xs
xsm
sm
md
lg

เปิดธุรกิจฐานพาเลทไม้ เรียบ(ไม่)ง่าย โอกาสน่าลุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุปกรณ์จำเป็นชิ้นหนึ่งในขั้นตอนขนถ่ายสินค้าเพื่อการส่งออก ซึ่งคนทั่วไปอาจมองข้ามความสำคัญ นั่นคือ “พาเลทไม้” ยิ่งภาคส่งออกเติบโตมากขึ้นเท่าใด พาเลทไม้ยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นตามไปด้วย ส่งให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนี้ได้รับอานิสงส์มียอดออเดอร์สูงจนผลิตกันไม่ทัน
ประกิจ มัติโก
ตัวอย่างหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ บริษัท กิจวสันต์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายพาเลทไม้ รายสำคัญใน จ.ระยอง โดย “ประกิจ มัติโก” กรรมการผู้จัดการ เผยประสบการณ์ พร้อมแจกแจงรายละเอียดและโอกาสในธุรกิจนี้ให้ฟัง

ประกิจ เล่าว่า เดิมเคยทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน มีหน้าที่ประจำต้องติดต่อและดูแลการส่งออกสินค้าให้แก่บริษัท ทำให้รู้ข้อมูลสำคัญที่ว่า พาเลทไม้ที่ใช้วางและขนถ่ายสินค้าเพื่อส่งออกต่างประเทศเป็นที่ต้องการของตลาดสูงมาก ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตพาเลทไม้อย่างจริงจัง มีจำนวนไม่มาก และเวลานั้นบริษัทผู้ส่งออกส่วนใหญ่ มักไม่รู้แหล่งที่จะซื้อหาพาเลทไม้ จึงได้ใช้ช่องว่างตลาดดังกล่าว หารายได้เสริมโดยเป็นนายหน้ารับจัดหาพาเลทไม้ให้แก่บริษัทส่งออกต่างๆ
พนักงานกำลังประกอบพาเลทไม้
จากที่เป็นนายหน้า ตั้งแต่ปี 2539 สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จน 4-5 ปีต่อมา สะสมประสบการณ์ในวงการพร้อม อีกทั้ง รู้แหล่งผลิต และมีฐานลูกค้าค่อนข้างแน่นอนแล้ว ได้ลาออกจากงานประจำมาลุยธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว

เงิน 4-5 แสนบาท ถูกใช้เป็นทุนตั้งต้นธุรกิจ โดยระยะ 4-5 ปีแรก ทำลักษณะรับซื้อมา แล้วขายออกไป ซึ่งจากตลาดที่เติบโตอย่างสูง ในปี พ.ศ.2550 ก้าวเป็นผู้ผลิตพาเลทไม้ด้วยตัวเอง มีโรงงาน มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท อยู่ที่ อ.แกลง จ.ระยอง
ภายในโรงงาน กิจวสันต์ ที่ จ.ระยอง
ระยะเวลาแค่ประมาณ 10 ปี จากมนุษย์เงินเดือนสู่เถ้าแก่โรงงาน ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากภาคส่งออกของไทยเติบโตอย่างสูง

ประกิจ ขยายความว่า ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อย่างญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรป ให้ความสำคัญต่อมาตรการสิ่งแวดล้อม การจะขนส่งสินค้าเข้าไปประเทศเหล่านี้ กำหนดต้องใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือรีไซเคิลได้ พาเลททำจากพลาสติก จึงไม่สามารถใช้ขนถ่ายสินค้าได้ ดังนั้น พาเลทไม้ที่ผลิตได้มาตรฐานความปลอดภัย จึงเป็นที่ต้องการของผู้ส่งออกไทยอย่างมาก
พนักงานกำลังเก็บรายละเอียด หลังจากประกอบเสร็จ
“ลูกค้าทั้งหมดของผมเป็นบริษัทผู้ส่งออก ส่วนลูกค้าในประเทศ แทบไม่มีเลย เพราะในประเทศนิยมใช้พาเลทพลาสติก ที่แข็งแรง ทนทาน อายุใช้งานนานกว่า แต่ด้วยข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้พาเลทพลาสติกส่งออกได้ กลายเป็นข้อดีของเรา เพราะพาเลทไม้เป็นวัสดุที่ใช้แล้วทิ้งไปเลย เมื่อลูกค้ามีออเดอร์เข้ามาใหม่ ก็ต้องสั่งพาเลทไม้อีก ทำให้เราได้ออเดอร์เข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง

เจ้าของธุรกิจ ระบุด้วยว่า ภายนอกฐานพาเลทไม้อาจจะดูเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ในความเป็นจริง มีรูปแบบ ขนาด และวิธีการประกอบแตกต่างกันไปนับ 10 แบบทีเดียว ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสินค้าที่ต้องการขนถ่าย
ขนพาเลทไม้ออกจากโรงงาน
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่พาเลทไม้ของบริษัทได้การตอบรับที่ดีเสมอมา คือ เน้นความเป็นมืออาชีพในการผลิตสินค้า ทุกชิ้นได้มาตรฐานเพื่อส่งออก มีการเก็บรายละเอียดก่อนส่งงานทุกครั้ง เช่น ลบเหลี่ยมมุม ลบรอยตะปู และคัดไม้มีรอยแตกทิ้ง เป็นต้น อีกทั้ง ไม้ทั้งหมดจะเข้าเครื่องอบชื้นให้ผ่านมาตรฐานส่งออก และที่สำคัญที่สุด ส่งมอบงานตรงเวลา ไม่กระทบการนัดหมายระหว่างผู้ส่งออกไทยกับคู่ค้าต่างชาติ

สำหรับวัตถุดิบไม้ที่ใช้ทำพาเลทไม้ คือ ไม้ยางพารา และไม้เบญจพรรณ เกรด B และเกรด C ราคารับซื้อมา สำหรับไม้ยางพาราแปรรูป ประมาณ 230-265 บาทต่อคิวฟุต ส่วนไม้เบญจพรรณแปรรูป ประมาณ 220 บาทต่อคิวฟุต เมื่อนำมาประกอบเป็นพาเลทไม้ ราคาขายประมาณ 350 บาทต่อชิ้น โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 15% ต่อชิ้น
นำขึ้นรถ เพื่อไปส่งลูกค้า
ในส่วนของโรงงานมีแรงงานประมาณ 80 คน ทำได้ประมาณ 25,000 ชิ้นต่อเดือน ซึ่งยังไม่ทันต่อความต้องการของตลาดที่มีลูกค้าเข้าคิวรอพาเลทไม้อีกจำนวนมาก ขณะที่โรงงานผลิตพาเลทไม้รายอื่นๆ ใน จ.ระยอง อีกประมาณ 10 ราย ล้วนมีออเดอร์น่าพอใจทั้งสิ้น

แม้ธุรกิจนี้ ตลาดยังเปิดกว้าง อีกทั้ง ขั้นตอนการผลิตไม่ซับซ้อนนัก แต่เหตุที่ยังมีผู้ผลิตไม่มากนั้น ประกิจ แสดงทัศนะว่า เป็นเรื่องยากที่หน้าใหม่จะหาลูกค้าผู้ส่งออก และแหล่งซื้อวัตถุดิบไม้ ที่สำคัญ ธุรกิจนี้ ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง หากจะทำครบวงจร ต้องลงทุนกว่า 8 หลัก ทั้งโรงงานที่ควรมีพื้นที่เก็บสต๊อกได้กว้างขวาง และป้องกันความชื้นจากภายนอกอย่างสมบูรณ์

รวมถึง ต้องมีทุนสำรองไว้ซื้อไม้ เพื่อเก็บสต็อกปริมาณมากที่สุด ป้องกันราคาผันผวน และควบคุมต้นทุนการผลิตให้คงที่ได้ หากขาดประสบการณ์ในการคำนวณต้นทุน กำไรที่คิดว่าจะได้อาจกลายเป็นขาดทุน
ผู้สนใจมาจับธุรกิจนี้  ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จ เนื่องจากการส่งออกของไทยเติบโตต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตาม  ควรจะมีฐานลูกค้ารับรอง และแหล่งซื้อวัตถุดิบที่แน่นอนเสียก่อน
“สิ่งสำคัญของธุรกิจนี้ อยู่ที่ควบคุมต้นทุนไม้ให้ได้ดีที่สุด ปัจจุบัน วัตถุดิบไม้ราคาขึ้นสูงมาก อีกทั้ง มีปริมาณไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการแย่งชิงซื้อไม้ ดังนั้น เมื่อมีไม้เข้ามา จำเป็นที่ต้องเก็บตุงซื้อไม้ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเรามีออเดอร์รออยู่แล้ว ซึ่งส่วนนี้ ผมใช้วิธีขอสินเชื่อจากเอสเอ็มอีแบงก์มาเป็นทุนซื้อวัตถุดิบไม้ จากนั้นนำมาผลิตเป็นพาเลทไม้ส่งต่อให้ลูกค้าทันที รายได้ที่กลับมา ก็จะไปหมุนให้ธุรกิจเดินต่อไปได้”
ไม้แปรรูปที่สต๊อกไว้ สำหรับประกอบเป็นพาเลท
ท้ายสุด ประกิจ ระบุว่า สำหรับผู้สนใจมาจับธุรกิจนี้ ยังมีโอกาสประสบความสำเร็จ เนื่องจากการส่งออกของไทยเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ควรจะมีฐานลูกค้ารับรอง และแหล่งซื้อวัตถุดิบที่แน่นอนเสียก่อน นอกจากนั้น ศึกษาการผลิตอย่างถ่องแท้ โดยเฉพาะการควบคุมต้นทุนที่ถือเป็นหัวใจของธุรกิจนี้

@@@@@@@@@@@
กำลังโหลดความคิดเห็น