กระทรวงการคลัง เผยผลประชุมเร่งรัดปล่อยสินเชื่อภายใต้โครงการ สินเชื่อฟาสต์แทร็ก คลายขั้นตอนยุ่งยาก ไม่ดองเรื่องนาน เน้นผู้ประกอบการท่องเที่ยว ส่งออก และเอสเอ็มอี ด้าน บสย.พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันการกู้ยืม ช่วงปีแรก 1.75% ควบเพิ่มวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเป็น 40 ล้านบาท
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อตามนโยบายของรัฐ โดยมีผู้บริหารธนาคารของรัฐ ผู้แทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ประชุมมอบหมายให้ธนาคารของรัฐเร่งปล่อยสินเชื่อภายใต้โครงการ “สินเชื่อฟาสต์แทร็ก”
ทั้งนี้สินเชื่อดังกล่าวคาดว่าจะเปิดโครงการได้ช่วงวันที่ 24 ส.ค.นี้ ด้วยการให้ธนาคารของรัฐผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ยืม พิจารณาอนุมัติด้วยความรวดเร็ว ไม่เก็บเรื่องไว้เป็นเวลานาน หากลูกค้าที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ควรมองถึงแนวโน้มในอนาคตว่าจะสามารถกลับมาดีขึ้นได้หรือไม่ เพราะหากมองเพียงอดีตที่ผ่านมาก็ไม่สามารถปล่อยกู้ได้ ส่วนรายละเอียดของเงื่อนไขที่ผ่อนปรน แต่ละธนาคารจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยเน้นปล่อยสินเชื่อในกลุ่มภาคการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการส่งออก และเอสเอ็มอี
ในส่วนของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันการกู้ยืม ช่วงปีแรกร้อยละ 1.75 และยังเพิ่มยอดวงเงินค้ำประกันสินเชื่อจากวงเงิน 20 ล้านบาท เป็น 40 ล้านบาท เพื่อขยายการค้ำประกันให้ลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมองว่าจะมีความเสี่ยงต่ำ เพราะธนาคารพาณิชย์ได้คัดกรองลูกค้าอีกชั้นหนึ่งแล้ว สำหรับการชดเชยความเสียหายจากการปล่อยสินเชื่อตามนโยบายรัฐ ขึ้นอยู่กับธนาคารรัฐแต่ละแห่งจะเสนอขอการชดเชย
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อตามนโยบายของรัฐ โดยมีผู้บริหารธนาคารของรัฐ ผู้แทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ประชุมมอบหมายให้ธนาคารของรัฐเร่งปล่อยสินเชื่อภายใต้โครงการ “สินเชื่อฟาสต์แทร็ก”
ทั้งนี้สินเชื่อดังกล่าวคาดว่าจะเปิดโครงการได้ช่วงวันที่ 24 ส.ค.นี้ ด้วยการให้ธนาคารของรัฐผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้ยืม พิจารณาอนุมัติด้วยความรวดเร็ว ไม่เก็บเรื่องไว้เป็นเวลานาน หากลูกค้าที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ควรมองถึงแนวโน้มในอนาคตว่าจะสามารถกลับมาดีขึ้นได้หรือไม่ เพราะหากมองเพียงอดีตที่ผ่านมาก็ไม่สามารถปล่อยกู้ได้ ส่วนรายละเอียดของเงื่อนไขที่ผ่อนปรน แต่ละธนาคารจะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยเน้นปล่อยสินเชื่อในกลุ่มภาคการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการส่งออก และเอสเอ็มอี
ในส่วนของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันการกู้ยืม ช่วงปีแรกร้อยละ 1.75 และยังเพิ่มยอดวงเงินค้ำประกันสินเชื่อจากวงเงิน 20 ล้านบาท เป็น 40 ล้านบาท เพื่อขยายการค้ำประกันให้ลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมองว่าจะมีความเสี่ยงต่ำ เพราะธนาคารพาณิชย์ได้คัดกรองลูกค้าอีกชั้นหนึ่งแล้ว สำหรับการชดเชยความเสียหายจากการปล่อยสินเชื่อตามนโยบายรัฐ ขึ้นอยู่กับธนาคารรัฐแต่ละแห่งจะเสนอขอการชดเชย
