม่เจอ มองซ้ายขวาหากันให้วุ่น
พอดีจังหวะเหมาะเจาะ โทรศัพท์อรวรรณดังขึ้นมาพอดี พวกซอมบี้มองหาที่มาของเสียงพอดี มองหน้ากันเลิกลั่ก อรวรรณรีบดึงโทรศัพท์ออกมากดรับ เพื่อให้เสียงหยุด
"ฮัลโหล อะไรนะ โทรมาทวงบัตรเครดิต...จะบ้าแล้ว ไม่รู้เวล่ำเวลา" อรวรรณกระซิบตอบเสียงเบา
โกลเดนเบบี๋มัวแต่ตกใจ จนสมาธิหลุด คาถาเลือนลางลง
"เฮ้ย...ยัยหนูเสกคาถาต่อเร็ว"
"ไม่ทันแล้วคุณตา"
ซอมบี้หันมาเห็นที่ซ่อนของญาณินและป้าออ
"โฮก"
ญาณินบอก
"เสร็จแล้วเรา"
ติณห์เกาะขอบประตูเตะซอมบี้1 กระโดดลงมาต่อยซอมบี้2 ย่อตัวลงเหวี่ยงขาเตะตัดขาซอมบี้3 แล้วทิ้งตัวลงนอนหงายยิงซอมบี้4 ปังๆๆ พร้อมไถลตัวเข้าไปถึงตัวเบญจา
"ไม่เป็นไรนะเบญจา"
"คุณติณห์...เอ่อ"
เบญจาทำเป็นลมใส่เข่าอ่อน ติณห์คว้าตัวกอดเอาไว้ทัน
"เบญจาๆ...จะมาเป็นลมตอนนี้ไม่ได้นะ ตื่น ตื่นซี!"
ติณห์ตบแก้มเบญจาเบาๆ เบญจาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กอดติณห์ร้องไห้
"คุณติณห์...เบญจากลัว ฮือๆๆ"
"ตั้งสติไว้...แข็งใจลุกขึ้น กอดเอวผมไว้ให้แน่นนะ แล้ววิ่งตามผม"
"ค่ะๆๆ"
เบญจากอดเอวติณห์ทางด้านหลังไว้แน่น
เสียงกรี๊ดดังขึ้น จากทางด้านญาณินและอรวรรณ ติณห์หันขวับ
"ญาณิน! เร็วเบญจา....วิ่ง"
ติณห์พาเบญจาวิ่งไปได้
ญาณินกำลังโดนซอมบี้สองตัวรุมบีบคอ พยายามจะกัด แต่มีหลวงพิชัยภักดีกำลังดึงหัวซอมบี้ไม่ให้ กัดญาณินได้ อีกตัวก็ขึ้นคร่อมอรวรรณที่เอามือยันหน้าอกมันไว้ไม่ให้กัด มีโกลเดนเบบี๋เกาะหลังจับหัวมันไว้ไม่ให้กัด ทั้งสองกำลังจะหมดแรงเต็มทน
ซอมบี้หนึ่งในสองตัว ปากห่างจากแขนญาณินแค่ 2 นิ้ว ทันใดมีเสียงปืน "ปัง" ลูกกระสุนเจาะกลางหน้าผากมันเต็มรัก ซอมบี้ตัวนั้นล้มตึงแน่นิ่งไปกับพื้นไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย...
ติณห์ยืนผงาด มีเบญจาเกาะเอว ควันยังคงกรุ่นอยู่ที่ปากกระบอกปืน
"มันนิ่งไปเลยไอ้ติณห์ ไม่ลุกมาอีกเลย"
ซอมบี้ตัวที่เกาะญาณินอยู่ เปลี่ยนเป้าหมายไปทางติณห์ทันที ติณห์พยายามยิง แต่กระสุนหมด มันวิ่งเข้ามาทางติณห์ เบญจาร้องวี๊ดลั่น
"ติณห์!"
