ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดเช่นนี้ หลายคนที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง หากได้รู้ถึงเส้นทางธุรกิจของ “ประไพพิศ สิทธิยากร” เจ้าของเสื้อผ้าเด็กแบรนด์ “คิดถึง Kid” อาจเกิดแรงบันดาลใจกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง
เนื่องจากเธอเริ่มต้นธุรกิจอย่างง่ายๆ แบบที่ใครๆ ก็ทำได้ และค่อยๆ ก้าวสู่ความสำเร็จ ด้วยการเพิ่มเติมความคิดสร้างสรรค์ บวกด้วยความวิริยะ และที่สำคัญมีทัศนคติบวกในการประกอบอาชีพ ส่งให้ทุกวันนี้ เสื้อผ้าเด็ก“คิดถึง KID” แจ้งเกิดในวงการสำเร็จ
ประไพพิศ ให้นิยามตัวเองว่าเป็น “แม่ค้า” อย่างสมบูรณ์แบบ เริ่มต้นอาชีพเหมือนกับคนอีกจำนวนมาก คือ ไปรับซื้อเสื้อผ้าเด็กสำเร็จรูปจากแหล่งค้าส่ง เช่น ประตูน้ำ โบ๊เบ๊ แล้วตระเวนขายปลีกตามตลาดนัดต่างๆ
ทว่า เพื่อให้เสื้อผ้ามีจุดเด่นไม่เหมือนเจ้าอื่นๆ ที่รับจากแหล่งเดียวกัน จึงเสริมลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ลงไป เช่น ปักลูกไม้ หรือเสริมกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ เป็นต้น
ที่สำคัญแม้จะเพิ่มต้นทุน แต่ขายปลีกในราคาเดิม
“คนไทยชอบของแถม ถ้าซื้อของลดราคาไม่ได้ ขอของแถมก็ยังดี” ประไพพิศ ระบุถึงพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย ดังนั้น ในการผลิตสินค้าใดๆ ก็ตามจะยึดหลักให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
ไอเดียนำเสื้อผ้าเด็กมาประยุกต์กลายเป็นสินค้ารูปแบบใหม่ไม่ซ้ำใคร ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก รวมถึง ยังมีผู้รับสินค้าไปขายต่อด้วย จุดนี่เอง เป็นแรงบันดาลใจอยากจะเปลี่ยนบทบาทตัวเอง จากแค่ขายปลีกมาเป็นผู้ผลิตเสียเอง
ดังนั้น เมื่อประมาณปี พ.ศ.2545 ประไพพิศ จึงหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้อง รวมกว่า 1 ล้านบาท มาลงทุนธุรกิจเสื้อผ้าเด็ก แต่เนื่องจากเวลานั้น ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ในทุกด้าน ตั้งแต่ขาดความรู้ด้านการตัดเย็บ ไม่มีแหล่งซื้อวัตถุดิบ ดูแลคุณภาพไม่ทั่วถึง ฯลฯ ระยะแรกจึงเต็มไปด้วยปัญหา และข้อผิดพลาด จนคนรอบข้างพยายามกล่อมให้เลิกอาชีพนี้เสีย
อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นลองผิดลองถูกเรื่อยมา ในที่สุดธุรกิจเริ่มตั้งลำได้เมื่อเข้าสู่ปีที่ 4
“จากที่เย็บจักรไม่เป็น ดิฉันก็ฝึกจนเป็น เช่นเดียวกับเรื่องแหล่งซื้อวัตถุดิบ คุณภาพสินค้า ดูแลคนงาน ฯลฯ ก็ใช้ข้อผิดพลาดมาแก้ไข ซึ่งประสบการณ์จะสอนให้รู้ว่าควรจะปรับตัวอย่างไร” เจ้าของธุรกิจ เผย
