สมาพันธ์ไลฟ์สไตล์ไทย โชว์ผลงานภาพรวมการส่งออกอุตสาหกรรมปี 2553 เพิ่มขึ้นถึง 16.77% มูลค่าเฉียด 9 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 2554 คาดโตไม่ต่ำกว่า 10-12% มุ่งเป้าตลาดอาเซียนบวก 3 และบวก6 พร้อมแผนผลักดันไทยเป็นฮับสินค้าไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคอาเซียนในปีนี้ ประเดิมรูปโฉมใหม่งาน BIG+BIH ใน 19-24 เมษายน นี้ ที่ไบเทค บางนา
นายจิระบูลย์ วิทยสิงห์ เลขาธิการและโฆษกสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย เปิดเผยว่า ในส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ไทยในปี 2553 ได้รับอานิสงค์จากฟื้นตัวของตลาดโลก ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมาสินค้าในกลุ่มไลฟ์สไตล์ มีการเติบโตในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 16.77% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 90,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าในกลุ่มของขวัญของชำร่วยของตกแต่งบ้าน และเคหะสิ่งทอ 10.95% เครื่องใช้ในครัวเรือน 21.23% ของเล่น 13.09% เครื่องเขียน เครื่องใช้สำนักงาน 23.68% และเฟอร์นิเจอร์ 18.43%
สำหรับในปี 2554 ทางสมาพันธ์ ตั้งเป้าการเติบโตไว้ประมาณ 10-12% โดยตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ยุโรปและอาเซียน และในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับตลาด ASIAN+3 และ ASIAN+6 เพราะเป็นตลาดใหม่ที่มีฐานตัวเลขที่ต่ำอยู่ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณที่ดีจากตลาดจีน ที่จากเดิมไม่เคยสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มนี้จากเรา แต่ในปีที่ผ่านมียอดการสั่งซื้อจากจีนเพิ่มขึ้นติดอยู่ในอันดับ 8 และตลาดญี่ปุ่น เป็นอีกตลาดหนึ่งที่เรามีความมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถส่งออกได้มากขึ้น จากการที่ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับรางวัล G-Mark ประกวดที่ญี่ปุ่นมากถึง 64 รางวัล ทำให้ญี่ปุ่นยอมรับและให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์จากประเทศไทย
นอกจากนี้ ในปีนี้ มีแผนที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าไลฟ์สไตล์ หรือ ฮับ ของอาเซียน โดยผลักดันงาน BIG+BIH ให้เป็นงานแสดงสินค้าที่ดีที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยจะมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องผ่านโครงการพัฒนาทักษะสร้างสรรค์และเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจในอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ แบ่งเป็น 2 โครงการย่อย โครงการวิเคราะห์ตลาด และพัฒนาบุคลากรด้านการตลาด และโครงการส่งเสริมแบรนด์ไทย และสร้างเครือข่ายทางการตลาด
สำหรับการจัดงาน BIG+BIH จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนการจัดงานที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2554 นี้ จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 19-24 เมษายน 2554 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) บางนา ครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 80,000 ราย และมีเงินสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท
