xs
xsm
sm
md
lg

พี่สาวปักใจเชื่อ"ไมเคิล"ถูกฆ่าลั่นรู้ตัวคนทำแต่ยังพูดไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลา โทยา - ไมเคิล พี่น้องที่ใกล้ชิดที่สุดในครอบครัวแจ็กสัน
นับได้ว่าเป็นการเปิดประเด็นใหม่ที่ทำเอาทุกคนตื่นตะลึงทีเดียว หลัง"ลา โทยา" พี่สาวของ"ไมเคิล แจ็กสัน"ราชาเพลงป็อปผู้ล่วงลับออกมาเปิดใจเชื่อว่าน้องชายถูกฆาตกรรมเพื่อผลประโยชน์เป็นทรัพย์สินมูลค่านับพันล้าน

ซึ่งการเปิดใจของลา โทยา พี่สาวแท้ๆวัย 53 ปีของไมเคิล แจ็กสัน ออกมาให้สัมภาษณ์พิเศษเผยถึงข้อเท็จจริงเบื้องหลังการเสียชีวิตของราชาเพลงป็อปวัย 50 ปี โดยระบุว่ารู้ตัวคนฆ่า และยืนยันเงินสดกว่า 2 ล้านเหรียญฯ และเครื่องประดับหายไปหมดอย่างไร้ร่องรอย

"ฉันพอจะรู้ว่าใครเป็นคนทำและฉันจะไม่หยุดเรื่องนี้จนกว่าจับตัวพวกนั้นได้!"

ความสงสัยของลา โทยา ครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ 2 วันหลังจากเจ้าหน้าที่ของลอสแองเจลิสยอมรับว่าการเข้าสืบสวนการเสียชีวิตของแจ็กโกนั้นมีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกฆาตกรรม

ลา โทยา พี่สาวผู้ขึ้นชื่อว่าใกล้ชิดกับไมเคิล แจ็กสันที่สุดยังได้เผยด้วยว่า ทั้งเธอและครอบครัวเชื่อว่าการเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดของน้องชายนั้นเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่ผิดกฏหมายโดยพวกกลุ่มอิทธิพลมืดที่ต้องการเข้ามามีส่วนในทรัพย์สินมูลค่านับพันล้านของไมเคิล

"ไมเคิล ถูกฆาตกรรม เราไม่เชื่อว่าจะมีแค่คนเดียวเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมครั้งนี้ ฉันรู้สึกได้ว่าทั้งหมดมันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องเงิน มันถูกวางแผนไว้แล้วเพื่อเอาเงินของไมเคิลไป ไมเคิลมีทรัพย์สินมากกว่าพันล้านในแวดงวงธุรกิจดนตรี และใครสักคนต้องการฆ่าเขาเพื่อผลประโยชน์พวกนี้ ไมเคิลที่ตายไปแล้วมีค่ากว่าตอนเขามีชีวิตอยู่"

ซึ่งลา โทยา เชื่อแน่ว่าการเสียชีวิตของน้องชายนั้นเกิดจากการที่เขาถูกให้ยาหลากหลายชนิดเพื่อง่ายต่อการควบคุมหรือบงการจากใครบางคน และเพื่อให้เขาตีตัวออกห่างจากครอบครัว ซึ่งสมาชิกแจ็กสันบางคนถูกกีดกันไม่ให้เข้าพบ พร้อมกันนั้นเขาถูกให้ยาเพื่อที่จะสามารถแสดงคอนเสิร์ตยาวนานกว่า 50 รอบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และเพื่อที่พวกนั้นจะได้ขโมยเอาทรัพย์สินเงินสดรวมถึงเครื่องเพชรที่อยู่ในบ้านไปได้จนหมดเกลี้ยงหากเขาเสียชีวิต

แม้ว่าผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการของไมเคิลจะยังไม่ออกมา แต่ลา โทยา ค่อนข้างมั่นใจกับผลชันสูตรที่ทางครอบครัวได้สั่งให้จัดการกันเองเป็นรอบที่สอง "ฉันคิดว่าทุกคนจะต้องประหลาดใจเมื่อผลพิสูจน์ออกมา ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้เพราะว่ายังอยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ฉันสามารถพูดได้ว่าการรายงานของหนังสือพิมพ์ที่บอกว่าพบเมทาโดนในร่างกายเขานั้นไม่ถูกต้อง"

