xs
xsm
sm
md
lg

อุตฯ ดันอาหารไทยสู่ครัวโลก หนุนแฟรนไชส์ยกระดับสากล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือสถาบันอาหารลงนามโครงการเชื่อมั่นอาหารไทย ดึงแฟรนไชส์ขาหมูเจ้าสัว และอูเอโนะ ราเมน เล็งลดปัญหาว่างงาน พร้อมพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันสู่ตลาดโลก คาดปี 2554 ขยายแฟรนไชส์ 5,000 สาขาทั่งกรุงเทพฯ
        
         นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการดำเนินงานในโครงการ “เชื่อมั่นอาหารไทย” (Thai Food Forward) ว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สถาบันอาหารดำเนินโครงการดังกล่าว โดยเน้นไปที่ผู้ประกอบการขนาดย่อม ด้วยการขยายสาขาแฟรนไชส์ และส่งออกไปยังตลาดโลก ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ประกอบการอาหารรูปแบบรถเข็น คีออส เข้าร่วมโครงการ 1 ราย คือ ก๋วยเตี๋ยวหมูพริกกระเหรี่ยง และล่าสุดได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับบริษัท ที เอส เอ็น เวิลด์ซัพพลาย จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์แบรนด์ “ขาหมูเจ้าสัว” และ “อูเอโนะ ราเมน” โดยตั้งเป้าขยายสาขารวม 5,000 สาขา ภายในปี 2554 และขยายตลาดส่งออก 5 กลุ่มประเทศเป้าหมาย คือ ยุโรป อเมริกา ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน
        
         “อุตสาหกรรมของไทย ถือว่ามีศักยภาพทางการแข่งขัน สร้างรายได้เข้าประเทศได้ประมาณ 700,000 ล้านบาท/ปี รวมถึงยังสร้างงานให้กับคนไทย โดยโครงการนี้มุ่งเน้นรองรับคนตกงาน สร้างงานให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี ในขณะผู้ที่สนใจลงทุนในแฟรนไชส์กับธุรกิจในโครงการนี้ สามารถทำการกู้เงินได้จากทางเอสเอ็มอีแบงก์ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันในวงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท" 
         
         ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า โครงการมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจของลูกค้าในผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตในประเทศไทย ควบคู่กับการใช้ยุทธวิธีทางการตลาด เพื่อผลักดันการส่งออกให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก ตลอดจนสร้างโอกาสธุรกิจให้ผู้ผลิตไทยได้พบกับคู่ค้ามากขึ้น เกิดความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และค้นพบช่องทางการตลาดใหม่ๆ
        
         นอกจากนี้นายยุทธศักดิ์ ได้กล่าวถึงการนโยบายการทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ว่า ตนเองคิดจะนำระบบจากประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ โดยลงลึกถึงโครงการทางธุรกิจแบบครบวงจร เช่น โครงสร้างภาษี ที่เน้นไปเรื่องขนาดของธุรกิจ ซึ่งหากเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็อาจจะเก็บภาษีน้อย เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ส่วนอีกหนึ่งการดำเนินงาน คือ การแบ่งประเภทธุรกิจให้มีความชัดเจนขึ้น เพื่อกำหนดเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพให้กับเอสเอ็มอีไทยอย่างตรงจุด เช่น สินค้าชุมชน ธุรกิจขนาดกลาง และผู้ประกอบการที่เป็นเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง เป็นต้น
        
กำลังโหลดความคิดเห็น