หลวงพิชัยภักดีเสกปืนลูกโม่ติดเลเซอร์มาว่าแล้วก็รีบโยนให้ติณห์
"ไอ้ติณห์ ลูกโม่ติดเลเซอร์"
ติณห์รับไว้เหมาะมือพอดี เล็งเลเซอร์ไปที่กลางหน้าผาก แล้วเหนี่ยวไก “ปัง" ลูกกระสุนเจาะกลางหัวมัน ล้มทั้งยืนนิ่งไปอีกตัว
"ผมรู้แล้ว เราต้องเล็งที่หัวมัน หรือ ทำลายระบบสมองที่สั่งการของมัน จึงจะฆ่ามันได้"
"ใช่"
พูดเสร็จญาณินก็หยิบพลั่วขุดดินใกล้มือขึ้นมาฟาดไปที่หัวซอมบี้ตัวที่คร่อมอรวรรณอยู่ ได้ผล ซอมบี้ตัวนั้น ล้มกลิ้ง นิ่งไปกับพื้นอีกตัว เบญจามองหน้านิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาการหวาดกลัวที่เบญจา เคยมีก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น เหมือนกันไม่มีเกิดขึ้น ญาณินดึงอรวรรณให้ลุกขึ้นมา
"เป็นอะไรไหมคะป้าออ"
"ก็เกือบไปนะค่ะ นึกว่าจะไม่รอดแล้วค่ะ"
ญาณินหันไปหาเบญจา
"เบญจา! ดีใจจังเลย ที่เธอไม่เป็นอะไร"
ญาณินอึ้งเมื่อเห็นมือติณห์กับเบญจากุมกันอยู่
"โธ่แม่คุณ...นี่หนีไปทางไหนเนี่ยะ นึกว่าถูกซอมบี้มันเขมือบไปจนอิ่มแล้วซะอีก"
"เบญจาก็เกือบไม่รอดอยู่แล้ว โชคดีที่พี่ติณห์ไปช่วยไว้ทันขอบคุณมากนะคะ พี่ติณห์ที่ช่วยชีวิตเบญจาไว้ เบญจาจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ"
เบญจาพูดพลางกุมมือติณห์ขึ้นมากุมไว้แนบอก โกลเดนเบบี๋หึงแทนญาณิน
"พูดแค่นี้ ทำไมต้องจับมือถือแขนคุณติณห์ด้วย เยอะไปแล้วแม่เนี่ยะ"
"เป็นเด็กเป็นเล็กคิดมาก หนูเบญจาเค้าซาบซึ้งใจเจ้าติณห์จริงๆ ไม่มีลับลมคมนัยอะไรหรอก"
ขณะที่ติณห์ทำหน้าไม่ถูก ค่อยๆดึงมือตัวเองออกอย่างสุภาพ
"ไม่ต้องถือเป็นบุญคุณหรอกครับ คุณปลอดภัยก็ดีแล้ว คุณณิน...ผมจะกลับไปช่วยมัมด้วยครับ"
ซอมบี้ทหารญี่ปุ่นตัวที่5 เดินมาถึงหน้าบ้านติณห์ ยืนมองอย่างกระหายเลือด มิรันตีหลับไปแล้ว แผ่นเสียงหมุนแต่ไม่มีเพลง ซอมบี้ตัวที่5ได้ยินคำสั่งลอยลมมา
"บุกเข้าไป จัดการมัน"
ซอมบี้พยักหน้ารับคำสั่ง มันเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบน แต่แทนที่มันจะพังบ้านบุกเข้าไปด้านใน
มันกลับตรงไปปีนตึกไต่ขึ้นไปช้าๆ
ฝ่ายสุคนธรสถือไม้ค้ำยันเดินใช้จมูกดมตามกลิ่นวิญญาณมาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่ง
"ไม่เคยสังเกตมาก่อน ว่ามีห้องนี้อยู่ในบ้าน ห้องใครนะ"
สุคนธรสจับลูกบิดประตูหมุนๆดู...ประตูถูกล็อกไว้ และแล้วสุคนธรสก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินอยู่ภายในห้อง เลยแนบหูฟังกับประตู มีเสียงเหมือนคนลากของ รื้อของ กระจัดกระจาย อยู่ภายในห้อง เธอตัดสินใจค่อยๆย่อตัวลง ก้มมองที่ช่องใต้ประตู
สุคนธรสเบิกโพลง เมื่อเห็นเงาบางอย่างเคลื่อนผ่านช่องใต้ประตู เธอเพ่งมองไปชัดๆ เด็กตาขาวขุ่น เปลือกตาแดงเหมือนเลือดมองมาที่สุคนธรส
"ห่ะ!"