"เขามีรอยเข็มมากมายตามร่างกายทั้งที่คอและที่แขน ส่วนผลการชันสูตรทั้งหมดจะออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้แล้ว แต่ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจฉันได้ที่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับการฆาตกรรม และฉันจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะค้นหาความจริงได้ว่าใครเป็นคนฆ่าน้องฉัน"

"ประมาณ 2 ปีก่อนไมเคิลมาบอกฉันว่าเขาค่อนข้างวิตกว่ามีคนจะมาเอาตัวเขาไป เขาบอกว่าพวกนั้นจะฆ่าผมเพื่อลิขสิทธิ์และขายผลงานผม พวกเขาต้องการฆ่าผมเพื่อสิ่งนี้ ฉันก็รู้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ"

นอกจากนั้นลา โทยา ยังเผยด้วยว่าเธอสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าไมเคิล จะต้องจากโลกนี้ไปก่อนที่คอนเสิร์ตในลอนดอนที่ตามกำหนดเดิมคือวันนี้ ( 13 ก.ค. ) จะเกิดขึ้น "ฉันรู้สึกได้ว่าจะต้องเกิดการฆาตกรรม รู้ได้ว่าเขาจะไม่ได้ขึ้นแสดงอีกต่อไป"

ซึ่งการที่ไมเคิลถูกบงการจากกลุ่มอิทธิพลมืดนี้เธอยังบอกด้วยว่าเพื่อเป็นการกีดกันไมเคิลจากครอบครัวให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก "พวกเขาพยายามที่จะกันครอบครัวออกไปตลอดเวลา รวมถึงพ่อฉันด้วย ไมเคิลถูกบงการ ไม่มีใครสามารถเข้าถึงตัวเขาได้ เราอยากรู้มากว่าทำไมพวกเราถึงถูกกีดกันและโจพ่อของฉันก็พยายามอย่างมากที่จะเข้าพบเขา เขาพยายามถึงที่สุดที่จะอยู่ที่นั่นเพื่อไมเคิล เขาถูกมองว่ากำลังเข้าคุกคามไมเคิลแต่จริงๆแล้วเขาแค่ต้องการจะเข้าไปช่วยเหลือไมเคิลเท่านั้น และถ้าคุณกีดกันครอบครัวให้ห่างออกไปได้ คุณก็ชนะ เหมือนการกีดกันและแบ่งแยก"

"ไมเคิลมีเงินสดอยู่ในบ้าน น่าจะประมาณ 2 ล้านเหรียญเพื่อเอาไว้จับจ่ายใช้สอย ผู้คนต่างบอกว่าเขาไม่มีเงิน แต่จริงๆแล้วเขามีเงินอยู่กับตัวตลอดเวลา พอฉันไปที่บ้านหลังจากเกิดเหตุ เงินสดพวกนั้นมันไม่อยู่แล้วรวมถึงพวกเครื่องเพชรด้วย แสดงว่าต้องมีคนหลายคนเลยเข้าไปที่บ้านนั้นก่อนที่ฉันจะไปถึง ต้องมีใครเข้าไปและจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกมากๆ"

คำถามมากมายเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์การเสียชีวิตของนักร้องดังเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมาที่นอร์ธ แครอลวู้ด ไดร์ฟ ลา โทยา ได้เผยถึงภาพที่น่ากลัวที่เธอพบในห้องที่น้องชายเธอเสียชีวิตในคืนนั้นว่า เธอเห็นพวกอุปกรณ์ช่วยหายใจและขวดยาเปล่ามากมาย

"ตำรวจเอาแทงค์อ็อกซิเจนที่อยู่ข้างเตียงเขาออกมา บนผ้าปูที่นอนยังมีหน้ากากอ็อกซิเจนวางอยู่เลย ข้างๆก็มีสายน้ำเกลือ ฉันเลยบอกให้ตำรวจจัดการเอาของเหลวพวกนั้นไปตรวจสอบด้วย"

