xs
xsm
sm
md
lg

เอสเอ็มอีปีเสือยังน่าห่วง คาด ศก.ฟื้นชัดรออีก 5 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธาน กลต. ชี้ทิศทางเศรษฐกิจไทยกับธุรกิจเอสเอ็มอี โอกาสฟื้นตัวชัดเจนต้องรออีก 5 ปี เหตุเจอศึกหนักทั้งปัญหาการเมืองภายใน และเศรษฐกิจโลก ลุ้นปีหน้าส่งออกเติบโตต้องไม่ต่ำกว่า 10% ด้าน สสว. ประเมินสถานการณ์ปีเสือ เอสเอ็มอียังน่าห่วง โดยเฉพาะการค้าปลีกและค้าส่งเพราะผลตอบแทนจากการดำเนินการต่ำสุด

ดร.วิจิตร สุพินิจ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เปิดเผยถึง ทิศทางเศรษฐกิจไทยกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในปี 2553 ว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ได้แก่ การส่งออก การคลัง และการเงิน ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัย ปีหน้ายังมีแนวโน้มที่ไม่ดีนัก เพราะตัวเลขส่งออกยังต้องอาศัยการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวมีแข่งขันสำคัญอย่างจีนและเวียดนาม ซึ่งล่าสุดเวียดนามลดค่าเงินลงอีก 5% ทำให้ได้เปรียบเรื่องการส่งออกมากขึ้น

ส่วนการคลัง ด้านลงทุนของหน่วยงานรัฐ แม้ว่ามีแผนลงทุนในโครงการใหญ่ แต่ยังมีปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง และในส่วนของการเงิน การปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งจากประสบการณ์วิกฤตเศรษฐกิจปี 40ส่งผลให้ธนาคารยังไม่กล้าปล่อยสินเชี่อให้แก่รายที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ทำให้ขาดสภาพคล่องอยู่ในปีหน้า

สำหรับการเติบโตด้านการส่งออกของไทย เคยสูงสุดถึง 45% ในปี พ.ศ.2550 และในปี พ.ศ.2551 ติดลบถึง 26% ถึงแม้ในไตรมาส 3 /2552 นี้ ตัวเลขการส่งออกจะส่งสัญญาณดีขึ้น ติดลบเพียง 15% และคาดการณ์ในปีนี้ การส่งออกน่าจะส่งสัญญาณเป็นบวก ตั้งไว้ที่ 10% แต่ยังไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เพราะอัตราเติบโตยังไม่ได้ครึ่งของ ช่วงปี พ.ศ.2550 ดังนั้น จะต้องลุ้นให้การส่งออกในปีหน้ามีทิศทางบวกเพิ่มมากๆ ถึงจะมาช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่โดยส่วนตัวยังเห็นว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้คงต้องใช้เวลาถึง 5 ปี

ด้านผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวิเคราะห์ และเตือนภัย SMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (สสว.) กล่าวว่า ถึง แนวโน้ม SMEs ปี 2553 ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังกังวลเรื่องสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง การบริโภคจะไม่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตสูง จากราคาน้ำมันที่น่าจะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนลดลง โดยปีนี้ (2552) อยู่ที่ 4% ติดลบประมาณ 2% และปีหน้าคาดจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยมาก เพราะจริงๆ แล้ว เอสเอ็มอีจะอยู่ได้ต้องมีผลตอบแทนประมาณ 8%

สำหรับเอสเอ็มอีรายสาขา ที่มีแนวโน้มที่ดีในปี 2553 จะเป็นสาขาเกษตร ในกลุ่มอาหารแปรรูปทุกชนิด โดยเฉพาะ เนื้อสัตว์ และสินค้าในกลุ่มข้าว ธัญพืช สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ส่งผลให้สินค้าเกษตรมีราคาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการบางส่วนอาจจะยังไม่ยอมปล่อยสินค้าในช่วงนี้ และก็จะไปขายในปีหน้าแทน

ส่วนเอสเอ็มอีรายสาขาที่มีแนวโน้มเสี่ยงสูง ได้แก่ ภาคการค้าบริการ ในส่วนของการท่องเที่ยว เนื่องจากปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทำให้ภาคบริการ ในส่วนของสปาต้องมีการลดระดับการให้บริการลง ทำให้มาตรฐานไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว ส่วนค้าปลีก และค้าส่งเจอปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงอยู่ โดยเฉพาะการผลิตที่จากเดิมจะใช้ตราสินค้าของตนเอง แต่ปัจจุบันต้องปรับตัว โดยต้องมาผลิตตราสินค้าของห้างนั้นๆ และต้องปรับราคาลงมา
กำลังโหลดความคิดเห็น