เธอตกใจ ผงะ! ลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ
"ไอ้ผีเด็กตัวนี้มันแรงมากเลย"
สุคนธรสรีบเลือกกุญแจห้อง มาหยุดดอกที่ไม่มีชื่อ ตั้งสติ แทงดอกกุญแจ แต่ไม่ทันจะบิดเสียงดังขึ้นข้างหลัง
"ทำอะไรน่ะหนูรส!"
สุคนธรสหันไปมอง เห็นเจ๊หญิงกับเสี่ยจำเริญยืนหน้าตื่นตกใจมองเธออยู่ เลยจำเป็นต้องโกหก
"เอ่อ...หนูได้ยินเสียงเหมือนหนูวิ่งอยู่ในห้องนี้น่ะค่ะ เลยจะเข้าไปดู"
เจ๊หญิงบอก
"ไม่ได้นะ ฉันไม่ให้เข้าไป เอากุญแจของฉันคืนมา!"
เจ๊หญิงเข้ามากระชากพวงกุญแจไปจากมือสุคนธรสด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว
"ทำไมคุณแม่ต้องโกรธด้วยล่ะคะ ห้องนี้เป็นห้องของใครคะ ถึงเข้าไม่ได้"
"ฉันบอกไม่ให้เข้า ก็ไม่เข้าซี ห้องนี้จะเป็นห้องของใคร ไม่ใช่เรื่องของเธอ หน้าที่เธอไปดูแลสามีเธอโน่น อย่ามายุ่งวุ่นวายที่ห้องนี้"
สุคนธรสหน้าเสีย งงไปหมด เสี่ยจำเริญต้องรีบเบรกเจ๊หญิง
"เธอๆใจเย็นๆ ไม่เอาน่า หนูรสเค้าไม่ได้ตั้งใจ จะโกรธอะไรนักหนา เอ่อ...เจ้าไตรถามหาหนูอยู่น่ะลูก รีบเอาไม้ค้ำนี่ไปให้เขาสิ ไปซิ"
"ถ้าหนูทำอะไรให้คุณแม่โกรธ ไม่พอใจ หนูต้องกราบขอโทษด้วยค่ะ"
สุคนธรสยกมือไว้ด้วยอาการน้อยใจและเสียใจก่อนเดินผละไป
"ดูซิเธอไปดุหนูรสเค้าแรงขนาดนั้น เค้าเสียใจแล้วเห็นมั้ย" เสี่ยจำเริญบอก
"ก็เค้าอยากมายุ่มย่ามห้องนี้ทำไม"
"แล้วหนูรสเค้าจะรู้มั๊ยว่าห้องนี้เอ่อ...เป็นของใคร"
"บ้าจริงๆเลย ฉันอุตส่าห์ลืมไปแล้ว มาสะกิดต่อมให้ฉันคิดขึ้นมาอีกจนได้"
เจ๊หญิงน้ำตาคลอเบ้า
"เธอเองนั่นแหละที่กลับไปคิดเรื่องเก่าๆ ก็ไหนว่าเราจะลืมเรื่องนี้แล้วไง เธอยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ ไปๆ กลับห้องเถอะ ไปนอนพัก จะร้องไห้ทำไม นิ่งซะนะ นิ่งซะ"
เสี่ยจำเริญเดินโอบปลอบเจ๊หญิงไป ที่ประตูห้องมีเด็กร้องไห้กระซิก
สุคนธรสถือไม้ค้ำยันเปิดประตูเข้ามาในห้อง ไตรรัตน์อยู่กับอาม่า กำลังกินข้าวที่อาอี๊เสาวภาทำมาให้ สุคนธรสมองๆ แล้วตัดสินใจถามทันที
"อาม่าคะ ห้องเล็กสุดทางชั้นบน เป็นห้องของใครเหรอคะ"
ตึง! อาม่า อาอี๊เสาวภา ไตรรัตน์หยุดกึกหันมามองสุคนธรสทันที
"มีอะไรเหรอคะ ทำไมทุกคนต้องทำหน้าตกใจขนาดนี้ด้วย ดูเหมือนว่าห้องนั้นจะถูกปิดตาย มานานมาก ทำไมเหรอคะ"
อาม่าทำท่าลมจะใส่ทันที
"ว้ายตายแล้วอาม่า!"