"ฉันเห็นแท็งค์อ็อกซิเจนวางอยู่ข้างหลังอีก 3 แท็งค์ที่มุมห้อง มีกระปุกยาเปล่าอีก 3 กระปุก เรายังเห็นแท็งค์อ็อกซิเจนเปล่าในโรงรถบ้านเขาด้วย" ซึ่งสอดคล้องกับผลชันสูตรที่ระบุว่าพบยามากมายหลากหลายชนิดในร่างกายเขา ที่ถูกฉีดมอร์ฟีนถึงวันละ 2 ครั้ง และถูกให้ยาเดเมโรล รวมถึง Dilaudid ยาเสพย์ติดที่มีฤทธิ์รุนแรง พร้อมกันนั้นยาแก้ปวด Vistaril ก็ถูกฉีดเข้าร่างกายอีกวันละ 2 ครั้ง แถมยังมียาแก้เครียด Xanax, ยาแก้อาการซึมเศร้า Prozac และ Zoloft รวมถึง ยาแก้อาหารไม่ย่อย Prilosec ด้วย

นอกจากจะย้อนภาพที่น่ากลัวภายในห้องที่น้องชายจากไปแล้ว เธอยังเผยถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าน้องชายขณะมีชีวิตเมื่อครั้งไปฉลองครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่ครบ 60 ปีที่บ้านในเบเวอร์ลีย์ ฮิลล์ส 3 สัปดาห์ก่อนที่เขาเสียชีวิตโดยระบุว่าตอนนั้นไมเคิลดูดีมากทีเดียว

"ไมเคิลฟิตมาก เขาดูมีความสุขและสนุกกับทุกๆนาทีที่อยู่ที่นั่น แน่นอนว่าเขาผอมมากแต่ไมเคิลก็ผอมแบบนี้มาตลอด แต่ในความเข้าใจของฉัน เขาดูแข็งแรงมากจริงๆ พอฉันไปถึง ฉันก็เห็นเขายืนอยู่ที่หน้าประตูทักทายผู้คนและก็หันมาพูดทักฉันว่า พี่สวยมาก"

"มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษจริงๆ พอเขาจะไปพวกเราก็ได้กอดลากัน เขาพูดขึ้นมาว่า ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาๆดีๆนี้ เรามาจัดแบบนี้อีกในเวกัสนะ"

"เขาเดินไปที่ประตู พอเขาขึ้นรถเขาก็มองกลับมาแล้วโบกมือลา มันเศร้ามากจริงๆเมื่อคิดว่านั่นคือครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันได้เห็นน้องชายคนเล็กของฉัน"

ลา โทยา กล่าวเสริมว่า ตารางการซ้อมคอนเสิร์ตที่แสนหนักหน่วงช่วง 2 วันก่อนเสียชีวิตเขาได้ขึ้นซ้อมพร้อมกับชุดที่เขาจะต้องขึ้นแสดง ซึ่งหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยโศกนาฏกรรม ลา โทยา ยังยืนยันด้วยว่าแท้จริงแล้วไมเคิล อยากเลิกทำเพลงแล้วด้วยซ้ำ

"เขาอยากเป็นผู้กำกับหนัง เขาพยายามทำทุกอย่างที่จะให้เกิดขึ้น เขามีไอเดียที่จะทำหนังเขย่าขวัญที่มีชื่อว่า Thriller เขาออกแบบโปสเตอร์ไว้แล้วด้วย"

"เขาไม่อยากแสดง 50 โชว์ที่จะเกิดขึ้นนี้เลย จริงๆเขาแค่ต้องการเล่นแค่ 10 รอบเท่านั้นแต่เขาถูกบังคับให้ทำ และไมเคิลก็ยังเป็นไมเคิลคนเดิมเขาไม่ต้องการทำให้แฟนๆที่อยากดูการแสดงของเขาผิดหวัง แม้แต่ปารีสลูกสาวของเขายังบอกเลยว่าพวกนั้นใช้งานพ่อหนักเกินไป คนที่แสนเปราะบางขนาดนั้นไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้หรอก"

แม้ว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้จะนำมาซึ่งความโศกเศร้าของครอบครัวแจ็กสัน แต่ลา โทยา ก็เผยว่าการจากไปของไมเคิลทำให้ครอบครัวยิ่งใกล้ชิดกลมเกลียวกันมากขึ้น

"นี่คือการรวมตัวของครอบครัวอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง พวกเราต่างยังเจ็บปวดและเศร้าโศกกับการสูญเสียไมเคิล...แต่เรายังคงมุ่งมั่นจากส่วนลึกของพวกเราที่เชื่อว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาจากเราเร็วเกินไป ไมเคิลยังไม่ควรตาย"
ภาพสุดท้ายไมเคิล ขณะส่งตัวเข้าโรงพยาบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น