ขณะที่เอกลักษณ์เด่น ทุกแบบเน้นเสื้อสีชมพูสลับสีขาวทั้งหมดเป็นไอเดียที่ได้จากข้อผิดพลาดในอดีตเช่นเดียวกัน
“เริ่มแรก ทำออกมา 12 สีเลย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เหลือค้างสต๊อกจำนวนมาก มีแต่สีชมพูที่ขายได้ ดิฉันจึงเริ่มที่จะเน้นทำสีชมพูให้มากเป็นพิเศษ จนที่สุด ทำเฉพาะสีชมพูอย่างเดียว จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำร้าน” ประไพพิศ อธิบาย
สอดคล้องกับเหตุผลที่เลือกจะทำเฉพาะชุดเด็กผู้หญิง เพราะเป็นความชอบส่วนตัว และรู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งนี้ได้ดีที่สุด โดยทุกแบบจะออกแบบ โดยอาศัยดูตามเทรนด์แฟชั่น และนิตยสารแฟชั่น เน้นเป็นชุดสวยหวานใส่ได้ทั้งเล่นและเที่ยว โดยเพิ่มรายละเอียด หรือลูกเล่นต่างๆ แทรกเข้าไป เช่น ลายสกรีน เครื่องประดับ ฯลฯ ซึ่งจะเป็นความยุ่งยากในการผลิตที่คู่แข่งหรือผู้ผลิตรายใหญ่ไม่คุ้มค่าจะลอกเลียนแบบ
สำหรับชื่อแบรนด์ “คิดถึง KID” มีความหมายสื่อว่า ถ้าคิดถึงเสื้อผ้าเด็ก ขอให้คิดถึงเสื้อยี่ห้อนี้ โดยมีช่องทางขายเริ่มต้นตระเวนขายตามตลาดนัดต่างๆ จนถึงปัจจุบันสามารถมีหน้าร้านของตัวเองที่ย่านประตูน้ำ รวมถึง ขายตามงานแสดงสินค้าต่างๆ นอกจากนั้น ยังผลิตส่งให้ผู้ค้าในย่านโบ๊เบ๊ โดยมีสัดส่วนการตลาดแบ่งเป็นอย่างละครึ่งระหว่างค้าปลีกกับค้าส่ง
ด้านการผลิตมีพนักงานประจำกว่า 10 คน อีกทั้ง กระจายงานให้กลุ่มแม่บ้านอีกกว่า 10 กลุ่ม ส่วนวัตถุดิบผ้าเนื่องจากสั่งในปริมาณมาก สามารถสั่งโดยตรงได้จากโรงงานผ้า ซึ่งราคาจะถูกกว่าซื้อปลีกมาก รวมถึงสั่งลายและสีได้ตามต้องการ ทั้งนี้ แต่ละเดือนมียอดขายเฉลี่ยเกือบเจ็ดหลัก ซึ่งถือว่าสูงไม่น้อยสำหรับธุรกิจที่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ
สินค้าของ “คิดถึง KID” มีรวมกันนับพันแบบ โดยวัตถุดิบผ้าใช้เป็นคอตตอนผสม มีให้เลือก 4 ขนาด คือ S/M/LและXL เหมาะสำหรับเด็กวัย 9 เดือนถึง 7 ปี และนอกจากเสื้อผ้าแล้วยังมีกระเป๋าสะพาย กระเป๋าหิ้ว เนคไทเด็ก เป็นต้น ราคาขายส่งที่ชิ้นละ 90-175 บาท ส่วนราคาขายปลีกที่ชิ้นละ 120-300 บาท
เจ้าของธุรกิจทิ้งท้ายว่า หลักที่ยึดมาตลอดในการค้าขาย คือ ความจริงใจ อย่าคิดถึงกำไรเป็นอันดับแรก แต่ให้คิดถึงการผลิตสินค้าคุณภาพดีขายในราคาสมเหตุสมผล และมีหัวใจบริการ อย่ายัดเยียดให้ลูกค้าต้องซื้อ ถ้าลูกค้านำสินค้ามาเปลี่ยนต้องพร้อมบริการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนให้รู้ว่า จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากลับมาเป็นขาประจำ
***************************
โทร.08-9822-1471, 08-9457-3125 หรือ www.pinkdesign2009.com