ผู้เคยแวะซื้อของฝากที่ตลาดหนองมน จ.ชลบุรี คงเคยเกิดความรู้สึกว่า สินค้าแทบทุกร้านคล้ายกันไปหมด จนยากจะหาเจ้าที่โดดเด่นชัดเจน แต่สำหรับบริษัท หมองมน เอส เอ็ม เจ โปรดักส์ จำกัด ใช้แนวทางการตลาดแบบง่ายๆ ผสมผสานกับหมั่นพัฒนาศักยภาพต่อเนื่อง จนสามารถถีบตัวเอง จากร้านค้าเล็กๆ ในท้องถิ่น สู่ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งระดับประเทศ ภายใต้แบรนด์ “fruitzie” (ฟรุทซี)
เส้นทางธุรกิจของเอสเอ็มอีรายนี้ ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ พ.ศ.2535 โดย “สุดใจ ผ่องแผ้ว” เจ้าของกิจการ เล่าให้ฟังว่า เป็นชาวชลบุรีโดยกำเนิด เมื่อประมาณ 19 ปีที่แล้ว เธอและสามี (ศุภชัย ผ่องแผ้ว) ช่วยกันเปิดร้านขายของฝากเล็กๆ ขนาด 3 คูหา อยู่ที่ตลาดหนองมน ลักษณะซื้อมาแล้วขายออกไปเหมือนกับเจ้าอื่นๆ รายได้ราว 2 ล้านบาทต่อปี
จน 2 ปีจากนั้น เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งแรก ด้วยความคิดอยากจะแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ เพิ่มบทบาทจากแค่ผู้ค้าสู่ผู้ผลิต โดยทำทอฟฟี่จุก ห่อด้วยกระดาษว่าวสีสด ใช้ชื่อแบรนด์ของตัวเองว่า “ศสิชล”
“ดิฉันใช้เงินลงทุนทำทอฟฟี่แค่ 40,000 บาท ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ มากวนเอง ซึ่งจริงๆ แล้วในท้องถิ่นก็มีขายอยู่แล้ว รสชาติทุกเจ้าก็แทบไม่ต่างกัน แต่เรามาเพิ่มค่าด้วยการห่อกระดาษที่สวยกว่า ถุงไม่เหมือนใคร และมีชื่อตราของตัวเอง พยายามให้สินค้าขายได้ด้วยตัวมันเอง เวลาไปตั้งอยู่กับชิ้นอื่นๆ มันต้องสะดุดตาที่สุด คิดดูง่ายๆ ถ้าสินค้าชนิดเดียวกัน ราคาเท่ากัน ตั้งเรียงกัน 3 ชิ้น ของเราดูสวยที่สุด แต่อีก 2 ชิ้นแบบธรรมดา ลูกค้าจะหยิบของใคร ซึ่งวิธีที่เราใช้มันง่ายมาก แต่ได้ผลเกินคาด ทำให้ตอนนั้น ยอดทำทอฟฟี่จุกต่อปีกว่า 15ตัน” สุดใจ อธิบาย
กลยุทธ์สร้างความโดดเด่นให้สินค้า ควบคู่ปั้นแบรนด์ให้จดจำ กลายเป็นสูตรสำเร็จที่เอสเอ็มอีรายนี้ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยทยอยออกสินค้าใหม่ พร้อมออกแบรนด์ใหม่ที่เจาะจงกลุ่มสินค้าแตกต่างกันไป ได้แก่ “ยายเปรี้ยว” เน้นทำผลไม้แปรรูป และ “เรือทอง” เน้นทำของทะเลแปรรูป
สินค้าทั้ง 3 แบรนด์ ช่วยกันขับเคลื่อนให้กิจการเติบโตอย่างสูง นอกจากขายหน้าร้านแล้ว ยังเพิ่มเติมขายส่งกระจายไปทั่วประเทศ มียอดผลิตกว่า 350 ตันต่อปี จนในปี 2542 สามารถก่อสร้างโรงงานมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ อยู่ที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี
สุดใจ เล่าต่อว่า ช่วงเวลานี้ได้ปรับบทบาทจากผลิตเองทั้งหมด สู่การสร้างเครือข่าย โดยจะรับซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากเครือข่ายเกษตรกรและกลุ่มแม่บ้านต่างๆ ในท้องถิ่นนำมาบรรจุใหม่ บางส่วนนำมาปรุงรสเพิ่มเติม จากนั้น ติดแบรนด์ทั้ง 3 ของบริษัท ช่วยให้ผลิตสินค้าได้ปริมาณมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มความหลากหลาย ส่งให้ยอดขายสูงขึ้นไปอีก อีกทั้ง ยังมีส่วนช่วยสร้างรายได้สู่ท้องถิ่น
เส้นทางธุรกิจของเอสเอ็มอีรายนี้ เติบโตต่อเนื่อง และถึงจุดเปลี่ยนก้าวเป็นผู้ผลิตผลไม้อบแห้งระดับประเทศ เมื่อได้รับคัดเลือกเข้าขายในทุกสาขาของร้านสะดวกซื้อเจ้าดังอย่าง “เซเว่นอีเลฟเว่น”
“หลังจากได้รับคัดเลือก ทางเซเว่นฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาถ่ายทอดความรู้ ทั้งด้านการบริหาร กลยุทธ์ตลาด ทำให้เราต้องตระหนักที่จะพัฒนากระบวนการผลิตทุกขั้นตอนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้าน Food safety และ GMP โดยช่วงแรกยังขายในแบรนด์เดิม แต่หลังจากทำงานกับเซเว่นฯ มายาวนาน จนได้พัฒนาสินค้าร่วมกันจนออกแบรนด์ใหม่ “fruitzie” (ฟรุทซี) เจาะจงเป็นหมวดผลไม้อบแห้ง มีขายเฉพาะในร้านเซเว่นฯ เท่านั้น” เจ้าของกิจการ เผย
ปัจจุบัน เอสเอ็มอีรายนี้ ถือเป็นผู้ผลิตสินค้าของฝากร้านใหญ่ประจำตลาดหนองมน โดยสินค้ากว่า 40% จากทั้งหมดที่ขายในตลาดหมองมนมาจากผู้ผลิตรายนี้ มีทั้งขายในชื่อตัวเอง กับผู้ค้านำไปติดยี่ห้ออื่นๆ โดยผลประกอบการปีนี้ (2554) คาดว่าถึง 150 ล้านบาท ผ่านช่องทางตลาด ได้แก่ ขายปลีกหน้าร้านที่มีสาขาทั้งในตลาดหนองมน ตลาดน้ำ 4 ภาค เป็นต้น ขายส่งทั่วประเทศ ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า และตลาดไท เป็นต้น และผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ
เธอ ระบุด้วยว่า หลักคิดในการทำธุรกิจตลอด 19 ปีที่ผ่านมา ยึดความรอบคอบ เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำธุรกิจเกินตัว พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางธุรกิจทุกประการ ที่ผ่านมา แทบไม่เคยกู้เงินธนาคาร ดังนั้น วิกฤตเศรษฐกิจภายนอกจะเป็นอย่างไร ไม่เคยกระทบต่อบริษัท
ข้อต่อมา ต้องพัฒนาบุคลากรตลอดเวลา โดยเริ่มจากตัวเองเป็นอันดับแรก พยายามเพิ่มเติมความรู้เสมอ เช่น ด้านไอที ปัจจุบันสามารถออกแบบกราฟฟิก และถ่ายภาพประกอบโฆษณาได้เอง ช่วยให้ประหยัดเงินส่วนนี้ได้ปีละล้านกว่าบาท และกำลังเรียนต่อระดับปริญญาเอก สาขาการพัฒนาองค์การและจัดการสมรรถนะของมนุษย์ จาก ม.บูรพา ขณะที่ส่วนพนักงานส่งเสริมให้มีโอกาสที่ดีขึ้น ทั้งความรู้ คุณภาพชีวิต และรายได้ พนักงานของบริษัท จำนวน 65 คน โดยเฉลี่ยกว่า 85% อายุงานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ทำให้มีความเชี่ยวชาญในสายงานตัวเองสูง
นอกจากนั้น มุ่งสร้างสัมพันธภาพที่ยั่งยืนของทั้งคนในองค์กร และภายนอก ช่วยให้เกิดความสุขในการทำงานร่วมกัน ที่สุดแล้วผลดีจะย้อนกลับมาที่บริษัทเอง รวมถึง ทำสินค้าได้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ พร้อมทำธุรกิจกับคู่ค้าอย่างซื่อตรงตลอดมา บริษัทจึงได้รับเครดิตความเชื่อถืออย่างสูง
“หลายคนเคยถามว่า กิจการของคุณมีโอกาสดีอย่างนี้ ทำไมไม่เร่งขยาย หรือทำไมธุรกิจโตช้าจัง แต่ดิฉันกลับคิดว่า ทุกวันนี้ เราก็สบายอยู่แล้ว จะมีเพิ่มเป็นพันล้าน หรือหมื่นล้านไปเพื่ออะไร ดังนั้น หลักของดิฉัน จะทำธุรกิจที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของตัวเอง เติบโตอย่างรอบคอบ บนพื้นฐานความซื่อสัตย์และมีน้ำใจต่อทั้งลูกน้อง และลูกค้า หรือคู่ค้าของเราด้วย” สุดใจ ทิ้งท้าย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@