ความเก่าแก่ของชื่อเสียงขนมเปี๊ยะ อ.พนัสนิคม เมื่อครั้งอดีต จากสูตรของผู้เป็นพ่อ เมื่อธุรกิจนี้ตกถึงมือรุ่นลูก ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ และเล็งเห็นอนาคตของขนมเปี๊ยะโบราณเริ่มสูญหายไป คนนิยมบริโภคน้อยลง เนื่องจากรสชาติ และรูปลักษณ์สู้ขนมเปี๊ยะแบบสด ขนาดไม่พอดีคำ ทำให้ทายาทธุรกิจลุกขึ้นมาปรับสูตรเนื้อแป้งและไส้ ให้โดนใจผู้บริโภคมากขึ้น ปั้นแบรนด์ใหม่ “ไม้-ภู-ตะวัน”
จากชื่อของขนมเปี๊ยะจีน “เตียวเฮียบเซ้ง” ขนมเปี๊ยะโบราณ สูตรจากประเทศจีน ขึ้นชื่อของอ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ที่จากเดิมผลิตกันหลายเจ้า แต่ในปัจจุบันได้ล้มหายตายจากกันไป ตามจำนวนของคนเฒ่าคนแก่ ที่นิยมรับประทาน ในขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่หันมานิยมบริโภคแบบสดกันมากขึ้น จากเนื้อแป้งที่นุ่มและหอมกว่า
ดังนั้นเมื่อธุรกิจนี้ตกมาอยู่ในมือของคนวัย 30 ต้นๆ จึงคิดปรับปรุงสูตรเล็กน้อยเอาใจคนกลุ่มใหม่ และหวังขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นขนมเปี๊ยะโบราณอยู่ของ “นายปภาณ ธนันจิตรา” ที่คลุกคลีอยู่กับขนมเปี๊ยะโบราณมาตั้งแต่เกิด โดยเริ่มเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวด้านการตลาด ทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งในเรื่องการรับประทานขนมเปี๊ยะแบบโบราณที่เริ่มน้อยลง และขนาดของขนมที่ใหญ่เกินไป เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจซื้อ
“ธุรกิจการทำขนมเปี๊ยะโบราณถือว่าเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำมายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งกำลังการผลิตลดลงเรื่อยๆ แต่ต่อมาเมื่อรุ่นลูกคือเจนเนอเรชั่นของพวกเราเข้ามาทำงานด้านนี้ จึงช่วยกันคิดหาจุดขายใหม่ พร้อมกับหาช่องทางการตลาดอื่นๆ หวังขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยในบรรดา 4 พี่น้อง ผม (ปภาณ) จะเป็นผู้ดูแลด้านการตลาด ซึ่งในช่วงแรกได้นำสินค้าไปฝากขายตามแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งซื้อของฝาก เช่น ที่ตลาดหนองมน แต่ก็ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก จึงมุ่งหน้าเข้ากทม. โดยคิดว่าขนมเปี๊ยะในลักษณะนี้คนกรุงเทพฯ คงจะไม่ได้รับประทานบ่อยนัก”
และความคิดดังกล่าว ก็ถือว่าเดินมาถูกทาง หลังจากที่นำสินค้าไปลองขายตามตลาดนัดย่านออฟฟิศต่างๆ ก็ได้รับการตอบรับดี โดยเฉพาะขนมเปี๊ยะชิ้นใหญ่ เนื่องจากเก็บไว้ได้นานหลายวัน และสะดวกในการขนส่ง โดยถุงบรรจุจะเป็นพลาสติกอย่างดี สำหรับซีลสุญญากาศด้วยการอัดก๊าซออกซิเจนเข้าไป เพื่อยืดอายุการเก้บรักษาขนมปี๊ยะได้นานขึ้นประมาณ 2-3 เดือน แต่หากเป็นขนมเปี๊ยะชิ้นเล็กทางร้านจะไม่ซีล เพราะจะใช้ต้นทุนที่สูงกว่า ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงตามไปด้วย โดยราคาในปัจจุบันของขนมเปี๊ยะชิ้นเล็กอยู่ที่ 3 ชิ้น 20 บาท ในขณะที่ชิ้นใหญ่มี 3 ขนาด ราคาอยู่ที่ 25 บาท 60 บาท และ120 บาท (ตามลำดับ)
สำหรับความโดดเด่นของขนมเปี๊ยะ ไม้-ภู-ตะวัน เรียกได้ว่าอยู่ที่เนื้อแป้ง และไส้ของขนม ที่เน้นความสดใหม่ เน้นการนำแป้งค้กมาผสมกับแป้งแบบเดิมเพิ่มความนุ่มของเนื้อแป้งที่จากเดิมลูกค้าจะคุ้นเคยกับขนมเปี๊ยะโบราณที่แป้งแข็ง ฝืดคอ แต่เมื่อทางร้านได้ปรับปรุงสูตรก็ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ไส้ขนมเปี๊ยะมีทั้งหมด 6 ไส้ ได้แก่ ถั่วเหลือง, ฟักล้วน, ถั่ว+ฟัก (ขายดี) , งาดำ, ใบเตย และถั่วแดง ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะเป็นผู้ใหญ่วัยประมาณ 40 ปีขึ้นไป แต่สำหรับในส่วนของขนมเปี๊ยะแบบสดจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมรับประทาน จากจุดขายในเรื่องความนุ่ม หอม จากเทียนอบแบบโบราณ โดยทางร้านได้ทำตู้อบทียนขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อมาตรฐานที่คงที่
นอกจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ไม้-ภู-ตะวัน” จะขึ้นชื่อในเรื่องของขนมเปี๊ยะโบราณแล้ว ยังได้ทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ เสริมด้วย โดยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในการทำขนมเปี๊ยะ เช่น แยมงาดำ แยมจากเมล็ดทานตะวัน และพีนัท บัตเตอร์ (Peanuts Butter) มีจำหน่ายที่ทอปซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้ยังมีขนมบัวหิมะ เค้กถ้วย และเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม ซึ่งจะไม่ได้ทำทุกวัน เน้นผลิตตามออเดอร์
ปัจจุบันขนมเปี๊ยะ “ไม้-ภู-ตะวัน ไม่มีหน้าร้าน เน้นการขายที่จ.ชลบุรี ตามตลาดนัดในกรุงเทพฯ โดยใช้กลยุทธ์การเวียนไปตามที่ต่างๆ และวนกลับมาที่ตลาดนัดเดิม เพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อ ดังนั้นหากใครที่ต้องการลิ้มลองก็ควรที่จะโทรไปสอบถามก่อนว่าขนมจะไปตั้งขายที่ไหน ในวันใดบ้าง เพื่อจะได้ไม่ผิดหวัง
***ติดต่อ 0-2376-2500, 086-522-7500***