ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวในปีนี้ ชาวกทม. และคนภาคกลางถือว่าไม่ค่อยได้สัมผัสอากาศที่หนาวเย็นมากนัก แตกต่างจากผู้ที่อาศัยอยู่บนที่ราบสูงอย่างภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ต้องทุกข์ทรมานเกี่ยวกับภัยหนาวในครั้งนี้ ซึ่งสิ่งที่ช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บในครั้งนี้ได้คือ อุปกรณ์กันหนาว อย่างเสื้อผ้า และผ้าห่ม ที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อสู้ภัยหนาวในครั้งนี้
การที่จะเข้าใจถึงความหนาวเย็น เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวในแต่ละปี คงหนีไม่พ้นผู้ที่อยู่ในพื้นที่ หรือเคยอยู่มาก่อน แม้ว่าในปัจจุบันจะมาตั้งรกรากอยู่ในเขตภาคกลางแล้วก็ตามอย่าง สุภัทรา สารจันทร์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าห่มสามฤดูที่ยังนึกถึงบ้านเกิดกลับมาทำผ้าปูที่นอน และต่อยอดสู่ผ้าห่ม 3 ฤดู ที่หลายคนใช้แล้วติดใจในคุณภาพ รวมถึงคุ้มค่ากับราคา ภายใต้แบรนด์ LA101 ตราเต่า
ซึ่งการเริ่มต้นของธุรกิจนี้มาจากความช่วยเหลือของหน่วยงานภาครัฐฯ คือสภาอุตสาหกรรม จ.นนทบุรี ให้คำแนะนำ พร้อมแนะช่องทางธุรกิจ ที่จากเดิมหลังจากที่ สุภัทรา ตัดสินใจเข้ามาทำงานในกทม.กับสามี โดยสามียึดอาชีพติดตั้งแอร์ตามบ้านในขณะที่ผู้เป็นภรรยาของตนเอง (สุภัทรา) และของเพื่อนๆ ต่างว่างงาน ทำให้สุภัทราคิดหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ โดยเริ่มจากการตัดเย็บผ้าปูที่นอนขายตามตลาดนัด ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 60,000 บาท ใช้ในการซื้อเครื่องจักรแบบผ่อนส่งเดือนละ 10,000 บาท จักรโพ้งขนาด 5 เข็ม 1 หลัง และจักรเย็บจำนวน 2 หลัง เพื่อรองรับออเดอร์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อยอดขายผ้าปูที่นอนเริ่มอยู่ตัว สมาชิกในกลุ่มจึงลองทำผ้าห่มขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากน้ำหนักที่มากเกินไป ส่งผลให้เมื่อนำไปซักจะแห้งช้ามาก สุดท้ายจึงต้องหยุดผลิตผ้าห่มไป จนกระทั่งได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญในต่างจังหวัด โดยไปเห็นผู้สูงอายุนำผ้าฝ้ายมาทำเป็นผ้าคลุมไหล่ ซึ่งเมื่อนำไปซักแห้งเร็ว แต่ไม่นุ่ม สุภัทรา จึงคิดนำโจทย์ดังกล่าวไปพัฒนาผ้าห่มของตนเอง
“เมื่อเรามีแนวคิดที่จะทำผ้าห่มให้ออกมามีคุณสมบัติเบา นุ่ม และเมื่อไปซักแห้งเร็ว จึงไปขอคำปรึกษาจากอุตสาหกรรม จ.นนทบุรี โดยทางอุตสาหกรรมจังหวัดนำใยสังเคราะห์ประเภทต่างๆ มาให้เลือก และลองนำมาทำเป็นผ้าห่มที่เหมาะสม สุดท้ายมาลงตัวที่ใยโพลีเอสเตอร์ชนิดพิเศษ ที่มีคุณสมบัติในการระบายความร้อนได้ดี และขณะเดียวกันก็ให้ความอบอุ่นในช่วงหน้าหนาวอีกด้วย จนลูกค้าที่ซื้อไปใช้งานต่างเรียกกันว่าผ้าห่ม 3 ฤดู เพราะสามารถใช้ได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าร้อนหรือหน้าหนาว”
ส่วนคุณภาพของเนื้อผ้า ทางวิสาหกิจชุมชนผ้าห่มสามฤดู ได้คัดเลือกเนื้อผ้าคุณภาพที่ดีที่สุด ในระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันมีโรงงานผู้ผลิตผ้านำเสนอผ้าในลวดลายต่างๆมากมายประมาณ 68 ลาย รวมถึงทางกลุ่มฯ ยังรับจ้างเย็บผ้าปูที่นอนให้กับบริษัทใหญ่อีกด้วย
สำหรับราคาของผลิตภัณฑ์ผ้าห่ม 3 ฤดู มีหลากหลายราคา ผ้าห่มเดี่ยวราคา 390 บาท, ผ้าห่มผืนใหญ่ราคา 590 บาท, ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนขายเป็นชุดราคา 199-390 บาท, หมอนพกพา 259 บาท จากการผลิตผ้าห่ม ผ้าปูที่นอนนั้นทำให้สมาชิกในกลุ่มมีรายได้ 4,000-8,000 บาทต่อเดือน โดยสินค้าของกลุ่มมีจำหน่ายที่แหล่งผลิต คือ ซอยติวานนท์ 45 จ.นนทบุรี และจำหน่ายตามงานแสดงสินค้าต่างๆ
ล่าสุดได้กลุ่มได้เล็งเห็นถึงภัยหนาวของพี่น้องในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ที่มีรายได้น้อย โดยผลิต “ผ้าห่มเอื้ออาทร” ราคา 199 บาท โดยเป็นการนำเศษผ้าที่มีขนาดใหญ่มาเย็บเป็นผ้าห่ม ในขณะที่ไส้ในก็ใช้ใยโพลีเอสเตอร์ชนิดเดียวกัน หวังคืนกำไรให้กับสังคม และชาวบ้านซึ่งสุภัทราก็เคยประสบภัยหนาวมาก่อนเมื่อครั้งอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดในจังหวัดร้อยเอ็ด
***ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าห่มสามฤดู” ติดต่อบ้านเลขที่ 70/125 ถ.ติวานนท์ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี หรือโทร.0-2951-1511, 08-1827-8348***