ป่าละอู ในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์อันเกิดจากป่าไม้ แหล่งน้ำ และแร่ธาตุตามธรรมชาติ ที่ร่ายล้อมไปด้วยภูเขาสูงต่ำที่โอบล้อมพื้นที่ดังกล่าว เป็นที่มาของชาสมุนไพรใบหม่อนละอู
การค้นพบชาสมุนไพรใบหม่อนละอู เกิดขึ้นจากอาจารย์บูรพา ผดุงไทย เจ้าของอาศรมฤาษีบูรพา ซึ่งได้มาตั้งสำนักอาศรมเพื่อปฏิบัติธรรมตามแนวทางของฤาษี ในพื้นที่ป่าละอู โดยพื้นที่เป็นบ่อดินลูกรัง ซึ่งไม่น่าจะมีพืชชนิดใดสามารถขึ้นได้ แต่มีพืชบางชนิดสามารถขึ้นบนดินลูกรังดังกล่าวได้ รวมถึงต้นหม่อนสายพันธุ์ป่าละอูที่จะกล่าวถึงในครั้งนี้ด้วย
สำหรับความพิเศษของพื้นที่ดินลูกรัง คือ มีแร่ธาตุต่างๆมากมาย อาทิ แมกนีเซียม สังกะสี เหล็ก ฯลฯ และต้นหม่อนซึ่งปลูกในพื้นที่ได้ดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ เข้าไป ทำให้ได้รับแร่ธาตุเหล่านี้เข้าไปด้วย ทำให้ใบหม่อนที่ทางอาศรมบูรพานำมาทำเป็นชาใบหม่อนละอู เมื่อได้ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ในห้องทดลองพบสารซึ่งเป็นแร่ธาตุต่างๆ อยู่ด้วย โดยเฉพาะธาตุเหล็ก และสังกะสี
อาจารย์บูรพา ผดุงไทย เล่าว่า ชาใบหม่อนละอู เกิดขึ้นมาจากเดิมตนเองป่วยไม่สบายเป็นเบาหวาน และใช้แนวทางการบำบัดรักษาตามแนวทางตำรับฤาษี ซึ่งใช้วิธีการตามแบบธรรมชาติบำบัด และในตำรามีการกล่าวถึงคุณสมบัติของใบหม่อน ที่นำมาทำชาที่ช่วยในการรักษาเบาหวานและความดัน จึงได้เก็บใบหม่อน ซึ่งปลูกในพื้นที่มาตากแห้งและชงเป็นชาดื่มเป็นประจำ ซึ่งได้ผลเกินคาด เพราะสามารถช่วยรักษาอาการเบาหวานและความดันที่ตัวเองเป็นอยู่ได้ ได้มีการแนะนำแก่ลูกศิษย์และชาวบ้านในแถบนั้น ที่มีปัญหาเรื่องของสุขภาพได้ทดลองนำชงดื่ม
“เมื่อดื่มและได้ผลดี ก็บอกกันแบบปากต่อปาก และมีคนเดินทางมาขอชาใบหม่อนไปชงดื่มกันมากขึ้น ลูกศิษย์ของอาจารย์กลัวว่า เมื่อมีคนมาขอชากันมากขึ้น เกรงว่าเกิดมีปัญหาขึ้นมาภายหลังได้ ถ้าดื่มไปแล้วเกิดมีอันตราย จึงได้ให้อาจารย์ไปยื่นขออย.ให้เรียบร้อย และทำการผลิตออกมาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ ชาสมุนไพรใบหม่อนละอู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
ทั้งนี้ เนื่องจากการขอขึ้นทะเบียนอย. เพื่อผลิตชาสมุนไพรเพียงชนิดเดียวนั้นไม่สามารถทำได้ ต้องใช้สมุนไพรถึง 3 ชนิดขึ้นไป ทางอย.