ราบิก้า คอฟฟี่ ลุยสร้างแบรนด์ร้านกาแฟสดของคนไทย เน้นรสชาติอราบิก้าแท้ในราคาไม่แพง มุ่งเสิร์ฟลูกค้าขาประจำ มั่นใจร้านกาแฟสดแบรนด์ระดับกลางยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมจับมือร่วมพันธมิตรปั๊มเอสโซ่ ขยายสาขาแฟรนไชส์ทั่วประเทศกว่า 40 แห่ง
นายสมศักดิ์ รุ่งโรจน์ดุษฎี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส อาร์ ดี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารธุรกิจร้านกาแฟสดราบิก้า คอฟฟี่ เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2552 ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงชะลอตัวสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจในต่างประเทศ แต่สำหรับธุรกิจร้านกาแฟสดยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีร้านกาแฟสดที่เปิดให้บริการอยู่แล้วเป็นจำนวนมากก็ตาม ทั้งที่เป็นแบรนด์ของคนไทยและร้านกาแฟแฟรนไชส์ที่มาจากต่างประเทศ แต่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ดื่มกาแฟสดก็มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นควบคู่กันไป และเป็นการขยายตัวที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้จากประสบการณ์ในการทำธุรกิจร้านกาแฟสดราบิก้า คอฟฟี่ มากว่า 10 ปี ทำให้บริษัทเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นนักดื่มกาแฟตัวจริง ที่ต้องการดื่มกาแฟคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมและมีบรรยากาศผ่อนคลายควบคู่ไปกับการทำงานได้อีกด้วย ซึ่งจากการเปิดให้บริการสาขาแรกในปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ถนนศรีนครินทร์ เมื่อปี 2540 หลังจากนั้นร้านราบิก้า คอฟฟี่ จึงมุ่งเน้นที่จะขยายสาขาในทำเลปั๊มน้ำมันเป็นหลัก โดยปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 92 สาขา ในสถานีบริการน้ำมันต่างๆ อาทิ ปิโตรนาส 25 แห่ง , คาลเท็กซ์ 20 แห่ง, เอสโซ่ 10 แห่ง นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการในทำเลอื่นๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย ศูนย์ราชการ โรงพยาบาล และอาคารสำนักงาน
“จุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ราบิก้า คอฟฟี่ อยู่ที่รสชาติของกาแฟซึ่งเป็นสูตรลับเฉพาะที่คิดค้นขึ้นเองโดยผู้เชี่ยวชาญพร้อมบรรจุซองฟอยล์ทันที 1 ซอง ต่อ 1 แก้ว เพื่อให้ได้กาแฟที่มีความสดใหม่ได้มาตรฐานความสะอาด ในปริมาณที่แน่นอน และชงโดยพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ทำให้กาแฟของเรามีกลิ่นหอม รสชาติเข้มข้นและที่สำคัญราคาไม่แพง ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้บริการได้บ่อยครั้ง ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์ รุ่งโรจน์ดุษฎี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส อาร์ ดี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารธุรกิจร้านกาแฟสดราบิก้า คอฟฟี่ เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี 2552 ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงชะลอตัวสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจในต่างประเทศ แต่สำหรับธุรกิจร้านกาแฟสดยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีร้านกาแฟสดที่เปิดให้บริการอยู่แล้วเป็นจำนวนมากก็ตาม ทั้งที่เป็นแบรนด์ของคนไทยและร้านกาแฟแฟรนไชส์ที่มาจากต่างประเทศ แต่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ดื่มกาแฟสดก็มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นควบคู่กันไป และเป็นการขยายตัวที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้จากประสบการณ์ในการทำธุรกิจร้านกาแฟสดราบิก้า คอฟฟี่ มากว่า 10 ปี ทำให้บริษัทเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นนักดื่มกาแฟตัวจริง ที่ต้องการดื่มกาแฟคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมและมีบรรยากาศผ่อนคลายควบคู่ไปกับการทำงานได้อีกด้วย ซึ่งจากการเปิดให้บริการสาขาแรกในปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ถนนศรีนครินทร์ เมื่อปี 2540 หลังจากนั้นร้านราบิก้า คอฟฟี่ จึงมุ่งเน้นที่จะขยายสาขาในทำเลปั๊มน้ำมันเป็นหลัก โดยปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 92 สาขา ในสถานีบริการน้ำมันต่างๆ อาทิ ปิโตรนาส 25 แห่ง , คาลเท็กซ์ 20 แห่ง, เอสโซ่ 10 แห่ง นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการในทำเลอื่นๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย ศูนย์ราชการ โรงพยาบาล และอาคารสำนักงาน
“จุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ราบิก้า คอฟฟี่ อยู่ที่รสชาติของกาแฟซึ่งเป็นสูตรลับเฉพาะที่คิดค้นขึ้นเองโดยผู้เชี่ยวชาญพร้อมบรรจุซองฟอยล์ทันที 1 ซอง ต่อ 1 แก้ว เพื่อให้ได้กาแฟที่มีความสดใหม่ได้มาตรฐานความสะอาด ในปริมาณที่แน่นอน และชงโดยพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ทำให้กาแฟของเรามีกลิ่นหอม รสชาติเข้มข้นและที่สำคัญราคาไม่แพง ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้บริการได้บ่อยครั้ง ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี” นายสมศักดิ์กล่าว