บอสใหม่ “เอวอน” ร้อนวิชา ลั่นทวงบัลลังก์แชมป์ขายตรงด้านเครื่องสำอางคืนจากแอมเวย์ ใน 2-4 ปี โฟกัสเพิ่มฐานนักขาย พัฒนาผลิตภัณฑ์ เชื่อ เศรษฐกิจไม่ดี โอกาสทองธุรกิจขายตรง
นางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ประจำเอวอนประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เป้าหมายสำคัญและต้องการทำให้สำเร็จโดยเร็ว คือ การกลับมาเป็นผู้นำธุรกิจขายตรงด้านความงามในกลุ่มเครื่องสำอางอีกครั้งในระยะ 2-4 ปี นับจากนี้ให้ได้ หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา เอวอนเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ ขณะที่ปัจจุบันผู้นำ คือ แอมเวย์
อย่างไรก็ตาม มูลค่ารวมตลาดขายตรง คาดว่า จะมีไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งเป็นธุรกิจขายตรงด้านความงามหรือเครื่องสำอางถึง 20,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีใครเคยสำรวจตัวเลขที่แท้จริง รู้เพียงว่า ผู้นำในตลาดนี้ คือ แอมเวย์ อย่างไรก็ตามใน 2-4 ปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าทำการตลาดเต็มที่เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเซกเมนต์นี้อีกครั้ง โดยเฉพาะในแง่ของรายได้
โดยทางบริษัทได้วางกลยุทธ์หลักไว้ 3 ด้าน คือ 1.เพิ่มจำนวนนักขาย/สมาชิก ให้มีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น 2.การพัฒนาเทคโนโลยี และการนำเข้าสินค้าที่ดีมีคุณภาพเข้ามาตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และ3.การเทรนนิงนักขายให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ แง่ของการเพิ่มฐานนักขายนั้น ล่าสุด เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับโครงการการดำเนินธุรกิจใหม่ ให้มีการเอื้อประโยชน์และสร้างแรงจูงใจให้มีนักขายเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ค่าตอบแทน และตำแหน่งในการขาย พร้อมทั้งมีการปรับราคาในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกและนักขายเอวอนด้วย
ขณะเดียวกัน ในแง่ของสินค้า ปีนี้ทางบริษัทยังเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 100 รายการ ตลอดทั้งปี ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงในปีที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัท เตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่รวมกว่า 10 รายการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Anew กับ Anew Rejuvenate Revitalizing Day Cream, Anew Rejuvenate Revitalizing Night Cream และ Anew Rejuvenate Flash Facial Revitalizing Concentrate และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเมคอัพ กับ Ideal Shade Collection และสุดท้ายกับกลุ่มน้ำหอม อย่าง Unscripted by Patrick Dempsey EDT และ Spotlight EDP
นางวัลลภา กล่าวต่อว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ถือเป็นโอกาสให้ธุรกิจขายตรงมีการเติบโตมากขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ จะเกิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศ สำนักงานใหญ่ของเอวอน แต่ทั้งนี้ เอวอนไม่ได้มีนโยบายเพิ่มในการทำตลาดในภาวะเศรษฐกิจปีนี้ เนื่องจากส่วนหนึ่งมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
ขณะเดียวกัน ประเทศในแถบเซาอีสต์เอเชีย ถือเป็นตลาดที่ธุรกิจขายตรงยังเติบโตได้ และได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกไม่มาก ขณะที่จำนวนประชากรในแต่ละประเทศก็ค่อนข้างสูงและเอื้อให้ธุรกิจขายตรงเติบโต
นางวัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ประจำเอวอนประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เป้าหมายสำคัญและต้องการทำให้สำเร็จโดยเร็ว คือ การกลับมาเป็นผู้นำธุรกิจขายตรงด้านความงามในกลุ่มเครื่องสำอางอีกครั้งในระยะ 2-4 ปี นับจากนี้ให้ได้ หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา เอวอนเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ ขณะที่ปัจจุบันผู้นำ คือ แอมเวย์
อย่างไรก็ตาม มูลค่ารวมตลาดขายตรง คาดว่า จะมีไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งเป็นธุรกิจขายตรงด้านความงามหรือเครื่องสำอางถึง 20,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีใครเคยสำรวจตัวเลขที่แท้จริง รู้เพียงว่า ผู้นำในตลาดนี้ คือ แอมเวย์ อย่างไรก็ตามใน 2-4 ปีนี้ บริษัทจะเดินหน้าทำการตลาดเต็มที่เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเซกเมนต์นี้อีกครั้ง โดยเฉพาะในแง่ของรายได้
โดยทางบริษัทได้วางกลยุทธ์หลักไว้ 3 ด้าน คือ 1.เพิ่มจำนวนนักขาย/สมาชิก ให้มีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น 2.การพัฒนาเทคโนโลยี และการนำเข้าสินค้าที่ดีมีคุณภาพเข้ามาตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และ3.การเทรนนิงนักขายให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ แง่ของการเพิ่มฐานนักขายนั้น ล่าสุด เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับโครงการการดำเนินธุรกิจใหม่ ให้มีการเอื้อประโยชน์และสร้างแรงจูงใจให้มีนักขายเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ค่าตอบแทน และตำแหน่งในการขาย พร้อมทั้งมีการปรับราคาในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกและนักขายเอวอนด้วย
ขณะเดียวกัน ในแง่ของสินค้า ปีนี้ทางบริษัทยังเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 100 รายการ ตลอดทั้งปี ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงในปีที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัท เตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่รวมกว่า 10 รายการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Anew กับ Anew Rejuvenate Revitalizing Day Cream, Anew Rejuvenate Revitalizing Night Cream และ Anew Rejuvenate Flash Facial Revitalizing Concentrate และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเมคอัพ กับ Ideal Shade Collection และสุดท้ายกับกลุ่มน้ำหอม อย่าง Unscripted by Patrick Dempsey EDT และ Spotlight EDP
นางวัลลภา กล่าวต่อว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ถือเป็นโอกาสให้ธุรกิจขายตรงมีการเติบโตมากขึ้น อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ จะเกิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศ สำนักงานใหญ่ของเอวอน แต่ทั้งนี้ เอวอนไม่ได้มีนโยบายเพิ่มในการทำตลาดในภาวะเศรษฐกิจปีนี้ เนื่องจากส่วนหนึ่งมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
ขณะเดียวกัน ประเทศในแถบเซาอีสต์เอเชีย ถือเป็นตลาดที่ธุรกิจขายตรงยังเติบโตได้ และได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกไม่มาก ขณะที่จำนวนประชากรในแต่ละประเทศก็ค่อนข้างสูงและเอื้อให้ธุรกิจขายตรงเติบโต