ด้วยกระแสรักสุขภาพที่ทวีขึ้นสม่ำเสมอ ประกอบกับต้องการลดต้นทุนการผลิต ทำให้บริษัท แอกโกร-ออน (ไทยแลนด์) จำกัด ยักษ์ใหญ่ในวงการส่งออกข้าวโพดฝักอ่อน ริเริ่มวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวโพดฝักอ่อนจนประสบความสำเร็จเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุน อีกทั้ง ยังต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ประภาส ปิ่นวิเศษ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอกโกรนิก้า จำกัด เผยว่า บริษัทแม่ (บริษัท แอกโกร-ออน (ไทยแลนด์) จำกัด) ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกข้าวโพดฝักอ่อน มากว่า 19 ปี ถือเป็นเจ้าตลาดมีสัดส่วนการส่งออกสูงที่สุดในประเทศ หรือกว่า 30% มีปริมาณส่งออกประมาณ 12,000 ตันต่อปี มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ น้ำส้มสายชูธรรมชาติถือเป็นวัตถุดิบหลักในการใช้หมักข้าวโพดฝักอ่อนเพื่อส่งออก ที่ผ่านมาบริษัทต้องนำเข้าจากต่างประเทศปีละหลายล้านบาท และบางช่วงเกิดปัญหาสินค้าขาดตลาด ทำให้บริษัทกังวลว่า อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต ดังนั้น จึงเกิดแนวคิดที่จะผลิตน้ำส้มสายชูธรรมชาติด้วยตัวเอง โดยศึกษาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ อย่างโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย(ITAP) นำน้ำที่ใช้ลวกข้าวโพดฝักอ่อนมาพัฒนาเป็นน้ำส้มสายชูจากข้าวโพดฝักอ่อน
“ในกระบวนการผลิตเราต้องลวกข้าวโพกฝักอ่อนกว่า 15 ตันต่อวัน โดยใช้ปริมาณน้ำกว่า 5,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งน้ำที่ใช้ลวกนี้จะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ หากต้องทิ้งไปก็น่าเสียดาย ดังนั้น ผมจึงคิดมาใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์ และคุ้มค่าที่สุด โดยตั้งบริษัทลูก (บ.แอกโกรนิก้า จก.) เพื่อร่วมพัฒนาการผลิตน้ำส้มสายชูธรรมชาติขึ้น เพื่อจะส่งให้บริษัทแม่ใช้ในการหมักข้าวโพดฝักอ่อน พร้อมกับแตกไลน์ธุรกิจใหม่ขายปลีกน้ำส้มสายชูจากข้าวโพดฝักอ่อนควบคู่กันไป”
ประภาส เผยว่า ร่วมมือกับ ITAP เมื่อปี พ.ศ.2548 ตั้งแต่พัฒนาหัวเชื้อน้ำส้มสายชูหมัก ถังหมัก และกระบวนการผลิต โดยใช้งบวิจัยและพัฒนายังไม่รวมค่าเครื่องจักรและโรงงาน กว่า 10 ล้านบาท จนที่สุดได้มาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำส้มสายชูหมักจากข้าวโพดฝักอ่อนรายแรกและรายเดียวในประเทศ
ทั้งนี้ คุณสมบัติเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% ช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค รสชาติหอมอร่อยแตกต่างจากน้ำส้มสายชูในตามท้องตลาดชัดเจน ขณะที่มีคุณค่าโภชนาการสูง เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ 49.39-51.99% ลดคลอเลสเตอรอล และเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารโดยแคลเซียม เป็นต้น
ด้านการตลาด ขณะนี้ผลผลิตน้ำส้มสายชู 70% จะส่งให้บริษัทแม่ นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการหมักข้าวโพดฝักอ่อน เพื่อบรรจุกระเป๋าหรือขวดส่งออกต่างประเทศ ช่วยให้ลดต้นทุนนำเข้าน้ำส้มสายชูปีละ 1.6-1.7 ล้านบาท ส่วนอีก 30% ทำตลาดในประเทศในรูปแบบน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวโพดฝักอ่อนบรรจุขวด ภายใต้แบรนด์ “My garden” เจาะกลุ่มผู้รักสุขภาพ และก้าวต่อไปจะส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยช่องทางการตลาดเวลานี้จะเป็นการขายตรง ในราคาขวดละ 80 บาท (ขนาด310 มิลลิลิตร ) ยอดขาย 6 เดือนแรกของปีนี้ (2552) กว่า 10 ล้านบาท และตั้งเป้ากว่าถึงสิ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
“ผมเชื่อว่าตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพจะโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สามารถคืนเงินลงทุนได้ภายใน 1-2 ปี นอกจากนั้น กระบวนการนี้ยังสามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อีกมากมาย โดยตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า (2553) เราเตรียมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายตัว เช่น เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ และน้ำผลไม้ จาก Corn Cider เป็นต้น” ประภาศ เผย
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคเวลานี้ คือ ปริมาณน้ำส้มสายชูจากข้าวโพดฝักอ่อนที่ผลิตได้ ยังไม่มากพอที่จะรองรับความต้องการในการใช้งาน โดยมีปริมาณผลิตประมาณ 600 ลิตรต่อการหมัก 1 รอบ แต่ละรอบใช้เวลา 7 วัน ดังนั้น วางเป้าหมายไว้ว่าจะพัฒนาให้เพิ่มปริมาณเป็น 2,000 ลิตรต่อรอบ ซึ่งจะช่วยทดแทนการนำเข้าน้ำส้มสายชูจากต่างประเทศได้ทั้งหมด
*********************