สถาบันอาหาร เผยอียูสนับสนุนงบประมาณพร้อมจัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษ เสริมความสามารถผู้ประกอบการไทยด้านความปลอดภัยของอาหารพร้อมบริโภค หวังเพิ่มขีดความสามารถผู้ผลิตอาหารให้มีคุณภาพและความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ตอบโจทย์กระแสวิถีชีวิตผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการบริโภคอาหาร
นายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างความสามารถในการจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารพร้อมบริโภคของไทย ภายใต้กรอบความร่วมมือของ Thailand-EU Cooperation Facility ในครั้งนี้เป็นโครงการที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ผลิตอาหารในการผลิตอาหารพร้อมบริโภค (Ready to Eat หรือ RTE) ให้มีคุณภาพและความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ตอบโจทย์กระแสวิถีชีวิตผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการบริโภคอาหาร
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเน้นผู้เข้าร่วมโครงการที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมบริโภคในกลุ่มของอาหารที่มีการปรุงสุกก่อนการแช่เย็นหรือแช่แข็ง และมีการจัดเก็บและจำหน่ายในสภาวะแช่เย็นหรือแช่แข็ง ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตทั้งกระบวนการฆ่าเชื้อ การบรรจุ การขนส่งทั้งก่อนและหลังกระบวนการผลิต และการจัดเก็บ ซึ่งจะต้องมีการทำลาย ป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคและที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสีย รวมทั้งป้องกันการปนเปื้อนกลับ
นายซามูเอล แคนเทล รองหัวหน้าฝ่ายความร่วมมือ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นตลาดที่นำเข้าสินค้าอาหารจากไทยสูงเป็นอันดับ3 โดยในปี 2553 ประเทศไทยส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไปยังอียู คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปยังอียู ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารของไทยได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของระเบียบด้านความปลอดภัยในสินค้าอาหารพร้อมบริโภคได้ดียิ่งขึ้น
นายอมร งามมงคลรัตน์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างความสามารถในการจัดการด้านความปลอดภัยของอาหารพร้อมบริโภคของไทย ภายใต้กรอบความร่วมมือของ Thailand-EU Cooperation Facility ในครั้งนี้เป็นโครงการที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้ผลิตอาหารในการผลิตอาหารพร้อมบริโภค (Ready to Eat หรือ RTE) ให้มีคุณภาพและความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ตอบโจทย์กระแสวิถีชีวิตผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการบริโภคอาหาร
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเน้นผู้เข้าร่วมโครงการที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมบริโภคในกลุ่มของอาหารที่มีการปรุงสุกก่อนการแช่เย็นหรือแช่แข็ง และมีการจัดเก็บและจำหน่ายในสภาวะแช่เย็นหรือแช่แข็ง ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตทั้งกระบวนการฆ่าเชื้อ การบรรจุ การขนส่งทั้งก่อนและหลังกระบวนการผลิต และการจัดเก็บ ซึ่งจะต้องมีการทำลาย ป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคและที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสีย รวมทั้งป้องกันการปนเปื้อนกลับ
นายซามูเอล แคนเทล รองหัวหน้าฝ่ายความร่วมมือ คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นตลาดที่นำเข้าสินค้าอาหารจากไทยสูงเป็นอันดับ3 โดยในปี 2553 ประเทศไทยส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไปยังอียู คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกไปยังอียู ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตอาหารของไทยได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของระเบียบด้านความปลอดภัยในสินค้าอาหารพร้อมบริโภคได้ดียิ่งขึ้น
