สนช.เผยแผนปี 2555 มุ่งเน้น ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs รับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เผยอันดับความสามารถนวัตกรรมไทยร่วง อยู่อันดับ 29 ชี้ไทยแข่งตลาด AEC ได้ ต้องปั้น SMEs นวัตกรรมมากกว่าหมื่นราย
นางวันทนีย์ จองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมวัฒนธรรมนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการแข่งขันในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ทางสนช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมด้านนวัตกรรมสำหรับ SMEs จึงได้มีนโยบายในปี 2555 มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมให้แก่ผู้ประกอบการ ภายใต้ โครงการต่างๆ ได้แก่ โครงการแปลงเทคโนโลยีเป็นทุน โครงการนวัตกรรมดีไม่มีดอกเบี้ย โครงการคูปองนวัตกรรมสำหรับSMEs โครงการซอฟต์แวร์ดี มีนวัตกรรม โครงการวิจัยพัฒนา ออกแบบวัสดุอุปกรณ์การแพทย์และสุขภาพ โครงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากหน่วยงานและสถาบันวิจัยร่วมกับผู้ประกอบการ
สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการในปีนี้ ทางสนช.ตั้งเป้าไว้จำนวน 120 ราย ในวงเงินที่ได้รับจากภาครัฐจำนวน 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า การส่งเสริมSMEs ในแต่ละปี มีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ที่มีมากถึงกว่า 2 ล้านราย และปัจจุบัน มี SMEs ที่ได้รับการส่งเสริมจากสนช.เพียง 800 ราย และเป็นผู้ประกอบที่มีการดำเนินงานด้านนวัตกรรมอยู่แล้วประมาณ 1,000 กว่าราย รวมประมาณ 2,000 ราย ถือว่าน้อยมาก ซึ่งส่งผลถึงการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปี ข้างหน้า ที่ประเทศไทยจะแข่งขันได้น่าจะมีSMEs ที่มีนวัตกรรมมากเป็นหลักหมื่นราย จึงจะแข่งขันได้
ทั้งนี้ ทางสนช.จึงมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนองค์กรใหม่ให้สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบการในวงกว้างมากขึ้น โดยใช้วิธีการทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ เช่น การรวมกับสภาอุตสาหกรรม ที่ดำเนินการในการพัฒนาภาคเอกชนอยู่แล้ว หรือ การร่วมกับสถาบันการเงิน ในการจัดกิจกรรม เวิร์คชอป เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้ประกอบการในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น และเนื่องจากทางสนช. เป็นหน่วยงานองค์กรขนาดเล็กจำนวนคนไม่มาก ดังนั้นในปีนี้ มีแผนงานที่ปรับเปลี่ยนการทำงานองค์กรไปนำเสนอภาครัฐ อยู่ระหว่างการทำแผน คาดว่าจะทราบผลในเดือนพฤษภาคมนี้
นอกจากนี้การจัดอันดับความสามารถด้านนวัตกรรมของสถาบันการจัดอันดับ IMD(Institute for Management Development) จัดอันดับประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 26 ในปี 2552 จาก 61ประเทศ และอันดับ 29 ในปี 2555 ซึ่งผลพวงเกิดมาจากผลกระทบในเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่ผ่านมา