"อาม่าครับ...อาม่า...เป็นอะไรรึปล่าวครับ"
อาอี๊เสาวภาโกรธขึ้นมาอีกคน
"ถามได้ว่าเป็นอะไร! หลานไม่ได้เตือนเมียตัวเองบ้างหรือไง ว่าอย่าไปยุ่งวุ่นวายที่ห้องนั้น"
"เอ่อ...ผมขอโทษครับอี๊"
"ไปค่ะอาม่า กลับห้องเถอะ เดี๋ยวฉันจะละลายยาลมให้กิน ทำใจดีๆนะคะ ไม่ต้องคิดมาก"
อาม่าพยักหน้า อาอี๊เสาวภามองค้อนสุคนธรส แล้วลุกประคองอาม่าออกจากห้องไป เธอทั้งยืนงงทั้งหงุดหงิด
"มันอะไรกันเนี่ยะ แค่ถามถึงห้องนั้นห้องเดียว ทั้งแม่คุณ ทั้งอาอี๊ ถึงกับว่าฉันสาดเสียเทเสีย ยังกับฉันทำอะไรผิดนักหนางั้นแหละ"
ไตรรัตน์นั่งซึม หน้าจริงจัง
"ลืมห้องนั้นซะคุณรส"
"ทำไมคะ"
"คุณอย่าถามได้มั้ย ผมขอร้องล่ะ"
"ไม่ได้!"
"ทำไมคุณต้องไปสนใจห้องนั้นด้วย"
"ก็เพราะว่า มีวิญญาณเด็กอยู่ในห้องนั้น ทีแรก เค้าอยู่ในห้องเก็บของ แต่พอห้องเก็บของเปิดออก เค้าก็หนี...ไปอยู่ที่ห้องนั้น"
ไตรรัตน์ฉุนกึก
"พอทีเถอะ ผมไม่อยากฟัง!"
"ถ้าไม่มีอะไรทำไมคุณต้องโกรธด้วย มันต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ทุกคนปิดบังฉัน ไหนว่าฉันเป็นสะใภ้ ไหนว่าฉันเป็นเมียคุณ ฉันช่วยพวกคุณปราบพวกผีวิญญาณสาหัสสากรรจ์มาแค่ไหน ไม่อยากรำเลิกบุญคุณหรอกนะ แต่มาปิดกันแบบนี้ ถือว่าไม่ให้เกียรติกันไม่บอกไม่เป็นไร ฉันไปหาคำตอบเองก็ได้"
สุคนธรสคว้าเป้ใส่เครื่องรางของขลังของตัวเองเดินออกจากห้องไป
"คุณรสคุณจะไปไหน อย่าไปที่ห้องนั้นนะ คุณรส...กลับมา!"
ไตรรัตน์ใช้ไม้ค้ำยันรีบตามออกไป
สุคนธรสเดินกลับมาที่ห้องเดิมด้วยอารมณ์โกรธ อยากเอาชนะ อยากรู้ความจริง เธอหยุดยืนที่หน้าประตู พนมมือท่องคาถาสะเดาะกลอน ประตูเปิดออก ไตรรัตน์ใช้ไม้ค้ำยันเขยกตามมา เห็นสุคนธรสกำลังจับลูกบิดจะเปิดประตูเข้าไป
"คุณรส คุณรส ฟังผมก่อน อย่าเปิดเข้าไป...คุณรส!"
