กระเป๋าภายใต้แบรนด์ “BFX” ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงกับการใช้อุปกรณ์ไอทีเพื่อการสื่อสารต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของคนยุคนี้ ด้วยการติดต่ออุปกรณ์แผงโซล่าเซลล์ขนาดพกพาไว้กับกระเป๋า สำหรับบรรจุไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย รวมถึง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในภาวะฉุกเฉิน
ไอเดียดังกล่าว เป็นของ “ขนิษฐา นภาวรกุล” บริษัท โจเฮาส์ จำกัด ผู้ผลิตกระเป๋าแฟชั่นแบรนด์ 'Big Foot' และล่าสุดได้แตกไลน์ธุรกิจ สร้างแบรนด์ใหม่ เป็นนวัตกรรมกระเป๋าพลังงานแสงอาทิตย์ ในชื่อ 'BFX'
“จุดเริ่มต้น เกิดจากที่ดิฉันเห็นว่า เราทุกคนควรต้องหันมาใส่ใจการใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติมากขึ้น เพื่อลดการทำลายโลก ซึ่งทุกวันนี้มีการใช้แผงโซล่าเซลล์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม แทบทั้งหมดจะเป็นแผงขนาดใหญ่ใช้กับที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการลงทุนสูง คืนทุนระยะยาว ทำให้ดิฉันคิดพัฒนานำแผงโซล่าเซลล์มาประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น ประกอบกับพื้นฐานของบริษัทผลิตกระเป๋าอยู่แล้ว จึงพัฒนาเป็นกระเป๋าที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์” ขนิษฐา เผยแรงบันดาลใจ
เธอ อธิบายเสริมว่า ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์โซล่าเซลล์อย่างละเอียดและจริงจัง เพื่อคัดสรรนวัตกรรมดีเยี่ยมจากหลายๆ ประเทศ ประกอบกับปรึกษาหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จนคัดเลือกแผงโซล่าเซลล์ที่ได้มาตรฐานสากลผลิตจาก 2 ประเทศ ได้แก่ 1.สินค้าจากเยอรมัน มีข้อดีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี แต่ราคาค่อนข้างสูง และ 2. สินค้าจากจีน ราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง แต่อายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ปี โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่า ต้องการเลือกแผงโซล่าเซลล์จากแหล่งใด
ไม่เท่านั้น จากภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เอสเอ็มอีรายนี้ยังได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยทำเป็นกระเป๋าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการยังชีพ ลักษณะเป็นกระเป๋าล้อลาก ภายในบรรจุอุปกรณ์แก้ปัญหาเฉพาะหน้ายามฉุกเฉินหลายอย่าง เช่น แบตเตอรี่สำรองมีช่องไว้เสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ครบถ้วน และอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS เป็นต้น
ขนิษฐา เผยว่า เบื้องต้นกระเป๋า BFX มี 3 ดีไซน์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กล่าวคือ ดีไซน์ A และ B เป็นกระเป๋าเป้ ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ขนาดเล็ก ประมาณ 1.5x3.5 นิ้ว ไว้ที่ด้านหน้ากระเป๋า มีความจุไฟฟ้า 1 แอมป์ วัตถุประสงค์หลัก สำหรับไว้ชาร์จไฟอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ และแท็บแล็ต โดยดีไซน์ A ราคาใบละ 4,500 บาท ส่วนดีไซน์ B ราคาใบละ 5,500 บาท
ส่วนอีกกลุ่ม คือ ดีไซน์ C เป็นกระเป๋าล้อลาก ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ขนาดใหญ่ 12x15 นิ้ว ความจุไฟฟ้า 7 แอมป์ ราคาขายปลีกอยู่ที่ใบละ 10,000 บาท ทั้งนี้ ระยะเวลาในการชาร์จไฟเต็มประมาณ 2-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความแรงของแสงแดด
“ดีไซน์กระเป๋าเป้ เราวางลูกค้าเป้าหมายไว้ที่กลุ่มนักผจญภัย หรือนักเดินป่า ที่ต้องเข้าไปอยู่ยังพื้นที่ยากลำบาก รวมถึง คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สื่อสารสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถจะแบกกระเป๋าเป้พร้อมกับชาร์จไฟเข้าอุปกรณ์สื่อสารได้ตลอดเวลา ไม่เกิดปัญหาแบตหมด ส่วนดีไซน์กระเป๋าล้อลาก กำหนดลูกค้าเป้าหมายไปที่หน่วยงาน หรือองค์กรเพื่อการกู้ภัยต่างๆ ที่จะนำไปใช้ยังชีพยามเกิดภัยธรรมชาติชั้นรุนแรง” ขนิษฐา เผย
สำหรับวัสดุใช้ทำกระเป๋า เลือกใช้หนังเทียมเกรดเอ มีคุณสมบัติเด่นน้ำหนักเบา และป้องกันน้ำได้ 100% ส่วนการผลิต ใช้วิธีว่าจ้างโรงงานผลิตกระเป๋าขนาดใหญ่ผลิตตามแบบที่ดีไซน์ไป ขณะนี้ มีช่องทางขายผ่านการออกงานแสดงสินค้า ประกอบกับหน้าร้าน Hobbist ชั้น 4 อาคาร Timesquare และร้าน Usle ชั้น 1 City Avenue ถ.นวมินทร์ และเว็บไซต์ www.bigfootbf.com
“ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทำให้ดิฉันคิดว่า เราทุกคนต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองก่อนให้มากที่สุด ซึ่งกระเป๋าที่ดิฉันพยายามทำขึ้น อาจจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่ในยามจำเป็นมันอาจจะเป็นประโยชน์ช่วยชีวิตเราได้ ซึ่งในอนาคต ดิฉันจะพยายามพัฒนาสินค้าโดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เป็นกระเป๋าที่สามารถสร้างประโยชน์ได้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้” ขนิษฐา ตบท้าย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.0-2873-3305-8