จึงแนะนำให้อาจารย์นำสมุนไพร เจี่ยวกู้หลานและ ใบหญ้าหวาน ซึ่งสมุนไพรทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติที่ดีต่อร่างกาย โดยเฉพาะเจี่ยวกูหลาน ทางกระทรวงสาธารณสุข ยกให้เป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติที่ดีทีสุดในยุคนี้ ส่วนใบหญ้าหวานเป็นสมุนไพรที่ให้ความหวานตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ ในกระบวนการผลิตทำตามความเชื่อแนวทางของฤาษี เริ่มจากการเก็บยอดชาใบหม่อน จะต้องเก็บในช่วงที่พระจันทร์เข้าใกล้โลกที่สุด เพื่อให้ใบชาได้รับพลังจากแสงจันทร์เต็มที และในกระบวนการตากชาใบหม่อนใช้ลานยันต์เป็นลานปฏิบัติธรรม เพื่อรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งฤาษีมีความเชื่อว่าเป็นพลังแห่งจักรวาล ลานยันต์เป็นลานที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ตามความเชื่อของฤาษี ซึ่งจะฝั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ภายใต้พื้นลาน และจะใช้เป็นลานเพื่อบูชาไฟ และปฏิบัติธรรม ดังนั้นการตากบนลานยันต์จักรามหาจักวาล จะเชื่อว่า ปฎิกริยาจากแสงอาทิตย์จะกระตุ้นให้สารในยอดชาใบหม่อนกลายเป็นยาขนานวิเศษ ต่างจากชาที่จากที่อื่นๆ
อาจารย์บูรพา เล่าว่า ในส่วนของการผลิตนอกจากกระบวนการตามแนวทางของฤาษีแล้ว ปัจจุบันมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP ส่วนหนึ่งที่ต้องมีโรงงาน เพราะแต่เดิมเราจ้างโรงงานแห่งหนึ่งผลิต ลูกศิษย์เกรงว่าจะถูกขโมยสูตร จึงให้อาจารย์ตั้งโรงงานขึ้นมา และการผลิตสมุนไพรออกจำหน่าย และเมื่อได้รับการรับรองมาตรฐานจากอย.จำเป็นจะต้องทำโรงงานให้ได้มาตรฐาน ทำให้ปัจจุบันมีการผลิตที่มีการทำงานกันอย่างจริงจังมากขึ้น ทั้งด้านการผลิตและการตลาด แต่โดยส่วนตัวอาจารย์ไม่ได้คาดหวังเรื่องของธุรกิจแต่อย่างใด แต่เมื่อทุกคนนำไปดื่มและช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ เราก็ยินดี
ในส่วนของชาใบหม่อนที่ปลูกในพื้นที่ขณะนี้มีอยู่ที่ประมาณ 5 ไร่ ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน เพราะจะเก็บหมุนเวียนไปเรื่อย ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะมีการขยายพื้นที่ปลูกจำนวนมาก และเนื่องจากแปลงปลูกของเราเป็นแบบไร้สารพิษได้รับการรับรองมาตรฐานออร์แกนิค การจะให้เกษตรกรรายอื่นในพื้นปลูกและนำใบหม่อนมาส่งเกรงว่าจะไม่ได้มาตรฐานออร์แกนิค และจากชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ อาจจะเป็นชาพิษจากสารตกค้างได้ ดังนั้น เราก็คงจะทำแบบมีเท่าไหร่ก็ขายเท่านั้น ดีกว่า จะได้ควบคุมดูแลคุณภาพได้เต็มที่
ปัจจุบันยอดขายประมาณเดือนละ 3000 กล่อง โดยมีช่องทางขายผ่านร้านเพื่อสุขภาพต่างๆ อาทิ โกลเด้นเพลส โรงพยาบาลนครธน โครงการผู้จัดการสุขภาพ ศูนย์ธรรมชาติบำบัด บัลวี เป็นต้น
โทร. 0-2517-6377,www.a-burapa.com