บลจ.กรุงไทยเผยกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 3 กองทุนที่ยื่นขออนุมัติจาก ก.ล.ต.มีความคืบหน้า โดยเฉพาะกองทุนอสังหาฯ โรงแรมที่ลงทุนโรงแรม 14 แห่งทั่วประเทศมูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาท คาดสิ้นเดือนมีนาคมนี้น่าจะได้เปิดขายไอพีโอ
นางชวินดา หาญรัตนกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ว่า ปัจจุบันบริษัทมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) จำนวน 3 กองทุน มูลค่าโครงการรวม 2.8 หมื่นล้านบาท ที่ยื่นขอจัดตั้งไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และยังอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
สำหรับรายละเอียดของกองทุน ประกอบด้วย กองทุนที่ลงทุนในโรงแรม 14 แห่งของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท กองทุนที่ลงทุนในเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และกองทุนที่ลงทุนในชอปปิ้งมอลล์ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท
“ยังคาดหวังว่ากองทุนที่ลงทุนในโรงแรมจะได้รับอนุมัติให้เสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ในเดือน มี.ค.นี้ เนื่องจากตามแผนแล้วโรงแรมจะต้องมีการปรับปรุงประมาณเดือน มิ.ย. ดังนั้นหากการอนุมัติล่าช้าอาจมีผลต่อการดำเนินงานของโรงแรมได้ ซึ่งจากการหารือกับ ก.ล.ต.ก็ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม แต่โดยรวมไม่น่าจะมีปัญหาและได้ทำประเมินราคาสินทรัพย์ใหม่แล้ว”
นางชวินดา กล่าวต่อว่า เราประเมินว่าสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายขึ้นแล้ว เห็นได้จากราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้อ่อนไหวไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาปัญหาทางการเมืองได้กดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น
สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมานั้นได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรมแรมที่กองทุนจะเข้าลงทุนอยู่บ้าง โดยเฉพาะโรงแรมพลาซ่า แอทธินี ซึ่งตั้งอยู่บนถนนวิทยุ กรุงเทพฯ แต่โรงแรมส่วนใหญ่ที่กองทุนลงทุนไม่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดยังมีลูกค้าใช้บริการได้ตามปกติ ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในโรงแรมกรุงเทพฯ ประมาณ 4-5 แห่งเท่านั้น ส่วนที่เหลืออยู่ในต่างจังหวัด และส่วนใหญ่กองทุนจะลงทุนแบบมีกรรมสิทธิ์ (ฟีโฮลด์) ในโรงแรม
ในส่วนของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีตส์) คาดว่าจะเปิดตัวได้ประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ในแผนจำนวน 2 กองทุน เป็นของภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งลงทุนในโรงไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก
