สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย จับมือกลุ่มบริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง เซอร์วิสเซส-ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค เซ็น MOU เดินหน้ายกระดับการรับรองมาตรฐานการผลิตอาหารฮาลาลขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มั่นใจช่วยสร้างความเชื่อถือยอมรับได้ทั้งกลุ่มคู่ค้าและผู้บริโภคทั่วไป พร้อมตั้งเป้าสู่การขยายการรับรองมาตรฐานฮาลาลของไทยจากเดิมจำนวนกว่า 4 หมื่นชนิด เพิ่มเป็น 1.5 แสนชนิด
นายพิทักษ์ สุภนันทการ ผู้อำนวยการภาคพื้นแปซิฟิค สายธุรกิจอาหาร กลุ่มบริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง เซอร์วิสเซส ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ ทดสอบและรับรองคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล กล่าวว่า ปัจจุบันอาหารฮาลาลมีมูลค่าทางการตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของผู้บริโภคในประเทศไทยและกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่เป็นประชากรมุสลิมอาศัยอยู่ ซึ่งมีประชากรรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 1,700 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณกว่า 25% ของประชากรโลกทั้งหมด จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการอาหารไทยจำเป็นที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆ รวมถึงความละเอียดอ่อนของผู้บริโภคมุสลิม
“อาหารฮาลาลเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตลาดหลักๆยังคงเป็นเอเชียและตะวันออกกลาง แต่ตลาดสินค้าประเภทอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ Consumer goods ก็ได้รับอิทธิพลผลักดันจากตลาดผู้บริโภค อย่างเช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งทำให้ตลาดอาหารฮาลาลได้รับการยอมรับและเติบโตสามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกและซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำต่างๆ การผลักดันมาตรฐานการผลิตอาหารฮาลาลจึงเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การขยายผลไปยังสินค้าหมวดอื่นๆ ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีนานาชาติ” นายพิทักษ์กล่าว
ทั้งนี้ความร่วมมือด้านการรับรองระบบมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย จะป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการผนึกกำลังเพื่อให้มีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล มีระบบมาตรฐานการตรวจรับรองที่ได้รับความเชื่อถือยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะส่งผลดีกับผู้ประกอบการส่งออกอาหารไทยทั้งในแง่มุมของการตลาด การสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์ต่างๆ และที่สำคัญจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของประเทศไทยทั้งหมดในที่สุด
นายพิทักษ์ สุภนันทการ ผู้อำนวยการภาคพื้นแปซิฟิค สายธุรกิจอาหาร กลุ่มบริษัท อินเตอร์เทค เทสติ้ง เซอร์วิสเซส ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ ทดสอบและรับรองคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล กล่าวว่า ปัจจุบันอาหารฮาลาลมีมูลค่าทางการตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของผู้บริโภคในประเทศไทยและกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่เป็นประชากรมุสลิมอาศัยอยู่ ซึ่งมีประชากรรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 1,700 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณกว่า 25% ของประชากรโลกทั้งหมด จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการอาหารไทยจำเป็นที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆ รวมถึงความละเอียดอ่อนของผู้บริโภคมุสลิม
“อาหารฮาลาลเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตลาดหลักๆยังคงเป็นเอเชียและตะวันออกกลาง แต่ตลาดสินค้าประเภทอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ Consumer goods ก็ได้รับอิทธิพลผลักดันจากตลาดผู้บริโภค อย่างเช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งทำให้ตลาดอาหารฮาลาลได้รับการยอมรับและเติบโตสามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกและซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำต่างๆ การผลักดันมาตรฐานการผลิตอาหารฮาลาลจึงเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การขยายผลไปยังสินค้าหมวดอื่นๆ ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีนานาชาติ” นายพิทักษ์กล่าว
ทั้งนี้ความร่วมมือด้านการรับรองระบบมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย จะป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการผนึกกำลังเพื่อให้มีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล มีระบบมาตรฐานการตรวจรับรองที่ได้รับความเชื่อถือยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะส่งผลดีกับผู้ประกอบการส่งออกอาหารไทยทั้งในแง่มุมของการตลาด การสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์ต่างๆ และที่สำคัญจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของประเทศไทยทั้งหมดในที่สุด
