เอสเอ็มอีแบงก์ เผยผลงานอนุมัติสินเชื่อ 10 เดือนโตต่อเนื่อง ทะลุกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท เทียบกับช่วง 10 เดือนของปี 2551 ปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 99.96% ช่วยผู้ประกอบการ SMEs กว่า 7,282 ราย เน้นภาคการผลิต 32 % ภาคการขายส่ง-ขายปลีก และของใช้ในครัวเรือน 21% ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร 16%
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางแบงก์เน้นกระจายความช่วยเหลือไปยังภูมิภาคมากขึ้น โดยแยกตามพื้นที่ตั้งลูกค้าใน 10 เดือนนี้ แบ่งตามพื้นที่ คือ ภาคนครหลวง คิดเป็น 33% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19% ภาคใต้ 18 % ภาคเหนือและภาคกลาง มีสัดส่วนเท่ากันคือ 15% ส่วนการอนุมัติสินเชื่อของลูกค้าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 15 ล้านบาท 34% หากนับเป็นจำนวนรายถือว่าปีนี้เน้นรายย่อยถึง 64% ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล
ด้านนายวิชญะ วิถีธรรม โฆษกคณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยถึง ผลการอนุมัติสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ของธนาคารใน 10 เดือนของปี 2552 (ม.ค. – ต.ค. 2552) ว่า ขณะนี้ยอดการอนุมัติสินเชื่อมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มียอดอนุมัติสินเชื่อทั้งสิ้นกว่า 33,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 51 ถึง 99.96% สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธนาคารได้ถึง 7,282 ราย และสามารถช่วยรักษาการจ้างงานได้ถึง 78,143 คน สามารถสร้างผู้ประกอบการใหม่ 1,287 ราย
“ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เอสเอ็มอีแบงก์ สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยกลุ่มลูกค้าที่อนุมัติสินเชื่อจากธนาคารสูงสุด เป็นภาคการผลิต 32 % ภาคการขายส่ง-ขายปลีก และของใช้ในครัวเรือน 21% ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร 16% ที่เหลือเป็นภาคธุรกิจอื่นๆ ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีสัดส่วนสินเชื่อภาคการผลิตสูงสุด 21% เท่านั้น ถือเป็นการตอบสนองของนโยบายรัฐบาลในการเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 52 จนถึงปัจจุบัน” นายวิชญะกล่าว
นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า ในปีนี้ทางแบงก์เน้นกระจายความช่วยเหลือไปยังภูมิภาคมากขึ้น โดยแยกตามพื้นที่ตั้งลูกค้าใน 10 เดือนนี้ แบ่งตามพื้นที่ คือ ภาคนครหลวง คิดเป็น 33% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19% ภาคใต้ 18 % ภาคเหนือและภาคกลาง มีสัดส่วนเท่ากันคือ 15% ส่วนการอนุมัติสินเชื่อของลูกค้าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 15 ล้านบาท 34% หากนับเป็นจำนวนรายถือว่าปีนี้เน้นรายย่อยถึง 64% ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล
ด้านนายวิชญะ วิถีธรรม โฆษกคณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยถึง ผลการอนุมัติสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ของธนาคารใน 10 เดือนของปี 2552 (ม.ค. – ต.ค. 2552) ว่า ขณะนี้ยอดการอนุมัติสินเชื่อมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มียอดอนุมัติสินเชื่อทั้งสิ้นกว่า 33,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 51 ถึง 99.96% สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธนาคารได้ถึง 7,282 ราย และสามารถช่วยรักษาการจ้างงานได้ถึง 78,143 คน สามารถสร้างผู้ประกอบการใหม่ 1,287 ราย
“ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เอสเอ็มอีแบงก์ สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยกลุ่มลูกค้าที่อนุมัติสินเชื่อจากธนาคารสูงสุด เป็นภาคการผลิต 32 % ภาคการขายส่ง-ขายปลีก และของใช้ในครัวเรือน 21% ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร 16% ที่เหลือเป็นภาคธุรกิจอื่นๆ ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีสัดส่วนสินเชื่อภาคการผลิตสูงสุด 21% เท่านั้น ถือเป็นการตอบสนองของนโยบายรัฐบาลในการเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 52 จนถึงปัจจุบัน” นายวิชญะกล่าว
