อุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม อย่างเครื่องทำความเย็น หรือแอร์ ที่ทุกสถานประกอบการต้องใช้ ซึ่งหากขึ้นชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หลายคนอาจคิดว่าต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ แต่สำหรับ “ออลเทอร์”ผู้ผลิตและจำหน่ายแอร์อุตสาหกรรม ชูนวัตกรรมฝีมือคนไทย ชูยอดขายโตสวนกระแสเศรษฐกิจ
นายสรศักดิ์ วงศ์ชินศรีสกุล กรรมการบริหาร บริษัท ออลเทอร์ แอร์คอนดิชั่นนิ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศอุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ “ออลเทอร์” เล่าว่า ตนเองเป็นผู้ประกอบการที่อาศัยเทคโนโลยีจากต่างประเทศ มาผสมผสานองค์ความรู้ และพฤติกรรมการใช้งานของแอร์ ในโรงานอุตสาหกรรมไทย มาประยุกต์ และก่อร่างเป็นธุรกิจ ลดการนำเข้า ด้วยฝีมือคนไทย
ซึ่งความแตกต่างระหว่างแอร์อุตสาหกรรมและแอร์ทั่วไปที่ติดตั้งตามบ้าน คุณสมบัติที่โดดเด่น คือ ออกแบบในขนาดต่างๆได้ และการใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ เป็นต้น และมีราคาถูกว่ายี่ห้อของเยอรมันประมาณ 10-15 % และที่สำคัญเป็นแอร์อุตสาหกรรมที่ผลิตด้วยฝีมือของคนไทย100% อุปกรณ์ผลิตในประเทศ 90% และที่เหลือ10%จะมีการนำเข้าวัตถุดิบที่ผลิตเองไม่ได้ ซึ่งจะนำเข้าจากประเทศมาเลเซียและอิตาลีส่วนใหญ่ ทั้งนี้นอกจากเรื่องความเย็นและความทนทานแล้ว บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ ระบบการฟอกอากาศให้ปลอดเชื้อโรค การประหยัดพลังงาน บริการหลังการขาย
“ในช่วงที่เริ่มต้นประมาณปี พ.ศ.2551 ที่ผ่านมา หลังจากที่ทางบริษัทฯ ชูจุดขายในเรื่องนวัตกรรม และราคาที่ต่ำกว่าสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้ได้รับการตอบรับดีจากโรงงานอุตสาหกรรมไทย โดยสามารถขยายตลาดสู่ธุรกิจขนาดกลางได้ เช่น โรงพยาบาล ที่ส่วนใหญ่มักนำไปใช้ในห้องแล็บ ที่ต้องการการใช้งานแอร์ที่หนักกว่าแอร์ตามบ้านทั่วไป”
ทั้งนี้สัดส่วน กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของออลเทอร์ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมอาหาร,อุตสาหกรรมยา มีสัดส่วน 50-60 % อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อยู่ที่ 10% โรงพยาบาลทั่วประเทศ เช่น ห้องผ่าตัด ห้องไอซียู และห้องแล็ป อยู่ที่ 20-30% ส่วนส่งออกอยู่ที่ 15% อาทิ ออสเตอร์เลีย และสิงค์โปร์ เป็นต้น และกำลังขยายตลาดส่งออกไปแถบตะวันออกกลาง อีกทั้งปีนี้ถือว่าเป็นปีแรกที่มีเดินหน้าส่งออกอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าแต่ละปีน่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 7-8% คาดว่าภายในอีก 3 ปีข้างหน้า จะสามารถเติบโตได้ถึง 10%
ในขณะที่ทิศทางอุตสาหกรรมแอร์ในอนาคต คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีและยังขยายฐานตลาดไปได้อยู่ เนื่องจากนโยบายการกระตุ้นของเศรษฐกิจของภาครัฐ น่าจะส่งผลทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และยา มีการก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในแง่ภาคเอกชนการก่อสร้าง ตั้งโรงงานใหม่ ถือว่ายังไม่หวือหวามากนัก ปัจจุบันกำลังผลิตอยู่ที่ 500 เครื่องสำหรับในปีนี้ไม่น่าจะเกินกว่าระดับนี้ ประกอบกับจำนวนเครื่องในปีนี้บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าหมายชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากกว่า เพราะแต่ละรายจะมีความต้องการแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของโรงงานว่าจะมีความต้องการขนาดใหญ่และขนาดเล็กของแอร์ เป็นหลัก
“ในปีนี้อุตสาหกรรมแอร์ ถือว่าได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจมากที่สุด และคาดว่าในปี 2553 น่าจะยังไม่ปรับตัวดีขึ้นดังนั้นมองว่าผู้ผลิตแอร์ที่ติดตั้งตามบ้าน น่าจะหันมาสนใจลงทุนในกลุ่มแอร์อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเพราะมองว่าน่าจะมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ และเข้ามาทดแทนตลาดแอร์บ้าน อีกทั้งน่าจะเพิ่มรายได้ต่อไป จากวิกฤติเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวอยู่ และยังไม่ทราบว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปี 2553ได้จริงตามที่หลายฝ่ายๆคาดการณ์ไว้หรือไม่”
ทั้งนี้ในปีหน้า 2553 ทางบริษทัฯ จะมีการปรับมาตรการฐานผลิตภัณฑ์ พร้อมกับทดสอบการรั่วไหลของอุปกรณ์มากขึ้น เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงยังเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง
***สนใจติดต่อ 0-2540-6871-5, 08-6999-8288***