สุคนธรสไม่ฟังเปิดประตูเข้าไปในห้อง....เธอหยุดยืนตะลึงเมื่อพบว่า เป็นห้องนอนของเด็กที่ตกแต่งไว้อย่างอ่อนหวานสวยงาม แต่ของกระจัดกระจาย
"ห้องนอนเด็กผู้หญิง เด็ก...เด็กคนนี้คือใคร"
แต่ก่อนที่สุคนธรสจะทันได้เดินสำรวจอะไร ไตรรัตน์ก็เขยกตามเข้ามาในห้อง ทิ้งไม้ค้ำยันลง 2 มือคว้าตัวสุคนธรสกอด ก้มหน้างุดอยู่ที่คอเธอไว้
"ผมขอร้องล่ะ ออกไปจากห้องซะ ผมไม่อยากเห็นห้องนี้"
สุคนธรสรู้สึกถึงแรงสะอื้นและน้ำตาของเขาที่เปียกต้นคอเธอ
"นี่...นาย นายร้องไห้ทำไม นายไตวาย!"
"อย่าถามได้มั้ย...ถ้าคุณรักผม ทำตามที่ผมขอร้องสักครั้งนะ ออกไปจากห้องนี้กันเถอะ"
สุคนธรสเริ่มคิดมีสติ ระงับอารมณ์โกรธของตัวเองได้ เธอก้มลงเก็บไม้ค้ำยันแล้วประคองพาเขาเดินออกจากห้องไป โดยที่เขาเดินก้มหน้าไม่ยอมมองภายในห้องเลย
เธอเหลือบมองในห้องเป็นครั้งสุดท้าย...แววตาหมายมั่นว่า เธอจะกลับมาหาความจริงอีกครั้งให้ได้
ทันทีที่ประตูปิดลง ห้องกลับมามืดสลัวอีกครั้ง ร่างมืดๆของเด็กผู้หญิงผมยาวนั่งกอดตุ๊กตาร้องไห้อยู่บนเตียง
ภายในห้องนอน มิรันตีหลับหูหลับตาร้องกรี๊ด ก่อนสะดุ้งตื่นลุกขึ้น มองไปรอบๆห้อง
"บ้าจริงๆ...นึกว่านังญาณินตามไล่ฆ่าจริงๆ ที่แท้ก็ฝันร้าย ยิ่งอยู่ใกล้แม่นี่ ยิ่งประสาทจะกิน วันๆพูดแต่เรื่องผี เรื่องไสยศาสตร์ ติณห์หลงมันอยู่นั่นแหละ สักวันมันต้องตั้งรีสอร์ตนี่เป็นสำนักทรงเจ้าเข้าผีแน่ๆ ทำไมวันนี้อากาศมันเย็นยะเยือกผิดปรกติ"
เธอลุกจากเตียง เดินไปหยิบรีโมตแอร์มาปรับอุณหภูมิ ประตูระเบียงเปิดอ้าอยู่ โดยที่เธอไม่ทันสังเกตว่า มีซอมบี้ยืนทะมึนอยู่ที่มุมห้อง
"อ้าว ประตูระเบียงเปิดอ้าออกได้ยังไง เดี๋ยวยุงได้หามกันพอดี"
มิรันตีเดินมาเพื่อจะปิดประตูระเบียง ซอมบี้ตามมาข้างหลัง ยิงฟัน ยื่นมือจะมาบีบคอ แต่ติณห์ถีบประตูผางเข้ามาเสียก่อน
"Momระวัง!"
มิรันตีหันมา เห็นเป็นซอมบี้ยืนอยู่ ก็ตกใจกรี๊ดลั่น
"อ๊าย...ตัวอะไร"
ติณห์ปรี่เข้าไปกระชากคอมันห่างออกมาจากมิรันตี มันหันมาบีบคอติณห์แทน ติณห์เงื้อหมัดชกๆๆๆมันไป 4-5หมัดติด แต่มันไม่สะเทือน ขณะที่มิรันตีรีบถอยกรูไปยืนช็อกหลบอยู่ข้างตู้
ติณห์หันไปเห็นมีดโบราณที่โชว์อยู่ในตู้ เลยหันไปคว้ามีดมา แต่ซอมบี้ตามมา ติณห์หันมาฟันฉับ ถูกมือมันขาด มือมันกลิ้งไปอยู่ใต้เตียง มันคำรามลั่นอย่างโกรธ แล้วใช้มืออีกข้างทุบติณห์ล้มลง มีดกลิ้งหลุดจากมือ ติณห์นอนมึน มันคว้าคอลากขึ้นมา แต่ติณห์สู้ ปล้ำกับมันไปที่ระเบียงห้อง จนติณห์ได้จังหวะ ถีบมันจนมันร่วงตกลงจากประตูระเบียงไปสู่เบื้องล่าง
ซอมบี้ตกลงมากระแทกโต๊ะแตกกระจาย นอนกองกับพื้น อีกมุมของบ้าน ญาณิน อรวรรณ เบญจายืนด้วยกัน ทั้งหมดสะดุ้งสุดตัว มีหลวงพิชัยภักดี และโกลเดนเบบี๋ยืนอยู่อยู่ใกล้ๆกัน เบญจาตัดสินใจค่อยๆเดินเข้าไปดูซอมบี้ตัวนั้น
"เบญจา!" ญาณินเรียก
"อย่าเข้าไปค่ะ มันอาจจะฟื้นขึ้นมานะ" อรวรรณบอก
หลวงพิชัยภักดีกับโกลเดนเบบี๋มองลุ้น เบญจาโผล่เข้าไปดูใกล้ๆ ช้าๆ ทันใดนั้นซอมบี้ลืมตาขึ้นมา
เบญจาร้อง "ว้าย!" แล้วล้มก้นกระแทกพื้น
"เบญจา!" ญาณินร้องเรียก
"ว้าย...ช่วยด้วย คุณติณห์ ช่วยด้วย" อรวรรณว่า
ซอมบี้ตัวนั้นลุกขึ้นมา แต่แทนที่มันจะพุ่งเข้าไปจู่โจมเบญจาที่ล้มอยู่ มันกลับพุ่งเข้าหาญาณิน และอรวรรณแทน
"หนูญาณิน หนีเร็ว"
"พี่ติณห์ ช่วยพี่ณินด้วย" โกลเดนเบบี๋บอก
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีเข้าไปสกัดซอมบี้ ใช้ไม้เท้างัดยันไปที่ตัวมัน ออกแรงยันสุดแรงไม่ให้มันเข้าถึง ตัว 2สาว โกลเดนเบบี๋ดึงตัวซอมบี้เอาไว้สุดแรง
"หนูณิน...หนีเร็ว"
ญาณินหันไปพบไฟแช็คและกระป๋องสเปรย์ฉีดยาวางอยู่ใกล้ๆพอดี
"เร็วซีหนูญิน ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ อ๊าก"
ซอมบี้หลุด ตรงไปหาอรวรรณที่ยืนตัวแข็งอยู่ ในจังหวะที่มันจะดึงตัว ญาณินก็จุดไฟแช็ค จ่อไฟแช็ค แล้วกดพ่นสเปรย์ผ่านไฟแช็ค ทำให้เกิดลูกไฟพุ่งลามไปทั่วตัว เสียงมันร้องลั่น ถลาถอยหลังไปที่ระเบียง แล้วร่างมันก็ร่วงตกสู่สระว่ายน้ำ ติณห์กับมิรันตีวิ่งลงมาถึงพอดี
"คุณณิน เป็นอะไรรึปล่าวครับ"
"ชั้นไม่เป็นอะไร"
ติณห์พยุงอรวรรณให้ลุกขึ้น
"คุณแม่ถูกซอมบี้มันทำร้ายตรงไหนบ้างรึปล่าวคะ"
"หล่อนว่าอะไรนะ...ซอมบี้เหรอ!"
"ค่ะ ไอ้ตัวเมื่อกี้มันเป็นผีซอมบี้ทหารญี่ปุ่นออกจากป่ามาอาละวาดจะฆ่าพวกเรา"
"ฮ่ะๆๆ ซอมบี้บ้าบออะไร หล่อนสร้างเรื่องผีมาหลอกฉันอีกแล้วเหรอ ห่ะ!"
