xs
xsm
sm
md
lg

Mini Studio ทางออก SMEs ถ่ายภาพสินค้าอย่างมืออาชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัจจุบันการถ่ายภาพเพื่อโฆษณาสินค้าเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะการโฆษณาสินค้าไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะหน้าร้าน แต่มีการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ต ที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้รูปภาพเป็นจุดดึงดูดลูกค้า ด้วยเหตุนี้จึงได้มีผู้คิดค้น Mini Photo Studio

สำหรับ Mini Photo Studio ที่กล่าวถึงในครั้งนี้เป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศไต้หวัน โดยเกิดจากความร่วมมือของผู้ผลิตจากประเทศไต้หวันกับช่างภาพชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีประสบการณ์การถ่ายภาพทำให้สามารถออกแบบ Mini Studio ออกมาได้ในแบบที่สามารถนำไปใช้งานแบบช่างภาพมืออาชีพ ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถ่ายภาพได้ออกมาเหมือนกับการถ่ายใน Studio
นายพีรดนธ์ วิทยสิงห์ เจ้าของ
นายพีรดนย์ วิทยสิงห์ ผู้นำเข้า Mini Photo Studio Thailand เล่าถึงผลิตภัณฑ์ Mini Photo Studio ว่า ที่เราเลือกนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มาจากเห็นว่าปัจจุบันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมักจะมีปัญหากับการถ่ายภาพเพื่อโฆษณาสินค้าผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะการขายผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ต้องใช้ภาพที่เห็นสินค้าชัดเจนในทุกมุม เพราะลูกค้าตัดสินใจซื้อจากภาพถ่าย และการจ้างช่างภาพ หรือการไปถ่ายใน Studio จะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเป็นหลักหมื่นบาท เราจึงเห็นช่องว่างทางการตลาด นำเข้า Mini Photo Studio

จุดเด่นของ Mini Studio เป็นอุปกรณ์ที่ทำขึ้นมาเพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถถ่ายภาพ โดยไม่ต้องจัดแสง ภาพที่ออกมาชัดเจนเหมือนถ่ายใน Studio แม้ว่าจะใช้กล้องถ่ายภาพแบบธรรมดา หรือผู้ที่ถ่ายภาพไม่เป็น โดย Mini Studio ทำมาจากวัสดุพลาสติกพีพี ซึ่งมีการคำนวณการหักเหของแสง ด้วยการดีไซน์รูปแบบของ Mini Studio เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ออกมาสมบูรณ์แบบและมีความคมชัดในเรื่องของสี
Mini Studio ไซด์เล็ก
โดยทำออกมาด้วยกัน 6 แบบ เริ่มจากไซส์เล็ก SS ขนาด 40 cm(w) x 47 cm(D) x 36 cm(H) น้ำหนัก 3.2 กิโลกรัม เป็นขนาดที่ทำออกมาเพื่อการถ่ายภาพเครื่องประดับชิ้นเล็กที่ถ่ายยาก ไซส์ S ขนาด 51 cm (w) x 57 cm(D) x 48cm (H) น้ำหนัก 3.3 กิโลกรัม ไซส์ M ขนาด 60 cm(w) x 77cm(D) x 60 cm(H) น้ำหนัก 8.2 กิโลกรัม ที่กล่าวมาทั้ง 3 ขนาดเหมาะต่อผู้ที่ต้องการซื้อไปถ่ายภาพเล่น หรือผู้ประกอบการซื้อไปถ่ายรูปสินค้า

นอกจากนี้ ยังมีไซส์ใหญ่ L ขนาด 112 cm(w) x 123 cm(D) x 122.5 cm (H) น้ำหนัก 35 กิโลกรัม ไซส์ XL ขนาด 146 cm(w) x 120 cm(D) x 173 cm(H) น้ำหนัก 40 กิโลกรัม และ XXL ขนาด 188 cm(w) x 150cm(D) x 245 cm(H) น้ำหนัก 92 กิโลกรัม ไซส์ใหญ่ทั้ง 3 ขนาดออกแบบมาเพื่อขายกลุ่มร้านถ่ายรูปที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทำ Studio โดยปกติร้านถ่ายรูปต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำ Studio แต่ละครั้งเป็นหลักแสนบาท แต่ในขณะที่ Mini Studio ราคาเริ่มต้นไซส์ใหญ่อยู่ที่ 50,000 บาท ไปจนถึง 70,000 บาท สามารถใช้ได้เลย และประหยัดพื้นที่ เพราะขนาดไม่ใหญ่มาก น้ำหนักเบา ที่สำคัญสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก
Mini Studio ไซด์ใหญ่
ส่วนราคาไซส์เล็กสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และคนทั่วไป ราคาเริ่มต้นที่ 8,500 บาท ไปจนถึง 20,000 บาท ส่วนหลอดไฟที่ใช้ ทางเจ้าของลิขสิทธิ์บอกว่าเป็นไฟที่ทำขึ้นมาใช้เฉพาะกับการถ่ายภาพ ซึ่งหลอดไฟที่กล่าวมาข้างต้นจะมีอายุการใช้งานนานถึง 8,000 ชั่วโมง

ในส่วนของช่องทางการขาย มุ่งเน้นการออกงานแสดงสินค้าเป็นหลัก เพราะเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่ม ซึ่งมีทั้งงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับการถ่ายภาพ และงานแสดงสินค้าในกลุ่มเอสเอ็มอี นอกจากนี้มีหน้าร้าน ซึ่งเป็นออฟฟิศที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจต้องการทดสอบสินค้า หรือ ถ้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใดต้องการให้เราช่วยถ่ายภาพสินค้าให้ ทางเจ้าของคิดค่าบริการครั้งละ 2,000 บาทต่อสินค้า 2 ชิ้น และยังรับถ่ายรูป 3 มิติด้วย อีกทั้งยังเปิดอบรมสอนการถ่ายภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่มีพื้นฐานการถ่ายรูป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

นายพีรดนย์กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของยอดขายถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะมีผู้สนใจ ค่อนข้างมากกับการเปิดตัวครั้งแรกในงาน Photo Fair ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มร้านถ่ายรูป ส่วนไซส์เล็กจะได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ค้าอัญมณี เพราะเป็นสินค้าที่ถ่ายภาพยาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงเพื่อจ้างช่างภาพมืออาชีพ จึงหันมาให้ความสนใจ Mini Studio กันค่อนข้างมาก และด้วยเป็นสินค้าที่สามารถลอกเลียนได้ ทางเจ้าของลิขสิทธิ์มั่นใจว่าเทคนิคบางอย่างที่เป็นความลับ บางครั้งทำออกมาได้ไม่เหมือน โดยเฉพาะคุณภาพของภาพถ่าย
ภาพถ่ายได้จากการถ่ายในMini Studio
โทร. 08-9498-5191
กำลังโหลดความคิดเห็น