“แสงหล้า” เครื่องปั้นดินเผา เน้นดีไซน์สร้างจุดขาย

ถ้านึกถึงเครื่องปั้นดินเผา ต้องนึกถึงแหล่งผลิตที่จังหวัดลำปาง หรือ เชียงใหม่ ซึ่งมีช่างฝีมือการผลิตและดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมรวมถึงวัตถุดิบสำคัญอย่างดินที่มีคุณภาพ ทำให้งานเครื่องปั้นดินเผา ของจังหวัดทางภาคเหนือของไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และมีโรงงานผลิตหลายโรงงาน หนึ่งในนั้น คือ “แสงหล้าเครื่องปั้นดินเผา” ที่กำลังจะกล่าวถึงในวันนี้
นางแสงหล้า เครือสาร เจ้าของ

สำหรับแสงหล้าเครื่องปั้นดินเผาของ “นางแสงหล้า เครือแสง” เป็นโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาขนาดย่อม แต่มีจุดที่น่าสนใจอยู่ที่ฝีมือ และงานดีไซน์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น คือ ชุดน้ำชา ซึ่งได้ส่งเข้าคัดสรรผลิตภัณฑ์โอทอป และได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดโอทอป 3 ดาว ระดับประเทศ ความแตกต่างของเครื่องปั้นดินเผาแสงหล้า อีกอย่างหนึ่ง คือ ทุกขั้นตอนเป็นการทำมือ มีงานเครื่องจักรมาช่วยเพียงเล็กน้อย ทำให้งานออกมาแต่ละชิ้นออกมาไม่เหมือนกันเสียที่เดียว เป็นจุดขายที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ

นางแสงหล้า เล่าว่า เริ่มต้นทำงานเครื่องปั้นดินเผา เมื่อปี 2543 เริ่มจากรับงานมาทำก่อน ยังไม่ได้ทำตลาดเอง แต่ต่อมากลุ่มญาติพี่น้อง ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานโรงงานเซรามิก ก็มีประสบการณ์ การทำงานด้านเซรามิกมาด้วยกันทุกคน และกลับมาคิดว่าพออายุเยอะขึ้น ต่อไปโรงงานเลิกจ้างจะทำอย่างไร จึงลาออกจากงาน และหันมาเปิดโรงงานของตัวเอง ซึ่งเป็นโรงงานขนาดย่อม มีพนักงาน 10 คนเป็นญาติกันทั้งหมด
ชิ้นงานเน้นงานดีไซน์แปลกใหม่

โดยมีสามีซึ่งเรียนจบด้านงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผา มารับทำหน้าที่ในการขึ้นรูปและออกแบบสินค้าทุกตัว ทำให้มีแบบใหม่ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ปัจจุบันมีสินค้าที่ผลิตออกมาทั้งที่ยังผลิตอยู่และเลิกผลิตไปแล้วกว่า 1,000 แบบ ประเภทสินค้าประกอบไปด้วย แจกัน แก้วน้ำ แก้วกาแฟ จาน ชาม เตาน้ำมันหอมระเหย เตาต้ม โคมไฟ ของตกแต่งบ้าน เป็นต้น

“ แบบที่ลูกค้าต่างประเทศให้ความสนใจเป็นพิเศษ เป็นสินค้าในกลุ่มของใช้ เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม ความพิเศษของเครื่องปั้นดินเผาในกลุ่มนี้ คือ ลักษณะจะออกมาเบี้ยวๆ ซึ่งต่อมากลายเป็นสัญลักษณ์ของแก้วน้ำ หรือ จาน ชาม ของเราที่ส่งออกต่างประเทศทุกใบจะต้องเบี้ยว และที่มาของงานปั้นออกมาบิดๆ เบี้ยวๆ เกิดขึ้นจากเมื่อครั้งหนึ่งในช่วงแรก ช่างปั้นออกมา และนำไปเผา งานเกิดเบี้ยวๆ ไม่อยากทิ้งก็เลยนำไปวางขายในลักษณะของสินค้าลดราคา แต่บังเอิญไปตรงใจลูกค้าต่างประเทศ เกิดความชอบ เพราะดูเป็นธรรมชาติของงานทำมือ และเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ ต่อมาก็เลยสั่งทำแบบเบี้ยวๆ มาตลอดจนถึงปัจจุบัน”
ตะเกียงน้ำมันหอมระเหย

ส่วนช่องทางการขายในช่วงเริ่มต้นได้รับความช่วยเหลือจากโครงการของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม นำสินค้าไปร่วมออกงาน และโชว์สินค้าไว้ที่ศูนย์ ฯ ซึ่งเป็นงานเดียวที่เราไปร่วม หลังจากได้นำสินค้าไปโชว์ในงานของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ได้ลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ สัดส่วนของลูกค้าต่างประเทศ ประมาณ 70% ขายในประเทศเพียง 30%

สำหรับลูกค้าต่างประเทศมาจากตัวแทนหรือเทรดเดอร์มารับสินค้าไปจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง โดยได้ลูกค้าประเทศในแถบยุโรป เช่น ประเทศอิตาลี ฯ ส่วนลูกค้าในประเทศมาจากร้านค้ารับไปจำหน่ายเช่นกัน เช่น ร้านค้าในสวนจตุจักร ซึ่งรูปแบบเกือบทั้งหมดเป็นงานที่เราออกแบบเอง และลูกค้าเลือกทำตามแบบที่เราออกแบบไว้ ส่วนของงานสั่งทำตามแบบก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นงานชิ้นใหญ่
ขั้นตอนการวาดก่อนนำไปเผา

ส่วนรายได้ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณเดือนละ 100,000 บาท ถึง 200,000 บาท รายได้ในช่วงแรกเริ่มทำเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมารายได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะยังไม่เป็นรู้จักของลูกค้ามากนัก แต่ต่อมาลูกค้าเริ่มเห็นชิ้นงานของเรา และมีการแจกนามบัตร ลูกค้าเริ่มเข้ามามากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าประจำกัน และมีการบอกกันแบบปากต่อปาก สินค้าของเราเน้นงานดีไซน์ และราคาไม่แพงมาก

“แต่ในระยะหลัง โดยเฉพาะปีนี้ออร์เดอร์หายไปเยอะมาก เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับลูกค้าหันไปซื้อสินค้าจากตลาดจีน ซึ่งผลิตสินค้าได้ราคาถูกกว่า ซึ่งเราไม่สามารถลงไปแข่งเรื่องราคาตรงนั้น หันมาเน้นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพและดีไซน์ที่แปลกใหม่ ทำให้ยังรักษาลูกค้าเก่าได้บ้างส่วน”

สินค้าที่ผ่านการวาดลายก่อนนำไปเผา

นอกจากนี้ หันพัฒนาเรื่องการผลิต เพื่อจะได้เป็นหนทางหนึ่งในการช่วยลดต้นทุนในเรื่องของการผลิตลงได้บ้าง ล่าสุด ได้ทำการซ่อมเตาเผาที่เสีย เพื่อให้สามารถมีเตาเผาเพิ่มรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้น และเตาที่ดีช่วยประหยัดต้นทุนพลังงานในการเผาลงได้ โดยได้มีการทำเรื่องขอกู้เงินจาก ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จำนวน 200,000 บาท เพื่อนำมาซ่อมเตาเผา และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
แจกันเลียนแบบงานไม้