ปัจจุบันร้านกาแฟทั่วไปมักจะเปิดขายคู่กับขนมฝรั่งอย่างเบเกอรี แต่สำหรับร้านขนมไทย บ้านไทยร่มเย็น เปิดร้านกาแฟสดขายควบคู่กับขนมไทย ซึ่งด้วยรสชาติของขนมไทยที่ได้ปรับให้เข้ากับความชอบของคนในยุคปัจจุบัน ทำให้กาแฟสดของร้านนี้กินควบคู่กับขนมไทยได้อย่างลงตัว
นายมานพ ธนสุวรรณกุล เจ้าของร้าน เล่าว่า สำหรับร้านขนมไทย บ้านไทยร่มเย็น เป็นร้านที่ผลิตและจำหน่ายขนมไทยหลากหลายชนิด เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง วุ้นลูกชุบ วุ้นกะทิ ตะโก้เสวย ขนมเปียกปูนหยก หยกแก้ว หยกมณี ฯลฯ โดยจะมีขายที่หน้าร้านควบคู่กับกาแฟสด และขนมขบเคี้ยว ต่างๆ นอกจากนี้แล้ว ยังผลิตและจำหน่ายตามคำสั่งซื้อของลูกค้าในงานต่างๆ เช่น ชุดอาหารว่างสำหรับงานประชุมสัมมนา ชุดกระเช้าขนมไทยเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสต่างๆ ชุดขันโตกขนมไทยสำหรับงานทำบุญเลี้ยงพระ งานขึ้นบ้านใหม่ งานเลี้ยงหรืองานพิธีต่างๆ ขนมมงคล 9 อย่างสำหรับงานแต่งงานหรืองานมงคลต่างๆ
นอกจากขนมไทย กาแฟสดแล้ว ทางร้านยังมีเบเกอรี อาหาร ของฝาก และของที่ระลึกด้วย เพราะด้วยจุดที่ตั้งของร้านอยู่ในแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อย่างจังหวัดเชียงใหม่ สินค้าที่ขายภายในร้านจึงหลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งขนมไทยของทางร้านจะทำขึ้นมาเองทั้งหมด ส่วนกาแฟสดก็สั่งซื้อเมล็ดกาแฟมาจากร้านที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่ และเบเกอรี ของกิน ของฝาก และของที่ระลึก ก็จะมีญาติพี่น้องเป็นผู้ผลิตนำมาฝากขาย
ทั้งนี้ ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้านจะมานั่งดื่มกาแฟ บางคนชอบขนมไทย สั่งขนมไทยกินกับกาแฟ เพราะขนมไทยของทางร้านได้ปรับสูตรให้ไม่หวาน หรือมันมากเกินไปเพื่อจะได้กินคู่กับกาแฟสดได้ ซึ่งถ้าเป็นลูกค้าที่ชอบเบเกอรี ทางร้านจะมีเบเกอรีไว้ให้ลูกค้าได้เลือกกินคู่กับกาแฟสดด้วย
“การที่ผมเลือกขายขนมไทยคู่กับกาแฟสด แทนที่จะเป็นเบเกอรีเหมือนที่ขายกันทั่วไป ส่วนหนึ่งเพราะกาแฟมีกลุ่มผู้บริโภคที่มากอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าจะนำสินค้าอื่นเข้าไปประกบก็น่าจะทำให้ติดตลาดได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญหากเปิดร้านกาแฟคู่กับเบเกอรีก็มีคู่แข่งอยู่ทุกซอกทุกซอยทั่วประเทศ ทำให้มีการแข่งขันสูง และยากต่อการประสบความสำเร็จ”
สำหรับร้านแห่งนี้เปิดให้บริการมาได้ประมาณ 3 ปี ช่วงแรกใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 บาท สองปีต่อมาได้มีการขยายกิจการ มีสินค้าและขนมมากขึ้น กลุ่มลูกค้ากว้างและหลากหลายขึ้น จึงต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนเป็นบริษัทวงเงิน 1,000,000 บาท และในอนาคตมีเป้าหมายต้องการเปิดสาขาของร้านในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทุกจังหวัด และต้องการเปิดโรงเรียนสอนการทำขนมไทยให้แม่บ้านและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของไทยให้รู้จักไปทั่วโลก
ส่วนช่องทางการขาย นอกจากการขายผ่านหน้าร้านโดยอาศัยการบอกกล่าวปากต่อปากของลูกค้า ต่อมาก็ทำเป็นแผ่นพับเพื่อประชาสัมพันธ์ และได้เปิดเว็บไซต์ www.baanthairomyen.co.th หนึ่งในโครงการ Google ธุรกิจไทย Go Online ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยมีเว็บไซต์ เพื่อประชาสัมพันธ์แก่บุคคลทั่วไป และเหตุผลหลักในการเปิดร้านขนมไทยบ้านไทยร่มเย็น และขายผ่านเว็บไซต์ เนื่องมาจากเราต้องการฟื้นฟูและอนุรักษ์ขนมไทย ซึ่งเป็นศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์บ่งบอกความเป็นไทยให้ดำรงคงอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไป เพื่อให้ศิลปวัฒนธรรมแขนงนี้ดำรงคงอยู่ได้ก็จะต้องมีผู้สืบทอด
ดังนั้น เยาวชนและคนรุ่นใหม่จึงควรรู้จักและหันกลับมาบริโภคขนมไทยกันมากขึ้น จึงเริ่มเข้าสู่โครงการ Google ธุรกิจไทย Go Online และเชื่อว่าสื่อที่จะเข้าถึงคนกลุ่มนี้ รวมทั้งสถาบันอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียน หน่วยงานราชการ บริษัทห้างร้านต่างๆ การขายผ่านเว็บไซต์และ Social network ต่างๆ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับการทำธุรกิจยุคใหม่นี้ ซึ่งกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าได้รู้จักเรามากขึ้น แต่เรายังต้องพัฒนาระบบเพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ได้ในอนาคต
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักคือ มหาวิทยาลัยต่างๆ โรงเรียนขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชนที่มีการจัดประชุมสัมมนา กลุ่มลูกค้ารองคือ กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป โดยจะเน้นสำหรับคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นการรื้อฟื้นและอนุรักษ์ขนมไทยให้คงอยู่ตลอดไป โดยยอดขายปัจจุบันอยู่ที่ 1 ถึง 2 แสนบาทต่อเดือน
นายมานพเล่าว่า ก่อนจะมาทำธุรกิจส่วนตัวก็เคยทำงานประจำมาก่อน ซึ่งอยู่ในตำแหน่งรับผิดชอบด้านการตลาดทำให้เข้าใจเรื่องการตลาดเป็นอย่างดี ก็นำมาปรับใช้กับธุรกิจส่วนตัวที่เราทำอยู่ได้
โทร. 08-6911-1233 www.baanthairomyen.co.th