เก็บเสน่ห์เรือนไทย โฉมใหม่ในแบบเปเปอร์โมเดล

งานสถาปัตยกรรมจำลองจากกระดาษ หรือเปเปอร์ โมเดล (Paper Model) เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมานานแล้ว ส่วนคนไทยมีแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบงานประเภทนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ลักษณะหรือรูปแบบโมเดลที่ประดิษฐ์กันอยู่ ล้วนเป็นสถาปัตยกรรมหรือสถานที่สำคัญของต่างชาติ ยังไม่มีใครดึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยมานำเสนอ

จุดประกายให้ “ชลาธิป ทรัพย์มณี” อยากริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานเปเปอร์โมเดลในแบบไทยๆ เพื่อให้ชาวต่างชาติได้รู้จักบ้าง

“ครอบครัวของผมเป็นคนอยุธยา คุ้นเคยกับบ้านทรงไทยมาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับส่วนตัวเล่นงานเปเปอร์โมเดลมานานแล้ว ซึ่งวิธีการทำ หรือรูปแบบต่างๆ สามารถหาได้ง่ายๆ จากเว็บไซต์ต่างประเทศ รูปแบบจะเป็นสไตล์สากลทั้งหมด ทำให้ผมคิดว่า น่าจะมีเปเปอร์โมเดลของไทยๆ บ้าง ให้ชาวต่างชาติได้นำไปประกอบกัน ช่วยเผยแพร่ความเป็นไทยให้ต่างชาติได้รู้จัก” ชลาธิป เล่าไอเดียเริ่มต้น

ด้วยอาชีพหลักเป็นโปรแกรมเมอร์ เขาได้ใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์มาออกแบบเปเปอร์โมเดล โดยขั้นตอนแรก ต้องไปถ่ายภาพเรือนไทยจริงๆ ไม่ต่ำกว่าร้อยรูป เพื่อเก็บรายละเอียดทุกเหลี่ยมทุกมุม แล้วนำไปถอดแบบในคอมพิวเตอร์เป็นลักษณะภาพ 3 มิติ จากนั้นใช้โปรแกรมกราฟิกแปลงออกมาเป็นภาพ 2 มิติ และสุดท้ายส่งเข้าโรงพิมพ์

ชลาธิป ระบุว่า ธุรกิจนี้ทำเป็นอาชีพเสริม ออกสู่ตลาดประมาณกลางปี (2552) ที่ผ่านมา เบื้องต้น มี 4 แบบได้แก่ เรือนไทยภาคกลางเดี่ยว เรือนไทยภาคกลางคู่ขนาน เรือนไทยภาคกลางคู่ขวาง และเรือนแพภาคกลาง ราคาที่ 299-399 บาท สัดส่วนทั้งหมดถูกต้องตามความเป็นจริง สีและรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วน เหมือนจริงชนิดที่หากเดินผ่านโดยไม่สังเกต อาจคิดว่าเป็นเรือนไทยไม้จำลอง หารู้ไม่ว่า ที่จริงทำมาจากกระดาษ

วิธีประกอบ ผู้เล่นต้องตัดกระดาษตามจุดประ แล้วประกอบตามขั้นตอน ซึ่งมีทั้งวิธีขัดกระดาษ และใช้กาวติด ออกแบบให้ความยากอยู่ระดับปานกลาง ผู้เล่นต้องใช้สมาธิและความพยายามในการประกอบ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของงานเปเปอร์โมเดล
เรือนเดี่ยว

