xs
xsm
sm
md
lg

“กาแฟออแกนิคมูเซอ” ตำรับธุรกิจชาวเขาพันธุ์แท้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจักรพงษ์ มงคลคีรี
เป็นที่ทราบกันว่าเมื่อครั้งอดีตบริเวณที่ราบสูงของไทย ในภาคเหนือ ชาวเขาจะนิยมปลูกฝิ่นเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เข้าไปเปลี่ยนความคิด และพลิกฟื้นไร่ฝิ่น ด้วยพืชผักเมืองหนาว ที่ปัจจุบันกลายเป็นผลผลิตที่สร้างชื่อและรายได้ให้กับชาวเขา และสร้างความภาคภูมิใจแก่คนไทย

มาจนถึงวันนี้ชาวบ้านยังคงเดินตามแนวทางดังกล่าว มีชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องเร่ร่อน ลักลอบปลูกฝิ่น หันมาปลูกพืชผักเมืองหนาวแทน โดยเฉพาะกาแฟ ที่เมืองไทยก็มีภูมิอากาศที่เหมาะสมไม่แพ้ต่างชาติ โดยในปัจจุบันถือเป็นรายได้หลักอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ในหมู่บ้านห้วยปลาหลด อ.แม่สอด จ.ตาก สามารถนำเงินที่ได้จากการปลูกกาแฟ ส่งให้ลูกหลานชาวเขาได้มีโอกาสเรียนหนังสือ และนำเอาความรู้ ความสามารถกลับมาพัฒนาบ้านเกิด ยกระดับราคากาแฟให้เหมาะสม พร้อมสร้างจุดขายด้วยกาแฟออแกนิค เพิ่มทางเลือกลูกค้า
เมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วขายในราคากิโลกรัมละ 450 บาท
กาแฟมูเซอ ถือเป็นหนึ่งของในผลผลิตตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจกันปลูกกาแฟออแกนิค ซึ่ง “นายจักรพงษ์ มงคลคีรี” เจ้าของร้านกาแฟมูเซอ และเป็นชาวเขาแต่กำเนิด ได้ต่อยอดองค์ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาสู่การกลับมาพัฒนาบ้านเกิด เล่าว่า เมื่อครั้งเป็นเด็กตนเองอยู่ท่ามกลางไร่กาแฟ ที่ในหลวงสนับสนุนให้ปลูกกาแฟ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการให้ชาวเขารักษาป่าโดยทางอ้อมเพราะการที่จะปลูกกาแฟได้นั้น ชาวเขาต้องรักษาป่าก่อน เพื่อให้ได้กาแฟแบบออแกนิค ปราศจากสารพิษ ซึ่งการรักษาป่าไว้นั้น ทำให้ได้น้ำจากธรรมชาติกลับคืนมา ส่งผลให้ชาวบ้านหันมาเอาใจใส่ในผืนป่ามากขึ้น

จนกระทั่งประมาณปีพ.ศ.2532 เมื่อครั้งที่นายจักรพงษ์อยู่ในวัยเรียน ก็เริ่มรู้สึกว่าราคากาแฟของคนในหมู่บ้านลดลงเรื่อยๆ โดยถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ทั้งๆ ที่ผลผลิตยังคงคุณภาพเดิม รวมถึงยังปลอดสารพิษ ซึ่งราคาไม่น่าจะถูกขนาดนี้ จึงคิดหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านไม่ให้ถูกเอาเปรียบ ด้วยการรวมตัวกันเป็นสหกรณ์เพื่อตั้งราคากลางที่จากเดิมราคาของเมล็ดกาแฟดิบอยู่ที่ 3-5 บาท/กก. ในขณะที่ราคากลางในปัจจุบันอยู่ที่ 11-15 บาท/กก. ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นที่พอใจของชาวบ้าน
เมล็ดกาแฟดิบขายในราคากิโลกรัมละ 120 บาท
“ตอนที่ผมเรียนจบกลับมาก็เห็นว่าชาวบ้านถูกเอาเปรียบในเรื่องของราคาจากพ่อค้าคนกลาง ที่ถูกกดราคาจนต่ำ ทั้งๆ ที่ผลผลิตเมล็ดที่ดอยมูเซอของเรามีคุณภาพดี และเป็นกาแฟที่สุกช้ากว่าที่อื่น ทำให้เมล็ดกาแฟสะสมอาหารไว้ได้มาก รสชาติจึงอร่อยกว่าที่อื่น รวมทั้งยังเป็นกาแฟออแกนิค ที่ปลอดภัยทั้งผู้ปลูกและผู้บริโภคด้วย ซึ่งเป็นที่ต้องการของบรรดาพ่อค้า ดังนั้นหากจะถูกกดราคาผมเห็นว่าไม่เหมาะสม”

เมื่อจักรพงษ์ สามารถเพิ่มราคาให้กับเมล็ดกาแฟได้แล้ว ก็เริ่มทำตลาดกาแฟมูเซอให้เป็นที่รู้จักด้วยการ เปิดร้านกาแฟสดเล็กๆ บริเวณทางขึ้นน้ำตกทีลอซู ภายใต้ชื่อร้าน “กาแฟสดออแกนิคดอยมูเซอ” ที่ในช่วงแรกหวังเพียงให้เป็นแหล่งชิมรสชาติกาแฟของดอยมูเซอ สำหรับพ่อค้าคนกลาง แต่เมื่อชาวเขาได้เห็นการเพิ่มมูลค่ากาแฟในลักษณะนี้ ก็เริ่มหันมาทำกาแฟสดกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชาวเขาอีกทางหนึ่ง
เมล็ดกาแฟสดบรรจุถุงราคา 150 บาท
“เมื่อผมตัดสินใจที่จะเปิดร้านกาแฟสด ก็เริ่มเรียนด้านการชงกาแฟจากสถาบันที่รับสอนในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน แต่อาศัยการฝึกฝนบ่อย จนเกิดความชำนาญ จนรสชาติเป็นที่ถูกใจของลูกค้า ซึ่งนอกจากทางร้านจะขายกาแฟสดแล้ว ยังนำพืชผักผลไม้เมืองหนาวตามฤดูกาลมาจำหน่ายในร้านด้วย เพื่อให้ชาวบ้านเห็นว่าการเปิดร้านจำหน่ายในลักษณะนี้ก็สามารถเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง นอกจากการขายให้กับพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียว"

ปัจจุบันผลผลิตของชาวมูเซอ นอกจากเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ได้คั่วขายในราคากิโลกรัมละ 120 บาท และที่คั่วแล้วราคา 450 บาท/กก. แล้ว ยังมีผักผลไม้เมืองหนาวอีกด้วย เช่น อโวคาโด แมคคาเดเมีย ปวยเล้ง ผักโขม กระหล่ำปลีม่วง น้ำผึ้งป่า กล้วยไม้ป่า และใบชาพันธุ์อัสสัม ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศใน จ.ตาก เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเป็นการปลูกแบบออแกนิคทั้งสิ้น โดยก่อนปลูกได้มีการตรวจสภาพดินตามมาตรฐานที่กำหนดอีกด้วย

***สำหรับการเดินทางไปที่ร้านกาแฟมูเซอ ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 เส้นทางขึ้นน้ำตกทีลอซู หรือสอบถามได้ที่โทร 08-9857-6850***
กำลังโหลดความคิดเห็น