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีนั่งกลุ้ม
"หึ คิดจะทำบุญกับนังมิรันตีนี่ มีแต่ได้บาป ทำบุญกับแม่นี่ไม่ขึ้นจริงๆ"
"หลอกอะไรกันครับ Momก็เห็นกับตาแล้วว่า ไอ้ตัวเมื่อกี้มันเป็นผี มันแอบเข้าห้องมาจะฆ่าMom"
มิรันตีถลาตามไปดูที่สระว่ายน้ำ แต่ไม่เห็นร่างซอมบี้แล้ว
"แล้วไหนล่ะซอมบี้ มันหายหัวไปไหนแล้ว"
"พวกนี้มันแพ้พวกไฟน่ะค่ะ พอเจอไฟเผา ร่างมันก็จะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวสลายไป"
"อีตอแหล! อย่ามาแหกตาฉันเลย หล่อนจ้างคนมาแสดงละครให้ดูน่ะซิ"
"Mom…คุณณินไม่ได้สร้างเรื่องนะครับ นี่มันเรื่องจริง"
"แกมันก็โง่เง่าดักดานอย่างงี้ตลอดเวลา ออกไปเลย พานังแฟนแม่มดแกออกไปให้พ้นๆหน้าฉัน พรุ่งนี้ฉันจะไปแจ้งความ ว่านังนี่เป็นจอมลวงโลก เป็นนักต้มตุ๋น!"
"คุณมิรันตี" อรวรรณจับมือญาณินไว้
"mom!"
"ออกไป!"
"ไปเถอะคุณณิน...พูดไปก็ไม่มีประโยชน์" ติณห์บอก
"ใช่...ไปเถอะค่ะคุณหนู หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ"
ติณห์จูงมือญาณินออกไป อรวรรณฉุนสุดขีดเดินตามไป
"หึ คนที่หลงตัวเองว่าฉลาดกว่าคนอื่นอย่างแก มันก็คือคนโง่ที่โง่กว่าคนโง่ซะอีก" หลวงพิชัยภักดีบอก
"รู้งี้ไม่มาช่วย ปล่อยให้ไอ้ซอมบี้มันกินซะก็ดี พี่ติณห์จะได้หมดตัวปัญหา มีความสุขกับเจ๊จีจ้า ซะที เฮ่ย!"
"ซอมบี้งั้นเหรอ ฮ่ะๆๆ ไร้สาระที่สุด" มิรันตีว่า
เบญจายืนมองสังเกตการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ติณห์กับญาณินเดินออกมาจากบ้าน...
"พอพวกซอมบี้ถูกกำจัดไปหมด หมอกควันพวกนั้นก็หายกลับเข้าป่าไปด้วย อย่างงี้แน่นอนเลยค่ะ ว่า ผีซอมบี้พวกนั้นถูกปลุกชีพขึ้นมาด้วยอาคม"
"คุณหนูกำลังบอกว่า ตอนนี้พวกเราตกเป็นเป้าอีกแล้วงั้นเหรอคะ"
"ค่ะ แต่คราวนี้เป็นจอมขมังเวทย์ที่เก่งกว่าเดิม ถึงขนาดปลุกซากศพขึ้นมาให้มีเลือดเนื้อเป็นผีดิบได้ขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเลยค่ะ"
"ที่แน่ๆมันต้องการให้เราแตกแยกกันเอง แต่จุดมุ่งหมายแท้ๆของมันคือ อะไรผมยังเดาไม่ออก" ติณห์บอก
วิญญาณหลวงพิชัยภักดีโผล่มายืนถกด้วย
"เรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงกำนันพงษ์ขึ้นมาทันที"
"แต่กำนันพงษ์ติดคุกอยู่นะเกรนปา"
โกลเดนเบบี๋บอก
"วิชาอาคมก็หมดไปแล้วด้วย คงไม่ใช่ฝีมือกำนันพงษ์หรอกค่ะ คุณตา"
"แล้วถ้าเป็นหมอสมคิดล่ะคะ เป็นไปได้ไหมคะ" อรวรรณถาม
"หมอสมคิดก็โดนหลวงลุงทำพิธีสลายอาคมไปแล้วเหมือนกันค่ะ เออ... เมื่อกี้นี้ตอนซอมบี้มันลุกขึ้นมา คนที่อยู่ใกล้มันที่สุดคือ..."
โกลเดนเบบี๋บอก "เบญจา"
"ใช่..."
"ใช่อะไรคะคุณหนู" อรวรรณถาม
"เบญจาอยู่ใกล้มันที่สุด แต่มันกลับไม่เข้าไปโจมตีเบญจา แต่กลับพุ่งเข้ามาหาเราสองคนแทน"
หลวงพิชัยภักดีบอก
"นั่นสิ...แปลกมาก หรือว่าเบญจามีของป้องกันภูติผี"
"หรือไม่มีก็มี..." ติณห์บอก
"มีอะไรคะคุณติณห์ เบญจามีอะไร"
"ไม่น่าเป็นไปได้"
"มันก็ไม่แน่นะคะพี่ติณห์ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้" โกลเดนเบบี๋บอก
"งั้นเราคงต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้"
"ก่อนอื่นเราคงต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาอาคมพวกนี้ก่อน"
"คุณรสไงคะ" อรวรรณบอก
"ยัยรสไม่รู้เรื่องอาคมที่เกี่ยวข้องกับผีดิบพวกนี้ค่ะ ป้าออ"
"อยากรู้เกี่ยวกับไสยดำ ก็ต้องถามคนที่เล่นไสยดำสิอีหนู..."
หลวงพิชัยภักดีบอก ทุกคนมองหน้ากัน
กรุงเทพฯ ยามราตรี ภายในโรงแรมที่พัก ปาร์คจุนจี ยังคงนั่งดื่มกาแฟนอนไม่หลับ เขาคิดถึงคำพูดของกรรัมภา
"ถึงคุณจะไม่อยากถ่ายละครเรื่องนี้ แต่คุณต้องทำเพื่อพ่อแม่ของคุณ พ่อและแม่คุณมีความฝันลึกๆว่าอยากกลับมาอยู่เมืองไทย คุณควรทำความฝันของท่านให้สำเร็จสิ"
จุนจีนอนลืมตาอยู่บนเตียง
เช้าวันรุ่งขึ้น...ภาพข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งพาดหัวข่าวและรูปกรรัมภาใช้กระเป๋าหรูปิดเป้าให้ปาร์คจุนจีทุกฉบับ
กรรัมภาขับรถเลี้ยวใกล้จะถึงหน้าบริษัทฯ แต่ต้องตกใจเมื่อเจอกองทัพนักข่าวมาดักรอ แล้วกรูเข้ามาที่รถอย่างไม่กลัวตาย เธอร้องลั่นตาเหลือก
"อ๊าย...เกิดม็อบอะไรกันเนี่ยะ!"
กรรัมภาเหยียบเบรกแทบไม่ทัน นักข่าวเบียดเสียดมาเคาะที่กระจกทุกด้าน รุมถ่ายรูปและแย่งถาม
นักข่าว1ถาม
"คุณแก้มครับ เรื่องมันเป็นยังไง ถึงได้เกิดเป๋าปิดเป้าได้ครับ"
นักข่าว2 ถาม
"รู้สึกยังไงคะกับฉายา “สวยลูบเป้า” ที่กระฉ่อนอยู่ในขณะนี้"
นักข่าว3 ถาม
"ก่อนเกิดเรื่อง คุณทำอะไรกับปาร์คจุนจีอยู่ในห้องแต่งตัวคะ"
นักข่าว1ถามอีก
"คุณกับจุนจีมีรู้จักกันในฐานะอะไรคะ"
"นั่นไง! นั่นๆๆ กระเป๋าใบนั้นใช่มั้ยที่คุณใช้ปิดเป้าจุนจี"
นักข่าว4 บอกแล้วชี้ไปยังกระเป๋าซึ่งวางอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ทำให้นักข่าวยิ่งแตกตื่น เบียดบี้แย่งกันถ่ายรูป
"ฉันไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น อยากรู้ไปถามตาจุนจีผู้ชายใจดำโน่น...หลีกค่ะ...หลีก"
กรรัมภากดแตรลั่น แปร๋นๆ พยายามจะขับฝ่ามาให้ถึงบริษัท ก้องฟ้ากับเจ้าที่ยืนมองอยู่หน้าบริษัทฯ
อ่านต่อตอนที่ 7