สำหรับทุนเริ่มต้น เจ้าของไอเดีย เผยว่า ประมาณ 50,000 บาท แทบทั้งหมดใช้ด้านพิมพ์กระดาษ โดยระบบออฟเซทจากโรงพิมพ์ วางตำแหน่งสินค้าเป็นของขวัญของที่ระลึก ลูกค้าเป้าหมายคือ ชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยว ส่วนช่องทางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ที่ www.thaipapermodel.com รวมถึง มีตัวแทนรับไปขายตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ
เรือนไทยภาคกลางคู่ขวาง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของธุรกิจที่ผ่านมา คือ การพิมพ์กระดาษโดยโรงพิมพ์ ต้องทำปริมาณครั้งละมากๆ หนึ่งแบบต้องพิมพ์อย่างน้อยหนึ่งร้อยแผ่นขึ้นไป เกิดปัญหาสินค้าค้างสต๊อกจำนวนมาก และด้วยต้นทุนที่สูง จึงไม่สามารถจะออกแบบใหม่ๆ ให้หลากหลายได้

ทว่า จากที่เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการ SMEs Flying Geese ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงได้รับความช่วยเหลือด้านคำปรึกษาธุรกิจ รวมถึงได้ทุนสนับสนุนอีก 50,000 บาท เพื่อนำไปใช้พัฒนาสินค้า

ชลาธิป ขยายความว่า เงินทุนที่ได้ช่วยแก้ปัญหาธุรกิจได้อย่างดี โดยส่วนตัวสมทบเพิ่มเองอีก 50,000 บาท รวมเป็น 1 แสนบาท นำไปซื้อเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ สามารถสั่งพิมพ์ได้ทีละแผ่น และที่สำคัญคุณภาพดีกว่าพิมพ์ระบบออฟเซทจากโรงพิมพ์เสียอีก พร้อมกันนี้ ยังซื้อเครื่องตัดกระดาษตามรูปทรง ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าไม่ต้องตัดกระดาษเอง นอกจากนั้น นำไปปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม เหมาะเป็นของขวัญของฝากยิ่งขึ้น
ตอนไปออกบูท

“เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่จะทำให้ผมสามารถออกแบบใหม่ๆ ได้มากมาย และไม่จำเป็นต้องมีสินค้าเก็บสต๊อก ผมสามารถออกแบบในคอมพิวเตอร์ แล้วทำต้นแบบโชว์แค่ในเว็บไซต์ ถ้าลูกค้าสั่งออเดอร์ ค่อยสั่งพิมพ์ ซึ่งจะทำให้มีสินค้าหลากหลายขึ้น และต้นทุนต่อใบทั้งค่ากระดาษและค่าหมึกพิมพ์รวมแล้ว ไม่เกินใบละ 10 บาท ช่วยให้อนาคตราคาขายปลีกก็จะลดลงได้ด้วย” เจ้าของไอเดีย เล่าถึงประโยชน์ที่จะได้จากเทคโนโลยีใหม่

ทั้งนี้ จากด้วยโดดเด่นของธุรกิจนี้ เรือนไทยเปเปอร์โมเดลยังได้รับรางวัล SMEs Best Practices ยอดเยี่ยมสาขาสิ่งพิมพ์ และชมเชยสาขาส่งเสริมคุณค่าความเป็นไทย จากการคัดเลือกของ สสว.
ออกแบบพระปรางค์วัดอรุณเป็นเปเปอร์โมเดล

ท้ายสุด ชลาธป ยืนยันจะออกแบบเฉพาะสถาปัตยกรรมของไทยเท่านั้น เพราะถือเป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นเฉพาะตัว โดยเตรียมออกสินค้าใหม่ต้นปีหน้า (2553) ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย เบื้องต้น 4 แห่ง ได้แก่ วัดพระแก้ว พระปรางค์วัดอรุณ หอคำหลวง และพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งทุกแห่งเดินทางไปบันทึกภาพและเก็บรายละเอียดด้วยตัวเองเช่นเดิม

จากนั้น จะทยอยออกแบบสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของไทย ให้ครบถ้วนทั้ง 76 จังหวัด หวังให้เป็นสินค้าที่ระลึกที่ช่วยประชาสัมพันธ์ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวไทยให้ชาวต่างชาติได้รู้จักมากขึ้นด้วย