xs
xsm
sm
md
lg

หวั่น "ไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์" ขยี้ SMEsไทย ตายเรียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
หวั่น "ไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์" ขยี้เอสเอ็มอีไทย 2 ล้านรายตายเรียบ "ชัยวุฒิ" สั่งการ สสว. เร่งศึกษาหาแนวทางรับมือสินค้าจีนบุกตีตลาด กระตุ้นบีโอไอหามาตรการรับรองการลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ สสว.ศึกษาและหาแนวทางตั้งรับการเปิดศูนย์ค้าส่งไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ ย่านบางนา-ตราด มูลค่าลงทุนประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเปิดดำเนินการในปี 2555 ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยที่มีอยู่ประมาณ 2.9 ล้านราย จนต้องปิดกิจการหรือไม่ และหากต้องอยู่ร่วมกันจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการดังกล่าวแม้จะเป็นโอกาสของไทยในการที่จะผลิตสินค้าบุกตลาดจีนเพราะมีตลาดอยู่แล้ว หากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถผลิตสินค้าที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยขายให้ชาวจีนที่ปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก โดยกลุ่มเป้าหมายเพียง 100 ล้านคน ก็ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีมูลค่ามหาศาลแล้ว

"เราหลีกหนีการบุกตลาดการค้าจากจีนไม่ได้ และการแข่งขันกับจีนยอมรับว่าแข่งยาก เพราะเราสู้ต้นทุนเขาไม่ได้ แต่เราต้องดูว่าจะอยู่กับเขาได้อย่างไร และสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีก็ได้สั่งให้ สสว.ศึกษาผลกระทบการเข้ามาของศูนย์ค้าส่งไชน่า ซิตี้ คอมเพล็กซ์ เพราะมีความเป็นห่วงว่าจะทำให้เอสเอ็มอีบ้านเราตาย และถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐมนตรีที่ให้ไว้ คือ ต้องการเห็นอุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน"

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ควรมีมาตรการและให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมและเตรียมพร้อมที่จะรองรับการลงทุนจากประเทศจีนและญี่ปุ่น

รายงานข่าวจากบีโอไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้ บีโอไอยังไม่ได้รับคำร้องขอรับส่งเสริมการลงทุนของกลุ่มอาซือม่ากรุ็ปจากประเทศจีน ในการก่อสร้างศูนย์แสดงสินค้านานาชาติย่านถนนบางนา-ตราด โดยปัจจุบันบีโอไอไม่ได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง แต่ผู้ประกอบการสามารถยื่นรอรับสิทธิประโยชน์ด้านอื่นได้ เช่น การอำนวยความสะดวกเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงาน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งอยู่ในบัญชีแนบท้าย 3 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งผู้ลงทุนต่างชาติต้องยื่นขออนุญาตที่กระทรวงพาณิชย์ และการที่บีโอไอไม่ส่งเสริมกิจการค้าปลีกและค้าส่ง เพราะไม่ต้องการให้มาแข่งขันกับผู้ประกอบการไทย ส่งผลให้บริษัทต่างชาติไม่สามารถใช้เงื่อนไขการถือหุ้นของบีโอไอได้เหมือนธุรกิจภาคการผลิต เช่น เหมืองแร่ และหากมีการถือหุ้นแทนหรือนอมินี จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในการตรวจสอบ

ทั้งนี้ หากกลุ่มอาซือม่ากรุ็ปจะขอส่งเสริมการลงทุน อาจขอใช้สิทธิประโยชน์การลงทุนโลจิสติกส์ปาร์คได้ โดยบีโอไอจะให้สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ไม่ได้ผลิตในไทย และถ้าต้องการลงทุนเขตปลอดอากรหรือฟรีโซน จะต้องยื่นขออนุญาตที่กรมศุลกากร ซึ่งการจัดตั้งฟรีโซนจะทำให้สินค้าที่เก็บไว้ในฟรีโซนไม่ต้องเสียภาษีเพื่อความสะดวก ก่อนจะนำเข้ามาหรือส่งออกต่อไปยังประเทศอื่น
กำลังโหลดความคิดเห็น