ไอเดียดังกล่าว เป็นของ “ขนิษฐา นภาวรกุล” บริษัท โจเฮาส์ จำกัด ผู้ผลิตกระเป๋าแฟชั่นแบรนด์ 'Big Foot' และล่าสุดได้แตกไลน์ธุรกิจ สร้างแบรนด์ใหม่ เป็นนวัตกรรมกระเป๋าพลังงานแสงอาทิตย์ ในชื่อ 'BFX'
“จุดเริ่มต้น เกิดจากที่ดิฉันเห็นว่า เราทุกคนควรต้องหันมาใส่ใจการใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติมากขึ้น เพื่อลดการทำลายโลก ซึ่งทุกวันนี้มีการใช้แผงโซล่าเซลล์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม แทบทั้งหมดจะเป็นแผงขนาดใหญ่ใช้กับที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการลงทุนสูง คืนทุนระยะยาว ทำให้ดิฉันคิดพัฒนานำแผงโซล่าเซลล์มาประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น ประกอบกับพื้นฐานของบริษัทผลิตกระเป๋าอยู่แล้ว จึงพัฒนาเป็นกระเป๋าที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์” ขนิษฐา เผยแรงบันดาลใจ
เธอ อธิบายเสริมว่า ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์โซล่าเซลล์อย่างละเอียดและจริงจัง เพื่อคัดสรรนวัตกรรมดีเยี่ยมจากหลายๆ ประเทศ ประกอบกับปรึกษาหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จนคัดเลือกแผงโซล่าเซลล์ที่ได้มาตรฐานสากลผลิตจาก 2 ประเทศ ได้แก่ 1.สินค้าจากเยอรมัน มีข้อดีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี แต่ราคาค่อนข้างสูง และ 2. สินค้าจากจีน ราคาถูกกว่าเกือบครึ่ง แต่อายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 ปี โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่า ต้องการเลือกแผงโซล่าเซลล์จากแหล่งใด
ไม่เท่านั้น จากภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เอสเอ็มอีรายนี้ยังได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยทำเป็นกระเป๋าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการยังชีพ ลักษณะเป็นกระเป๋าล้อลาก ภายในบรรจุอุปกรณ์แก้ปัญหาเฉพาะหน้ายามฉุกเฉินหลายอย่าง เช่น แบตเตอรี่สำรองมีช่องไว้เสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ครบถ้วน และอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS เป็นต้น
ขนิษฐา เผยว่า เบื้องต้นกระเป๋า BFX มี 3 ดีไซน์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กล่าวคือ ดีไซน์ A และ B เป็นกระเป๋าเป้ ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ขนาดเล็ก ประมาณ 1.5x3.5 นิ้ว ไว้ที่ด้านหน้ากระเป๋า มีความจุไฟฟ้า 1 แอมป์ วัตถุประสงค์หลัก สำหรับไว้ชาร์จไฟอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ และแท็บแล็ต โดยดีไซน์ A ราคาใบละ 4,500 บาท ส่วนดีไซน์ B ราคาใบละ 5,500 บาท
ส่วนอีกกลุ่ม คือ ดีไซน์ C เป็นกระเป๋าล้อลาก ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ขนาดใหญ่ 12x15 นิ้ว ความจุไฟฟ้า 7 แอมป์ ราคาขายปลีกอยู่ที่ใบละ 10,000 บาท ทั้งนี้ ระยะเวลาในการชาร์จไฟเต็มประมาณ 2-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความแรงของแสงแดด
“ดีไซน์กระเป๋าเป้ เราวางลูกค้าเป้าหมายไว้ที่กลุ่มนักผจญภัย หรือนักเดินป่า ที่ต้องเข้าไปอยู่ยังพื้นที่ยากลำบาก รวมถึง คนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สื่อสารสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถจะแบกกระเป๋าเป้พร้อมกับชาร์จไฟเข้าอุปกรณ์สื่อสารได้ตลอดเวลา ไม่เกิดปัญหาแบตหมด ส่วนดีไซน์กระเป๋าล้อลาก กำหนดลูกค้าเป้าหมายไปที่หน่วยงาน หรือองค์กรเพื่อการกู้ภัยต่างๆ ที่จะนำไปใช้ยังชีพยามเกิดภัยธรรมชาติชั้นรุนแรง” ขนิษฐา เผย
สำหรับวัสดุใช้ทำกระเป๋า เลือกใช้หนังเทียมเกรดเอ มีคุณสมบัติเด่นน้ำหนักเบา และป้องกันน้ำได้ 100% ส่วนการผลิต ใช้วิธีว่าจ้างโรงงานผลิตกระเป๋าขนาดใหญ่ผลิตตามแบบที่ดีไซน์ไป ขณะนี้ มีช่องทางขายผ่านการออกงานแสดงสินค้า ประกอบกับหน้าร้าน Hobbist ชั้น 4 อาคาร Timesquare และร้าน Usle ชั้น 1 City Avenue ถ.นวมินทร์ และเว็บไซต์ www.bigfootbf.com
“ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทำให้ดิฉันคิดว่า เราทุกคนต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองก่อนให้มากที่สุด ซึ่งกระเป๋าที่ดิฉันพยายามทำขึ้น อาจจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่ในยามจำเป็นมันอาจจะเป็นประโยชน์ช่วยชีวิตเราได้ ซึ่งในอนาคต ดิฉันจะพยายามพัฒนาสินค้าโดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เป็นกระเป๋าที่สามารถสร้างประโยชน์ได้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้” ขนิษฐา ตบท้าย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
โทร.0-2873-3305-8