สภาหอการค้าฯ ประเมินการทำงานรัฐ 1 ปี เผยดูแลค่าครองชีพได้ดี แต่ฝั่ง SME ยังมีการบ้านไม่ได้ทำอีกเพียบจากผลพวงนโยบายค่าแรง และเตรียมรับเออีซี รวมถึงวิกฤตอุทกภัยเมื่อปลายปี 54
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การทำงานของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาถือว่าดีพอสมควร การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะการดูแลค่าครองชีพของประชาชน ขณะที่ปัญหาการส่งออกเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ยืดเยื้อ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการกระทำของไทยเอง ดังนั้นไทยจึงต้องหันพึ่งพาตลาดอาเซียนมากขึ้น
สำหรับการปรับตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ยังต้องการความช่วยเหลือ และสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยรัฐบาลต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และปรับปรุงด้านการศึกษาของไทยให้พร้อมต่อการเข้าสู่เออีซี รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทที่จะปรับขึ้นเท่ากันทั้งประเทศในวันที่ 1 ม.ค. 2556 จะส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก ทำให้ต้องมีการยกระดับประสิทธิภาพแรงงานเพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นคุ้มกับค่าแรงที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนด้านผลงานการดูแลป้องกันน้ำท่วมยังเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนเป็นห่วง เนื่องจากในปีที่ผ่านมาน้ำท่วมสร้างความเสียหายให้ภาคธุรกิจมาก ในปีนี้จึงต้องมีการป้องกันให้ดี มีมาตรการที่ชัดเจน และต้องแจ้งสถานการณ์ให้นักธุรกิจและภาคประชาชนได้รับรู้ความเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ดังนั้น สิ่งที่ภาคเอกชนยังไม่พอใจคือความตั้งใจในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาล ที่ถือว่ายังดำเนินการได้ไม่เพียงพอ และต้องทำให้มากขึ้นกว่านี้
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมรวบรวมผลงานของกระทรวงอุตสาหกรรมภายใน 1 ปีที่ผ่านมาเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล โดยผลงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่การดูแล ช่วยเหลือ และฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมต่อเนื่องมากจากปีก่อน โดยกระทรวงได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เช่น ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ประกอบการในการฟื้นฟูกิจการ จัดตั้งคลินิกอุตสาหกรรม เพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่เอสเอ็มอี รวมถึงการสนับสนุนการสร้างแนวป้องกันน้ำถาวรให้แก่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ส่งผลให้ผู้ประกอบการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนของกระทรวงอุตสาหกรรมในเชิงรุกยังส่งผลให้ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 6.3 แสนล้านบาท โดยสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ รวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรมยังได้วางโรดแมปเตรียมความพร้อมเอสเอ็มอีเพื่อเข้าสู่เออีซี จากเดิมที่ไม่เคยทำมาก่อน