กสอ.เปิดตัวโครงการคัดสรร 11 แอปพลิเคชันเด่นจาก 11 บริษัทซอฟต์แวร์ไทย เปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีใช้งานฟรีบนแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน เป็นเวลา 1 ปีเต็ม เพื่อช่วยเสริมศักยภาพและลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ ตั้งเป้าปีแรกมี ผปก.เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 250 กิจกรรม แต่ละรายลดต้นทุนและเพิ่มยอดขายไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน
นายโสภณ ผลประสิทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า จากที่ทางกรมฯ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ จึงได้ทำโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ECIT ซึ่งในปีนี้ (2556) กสอ.ได้สานต่อด้วยการผลักดันโครงการใหม่ คือ “ECIT Mobile Application for SMEs” โดยเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีไทยได้ใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชัน (Application) บนแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ที่ผ่านการคัดสรรว่าเกิดประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอีได้ฟรีเป็นระยะเวลา 1 ปี
โครงการดังกล่าวได้ร่วมกับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คัดเลือกแอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์ต่อเอสเอ็มอี ซึ่งมีให้เลือกถึง 11 แอพพลิเคชั่นจาก 11 บริษัทซอฟต์แวร์ไทย สามารถใช้ได้ในทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นระบบ IOS ของแอปเปิ้ล, ระบบแอนดรอยด์ของกูเกิล และระบบวินโดวส์โมบายของไมโครซอฟท์ และทุกซอฟต์แวร์สามารถจัดวางระบบไว้ให้บริการกับคลาวด์คอมพิวติ้งรายใดก็ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าร่วมใช้ได้ในปีแรก โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
สำหรับ 11 แอปพลิเคชันจาก 11 บริษัทซอฟต์แวร์ไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ ประกอบด้วย
1. บริษัท Apptividia ซึ่งทำซอฟต์แวร์ทางด้านการส่งเสริมการขายผ่านช่องทางตลาดสมัยใหม่บนอุปกรณ์พกพารูปแบบต่างๆ 2. บริษัท Arunsawad dot com ซึ่งทำซอฟต์แวร์ด้าน call center และมีระบบแจ้งเตือนที่ได้รับรางวัลมากมายอย่าง i-Lert-u 3. บริษัท Buzzebees ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทางด้านการสะสมคะแนนจากการใช้จ่าย โดยจุดเด่นอยู่ที่การเชื่อมต่อกับ Facebook อย่างเต็มรูปแบบ 4. บริษัท Inventech Systems จัดทำซอฟต์แวร์ด้านการขายและการจัดส่งสินค้าผ่านระบบโมบาย 5. บริษัท Microdrive ซึ่งทำซอฟต์แวร์ด้านระบบควบคุมการขนส่งผ่านอุปกรณ์พกพา
6. บริษัท Double M จัดทำระบบ Sales 2 Go เชื่อมต่อกับระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP เพื่อช่วยในการตรวจสอบสินค้าคงคลัง และบันทึกคำสั่งขายผ่านระบบ 3G หรือ wifi 7. บริษัท Box Box จัดทำระบบบัตรสมาชิกและบัตรสะสมแต้มออนไลน์ 8. บริษัท ABS-KKS Softnet จัดทำโปรแกรมบริหารการขายบนแอนดรอยด์แท็บเล็ต 9. บริษัท ภูมิซอฟต์ ซึ่งทำระบบ Human Pay Outsourcing Payroll หรือระบบบริหารงานเงินเดือนแบบเอาท์ซอร์สผ่านอุปกรณ์พกพา 10. บริษัท NB Solutions จัดทำโปรแกรมบริหารจัดการงานบำรุงรักษา และบริการหลังการขาย และ 11. บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จัดทำระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตผ่านโทรศัพท์มือถือ
นายโสภณระบุว่า โครงการในปีแรกนี้กำหนดเป้าหมายให้มีเอสเอ็มอีเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 250 กิจการ โดยแต่ละรายต้องเกิดประโยชน์จากการใช้งานได้จริง ทั้งประหยัดต้นทุน และเพิ่มยอดขาย ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน
ด้านนายวาที พีระวรานุพงศ์ ผู้อำนวยการ ส่วนบริการสารสนเทศ สำนักบริหารยุทธศาสตร์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า กสอ.ใช้งบประมาณรวม 6 ล้านบาท มอบหมายให้ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินการบริหารทั้งหมด โดยเกณฑ์ในการคัดเลือกแอแพลิเคชันนั้น กำหนดจะต้องเป็นจากบริษัทซอฟต์แวร์ของคนไทย ซึ่ง กสอ.เชื่อมั่นว่าคุณภาพไม่แพ้ต่างชาติ อีกทั้งเอสเอ็มอีสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ครบวงจร
สำหรับขั้นตอนการดำเนินการ ทางผู้ประกอบการซอฟต์แวร์แต่ละแห่งจะนำแอพพลิเคชั่นของตัวเองไปเสนอแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ ให้เข้ามาทดลองใช้งาน โดยเฉลี่ยต้องการให้มีเอสเอ็มอีประมาณ 50 กิจการต่อหนึ่งบริษัทซอฟต์แวร์ จากนั้นนำเข้ากระบวนการอบรมการใช้แอปพลิเคชัน โดยทาง กสอ.จะสนับสนุนงบประมาณในด้านการจัดฝึกอบรมของเอสเอ็มอีให้กับเจ้าของซอฟต์แวร์
โดยในปีแรกเอสเอ็มอีสามารถเลือกใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ได้ฟรี ส่วนหลังจากทดลองใช้ปีแรกแล้ว หากเอสเอ็มอีแต่ละรายเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจตัวเองได้จริงจะต้องไปตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในปีต่อๆ ไปกับบริษัทซอฟต์แวร์แต่ละแห่งเอง
นายวาทีกล่าวต่อว่า ประโยชน์จะได้ทั้งตัวของบริษัทซอฟต์แวร์ และเอสเอ็มอี กล่าวคือ ทางบริษัทซอฟต์แวร์จะได้รับอนุญาตจาก กสอ.ให้สามารถใช้เครื่องหมายของ กสอ.ในการไปหาเอสเอ็มอีเข้าร่วมกิจกรรมได้ ซึ่งเป็นการการันตีคุณภาพว่าเป็นแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพจริง ในขณะที่ตัวผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกิดความเชื่อมั่น กล้าทดลองนำแอปพลิเคชันมาช่วยในธุรกิจ ซึ่ง กสอ.เชื่อว่าจะช่วยให้เอสเอ็มอีเพิ่มผลิตภาพ ทั้งการลดขั้นตอนในการบริหารงาน ให้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ และช่วยลดต้นทุนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มีระบบการตรวจสอบ ทำให้ช่วยลดความสูญเปล่าในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ช่วยลดสินค้าคงคลัง ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของร้านให้เด่นขึ้น ส่งผลให้มียอดขายสูงขึ้น การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ดีขึ้น ทำให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าบ่อยขึ้นและมากขึ้น ช่วยให้ยอดขายสูงขึ้น
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *