อุบลราชธานี-นักวิชาการรัฐศาสตร์ระบุ ยุบสภาเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง เชื่อเลือกตั้งครั้งนี้ เงินหาเสียงสะพัดกว่าหมื่นล้าน ติงประชานิยม “มาร์ค” ทำข้าวของแพง คนรายได้ต่ำ-รากหญ้าเดือดร้อน แนะรัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนเป็นลำดับแรก พร้อมชะลอโครงการประชานิยมต่างๆไว้ก่อน
นายสุเชาว์ มีหนองหว้า รองคณบดีคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ และหัวหน้าภาควิชาการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวถึงการประกาศยุบสภาที่กำลังเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลต้องการชิงความได้เปรียบ เนื่องจากเห็นว่าตลอดระยะเวลาบริหารประเทศช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา มีผลงานให้ประชาชนเห็น พร้อมทั้งลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในชาติ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจกันใหม่อีกครั้งตามระบอบประชาธิปไตย
ขณะเดียวกันนักวิชาการรายนี้ ยังเห็นว่า การตั้งรัฐบาลใหม่คงต้องเป็นรัฐบาลผสมต่อไป ไม่สามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ เพราะไม่มีพรรคใดสามารถได้คะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรแบบเด็ดขาด รวมทั้งการลงสมัครแข่งขันรับเลือกตั้งครั้งนี้ เงินที่ทุกพรรคการเมืองใช้ในการเลือกตั้งไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้าน เพราะเป็นการสู้แบบวันแมนวันโหวต ซึ่งจะเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ไม่เหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ที่เลือกเป็นพวงใหญ่ซื้อเสียงยาก
สำหรับปัญหาของคนที่มาเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งต้องรีบแก้ไขคือ เรื่องปากท้องของประชาชน เพราะปัจจุบันค่าครองชีพสูง เนื่องจากการใช้นโยบายประชานิยมขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ทำให้สินค้าราคาแพง ส่งผลกระทบต่อมนุษย์เงินเดือนและคนรากหญ้าที่มีรายได้น้อย ต้องทนแบกรับราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้นทุกวัน
“นโยบายนี้ ยังสร้างปัญหาให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ที่ต้องรีบหาเงินมาชดเชยเงินที่รัฐบาลนำไปใช้ ดังนั้นคนที่มาเป็นรัฐบาลใหม่ ต้องรับภาระค่อนข้างหนัก ทำให้นโยบายลดการจัดเก็บภาษีน้อยลงที่ใช้หาเสียงไม่น่าทำได้ เพราะรัฐบาลต้องกู้เงินมาจากต่างประเทศ จะเกิดเป็นผลเสียกับการใช้เงินบริหารประเทศในระยะยาว” นักวิชาการรายนี้ให้ความเห็นในที่สุด