“ฐณิชาฌ์ฯ” ต้นตำรับบูติครีสอร์ตอัมพวา จุดนัดเสน่ห์อดีตคู่พักสบาย

ย้อนกลับไปในช่วงท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา กลับมาได้รับความนิยมใหม่ๆ สถานที่พักค้างแรมทั้งหมดยังมีเฉพาะโฮมสเตย์เท่านั้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นของสาวลูกหม้อประจำถิ่น แปลงโฉมบ้านตัวเองให้กลายเป็นบูติครีสอร์ตแห่งแรกใจกลางตลาดน้ำอัมพวา ชื่อ ‘ฐณิชาฌ์ เฮลท์ตี้ รีสอร์ต’ (Thanijha Healthy Resort) โดยจัดบริการมาตรฐานโรงแรม สร้างความสะดวกสบายแก่แขกที่เข้าพัก ขณะเดียวกัน คงรักษาเอกลักษณ์ความเงียบสงบ และเสน่ห์แห่งอดีตของอัมพวาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

พุทธปรานี ตั้งวิชิตฤกษ์ อดีตบัณฑิตเภสัชศาสตร์ รั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งครอบครัวมีบ้านเรือนไม้อายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ริมตลาดน้ำอัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยฝันอยากมีธุรกิจรีสอร์ตตลอดมา ตั้งแต่สมัยเรียนมักทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์พานักท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่น่าสนใจในบ้านเกิดเสมอ จนเมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ตลาดน้ำอัมพวากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จึงตัดสินใจร่วมกับครอบครัวนำบ้านเรือนไม้ พลิกโฉมเป็นรีสอร์ตสไตล์บูติค (boutique) แห่งแรกในท้องถิ่น เพื่อตอบความต้องการลูกค้าที่อยากพักผ่อนสะดวกสบาย และไม่ต้องแข่งขันกับที่พักโฮมสเตย์ในท้องถิ่นด้วย
ภายในบริเวณรีสอร์ต

“ความคิดเบื้องต้นเกิดจากที่ดิฉันเห็นว่า ทำเลของบ้านดีมาก อยู่ใจกลางตลาดน้ำเลย ประกอบกับกระแสท่องเที่ยวอัมพวากำลังได้รับความนิยม มีฐานลูกค้าแน่นอน ซึ่งดิฉันตั้งใจแต่แรกจะทำบูติครีสอร์ต ขนาดกะทัดรัด แต่มีบริการมาตรฐานโรงแรม เพราะมองกลับมาที่ตัวเราเองเป็นผู้หญิง เวลาไปพักที่ไหน เรื่องห้องนอนห้องน้ำเป็นสิ่งจำเป็นมาก ดังนั้น น่าจะมีลูกค้าที่อยากมาอัมพวาแล้วได้พักผ่อนสะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัว และเป็นลูกค้าคนละกลุ่มกับที่ชอบพักโฮมสเตย์” พุทธปรานี อธิบายเสริม
ตั้งอยู่ติดริมคลองตลาดน้ำอัมพวา

เงินลงทุนประมาณ 3 ล้านบาท ถูกใช้แปลงโฉมบ้านไม้อายุนับร้อยปีให้กลายเป็นรีสอร์ตสไตล์ไทยร่วมสมัย โดยมีญาติสนิทซึ่งเป็นวิศวกรทำหน้าที่ออกแบบ เริ่มเปิดบริการเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2549 เบื้องต้นมีแค่ 10 ห้อง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มาตรฐานโรงแรม ถือเป็นบูติครีสอร์ตแห่งแรกในอัมพวา

เจ้าของรีสอร์ต เผยด้วยว่า แม้จะปรับรูปแบบและบริการให้ได้มาตรฐานระดับสูง แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือ ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นอัมพวา ทั้งด้านสถาปัตยกรรมพยายามรักษาโครงสร้างหลักดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด ของตกแต่งต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นของเก่าแท้ หรือของใหม่ที่เข้ากันได้ดีกับสภาพแวดล้อม รวมถึง บริการที่สอดคล้องวิธีชุมชน เช่น ปิดประตูรีสอร์ตเวลา 5 ทุ่มเท่านั้น เพื่อรักษาความเงียบสงบ ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้ในรีสอร์ต เน้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมจัดกิจกรรมเหมาะกับวิถีชีวิตชาวบ้าน เช่น ใส่บาตรตอนเช้า ล่องเรือดูหิ่งห้อย พาไหว้พระ บริการนวดแผนไทย อาหารท้องถิ่น และปฏิบัติธรรม เป็นต้น
ภายในห้องพัก

ด้วยบริการที่โดนใจ รวมถึงเป็นหนึ่งในรีสอร์ตอัมพวาที่ได้รับรางวัลมรดกแห่งเอเชีย หรือ Unesco Asia - Pacific Heritage 2008 ในฐานะอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเยี่ยม และใช้ประโยชน์ได้เหมาะสม ผลักดันให้รีสอร์ตแห่งนี้ได้การตอบรับอย่างรวดเร็ว และดียิ่ง ขนาดต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้ขอสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อขยายห้องพักเพิ่มเป็น 25 ห้อง และเพิ่มบริการห้องประชุมสัมมนา โดยปัจจุบัน รีสอร์ตมีพื้นที่รวม 1 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สิ่งปลูกสร้างประมาณ 200 ตารางวา ที่เหลือเป็นลานจอดรถ รองรับแขกได้สูงสุด 60-80 คน
ส่วนหน้ารีสอร์ตฝั่งติดตลาดน้ำอัมพวา

พุทธปรานี ระบุด้วยว่า ราคาค่าพักเริ่มต้นที่ 990-3,700 บาทต่อคืน (แล้วแต่รูปแบบห้องและวันที่เข้าพัก) ลูกค้าหลักกว่า 80% จะเป็นกลุ่มครอบครัว และกลุ่มเพื่อนวัยทำงาน อีกประมาณ 20% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเอเชียที่จะรู้จักจากการบอกปากต่อปาก มีอัตราเข้าพักช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เต็มแทบตลอดทั้งปี

จากเริ่มแรกไม่เคยมีความรู้การทำธุรกิจใดๆ มาก่อนเลย พุทธปรานี ระบุว่า ค่อยๆ สะสมประสบการณ์จากการทำงานจริง รวมถึง เรียนหลักสูตรที่เกี่ยวข้องเสริม เพื่อบริหารรีสอร์ตได้อย่างมืออาชีพควบคู่กับอนุรักษ์สิ่งดีงามของบ้านเกิดอย่างกลมกลืน โดยมีหลักคิดประจำตัวที่ว่า 'จะมอบบริการให้แก่ลูกค้าเหมือนอย่างที่ตัวเองอยากได้รับ'
ส่วนต่อเติมใหม่เป็นอาคาร 3 ชั้น

“สิ่งสำคัญที่สุดของการทำรีสอร์ต คือ ต้องรักงานบริการ ซึ่งลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เรามอบให้ โดยดิฉันมักแทนตัวเองว่า ถ้าเราเป็นลูกค้า เราอยากได้อะไร? แบบไหน? ทั้งเรื่องบริการ ราคา รูปแบบ ฯลฯ ดังนั้น รูปแบบรีสอร์ตที่ออกมา มันจะตรงตามรสนิยมของเรา และลูกค้าที่เข้าพัก ก็จะมีรสนิยมคล้ายๆ กันซึ่งจะช่วยให้เราสามารถทำงานได้ง่าย และมีความสุข ซึ่งผลของงานก็จะออกมาดีด้วย” พุทธปรานี กล่าว
ห้องสำหรับจัดประชุมสัมมนา