“ก.พาณิชย์” สั่งทูตทั่วโลกเกาะติดสถานการณ์ภัยธรรมชาติกระทบการค้า กรมส่งออกฯชี้เหตุที่เกิดมีทั้งโอกาส-ข้อพึงระวัง ชี้ภาคส่งออกอาหารไทยอาจได้รับอานิสงส์
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กำลังติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหว เกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้รับความเสียหายอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นว่า มีผลต่อการค้าและการลงทุนของไทยที่เข้าไปทำตลาดในญี่ปุ่นอย่างไรบ้าง โดยในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงาน จึงไม่สามารถคาดการณ์ ตัวเลขความเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้หารือกับทูตพาณิชย์ ที่ประจำอยู่ในญี่ปุ่นทั้ง 3 สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(สคร.) 3 แห่งในญี่ปุ่นแล้ว คือ โตเกียว โอซาก้า และฟูกูโอกะ จะสามารถนำข้อมูลมาประเมินแล้วหามาตรการช่วยเหลือต่อไป
“ทางกระทรวงฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ไทยทั่วโลกเตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งจากการเมืองภายในประเทศ และภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม โดยให้รายงานกลับมาทุกสัปดาห์ เพื่อจะได้หา แนวทางรับมือได้ทันท่วงที เพื่อปรับแผนรับมือการส่งออกไม่ให้กระทบต่อเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ 10% หรือ 209,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ”นางพรทิวา กล่าว
นางพรทิวา ระบุต่อว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว แม้อาจมีผลกระทบการต่อค้า แต่อีกด้วย นับเป็นโอกาสของภาคการส่งออกไทย กล่าวคือ คาดว่าจะมีการส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหารเพิ่มมากขึ้น แม้ว่า อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย โดยเฉพาะ ข้าวหอมมะลิไทยไปญี่ปุ่น หลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการนำคณะภาคเอกชนไทยเดินทางเจรจาซื้อขายข้าวกับญี่ปุ่น และญี่ปุ่นมีความสนใจในการสั่งซื้อสินค้าข้าวหอมมะลิไทยมากขึ้น และเริ่มมีคำสั่งซื้อทดลองตลาดอยู่ในขณะนี้ ที่ผ่านมามีการตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยไปญี่ปุ่น ในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 ตัน จากในปีก่อนที่มีการส่งออก จำนวน 300,000 ตัน และเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ยอดคำสั่งซื้อทั้งหมดอาจหายไป
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวกล่าวถึงเหตุการณ์ไม่สงบในซาอุดีอาระเบียว่า เชื่อว่าเหตุการณ์จะไม่รุนแรงบานปลายเหมือนลิเบีย จึงยังไม่วิตกต่อราคาน้ำมันโลกและการส่งออก อย่างไรก็ตามตอนนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งเหตุการณ์การเมืองและภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ก็ให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกเตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์ และรายงานต่อเนื่องรายสัปดาห์ เพื่อไม่กระทบต่อการส่งออกและการประกอบธุรกิจไทยในต่างแดน
"สิ่งที่ทำได้ในภาวะเร่งด่วนขณะนี้คือ การสำรวจว่าผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้าไทยรายใดได้รับผลกระทบบ้าง แล้วเราจะหาทางช่วยเหลือเพื่อให้ทั้งคู่ค้า และผู้ส่งออก เป็นการสร้างความมั่นใจา รวมถึงยังมีโอกาสส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคได้เพิ่มมากขึ้น”
รายงานข่าวจากกรมส่งเสริมการส่งออกแจ้งตัวเลขการส่งออกไทยไปญี่ปุ่นในปี 2553 มีมูลค่า 20,415.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวลดลง 21.75 % ที่ผ่านมาปีนี้มกราคม 2554 มีการส่งออกเพิ่มขึ้น 31,35 % คิดเป็นมูลค่า 1,893 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ ยางพารา รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ส่วนสินค้าเกษตรสำคัญ อาทิ ไก่แปรรูป ส่งออก742 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อาหารทะเลกระป๋อง 588 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง 329 ล้านเหรียญสหรัฐฯ