ความจำเจ ขายแต่สินค้าเดิมๆ จนตลาดเริ่มตัน จากคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้น ลูกค้าเริ่มเบื่อสินค้าที่มีฟังก์ชั่นเดิมๆ อย่างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหม อย่าง หมอน กล่องใส่ทิชชู ที่บูมมากเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว แต่ในปัจจุบันความนิยมเริ่มลดลง ส่งให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวตามไปด้วย เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ อย่างแบรนด์ “Vaniche” (วานิชชี่) ที่ปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีการหยุดชะงักไปตามภาวะเศรษฐกิจ
สายพิณ วาณิชย์มงคล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วาณิชชี่ย์ จำกัด เล่าว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวที่พี่น้อง 4 คนช่วยกัน และเป็นความโชคดีที่แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นความได้เปรียบที่ความถนัดของแต่ละคนผสมผสานกันได้อย่างลงตัวกับธุรกิจแบรนด์ Vaniche ที่ใช้นามสกุลมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์นั่นเอง อย่าง ไอเดียการออกแบบสินค้า การทำบัญชี ในขณะที่การพรีเซนต์สินค้า ทำการตลาดจะตกอยู่ที่ สายพิณ หรือ เปิ้ล ที่รับหน้าที่นำเสนอสินค้าให้เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ
หากย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ที่แล้ว Vaniche ได้ผลิตสินค้าที่ใช้ผ้าไหมเป็นวัตถุดิบหลัก ที่ถือเป็นวัตถุดิบในท้องถิ่นที่หาได้ง่ายในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงในขณะนั้นคนไทยหันมาชื่นชอบสินค้าที่มีผ้าไหมเป็นส่วนประกอบด้วย อย่าง หมอนผ้าไหม กล่องใส่ทิชชู โดยส่วนใหญ่จะเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานในลักษณะของตกแต่งและของใช้ภายในบ้านเป็นหลัก
แต่ต่อมาเมื่อสินค้าจากประเทศที่มีต้นทุนในเรื่องแรงงานถูกกว่า อย่าง ประเทศจีน อินเดีย ได้เข้ามาตีตลาดสินค้าตกแต่งบ้านของไทยมากขึ้น ทำให้ครอบครัววาณิชย์มงคล เริ่มมองเห็นปัญหาในอนาคตที่อาจจะส่งผลกระทบกับยอดขายสินค้าเดิม ประกอบกับในช่วงนั้นคนไทยลดความนิยมในสินค้าประเภทผ้าไหมลดลง ดังนั้นการหาสินค้าที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ความได้เปรียบที่ Vaniche เป็นทั้งผู้ผลิตสินค้าละจำหน่ายเองด้วย ทำให้มีเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการทำงานเกี่ยวกับผ้าอย่างครบครัน ทำให้หากปรับเปลี่ยนสินค้าที่ไม่ทิ้งงานผ้า ก็คล่องตัวขึ้น ขอเพียงคิดออกแบบสินค้าใหม่ๆ ก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้แล้ว
ประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ได้เห็นเทรนด์สินค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตุ๊กตาผ้าที่ดูแล้วน่าจะเป็นชิ้นงานที่ไม่แตกต่างจากการเย็บหมอนผ้าไหมมากนัก จึงเริ่มออกแบบตุ๊กตาเป็นตัวสัตว์ต่างๆ โดยอาศัยการศึกษาจากในเว็บไซต์ แล้วนำมาปรับรูปลักษณ์ให้ดูน่ารักขึ้น พร้อมทั้งทำแพทเทอร์น ซึ่งในช่วงแรกที่ปรับเปลี่ยนมาเป็นตุ๊กตาสัตว์ ก็ยังไม่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากนัก ด้วยรูปลักษณ์ที่ยังไม่ดึงดูดใจ ดูไม่แตกต่างจากสินค้าที่มีขายทั่วไปมากนัก ทำให้เปิ้ล ผู้รับหน้าที่ขายสินค้า พยามยามหาเอกลักษณ์ให้กับตุ๊กตาของตนเอง เพื่อการขายที่ง่ายขึ้น และโดนใจลูกค้า ด้วยการใส่เรื่องราวตามจินตนาการของตนเองลงไปในสินค้า พร้อมกับการตั้งชื่อตุ๊กตาลงไปเสร็จสรรพ อย่าง ตุ๊กตาแกะ มีชื่อว่า Marion มีอาชีพเป็นล่าม สามารถพูดได้ 7 ภาษา โดยอาศัยอยู่ในป่า เป็นต้น
ปัจจุบัน ตุ๊กตาสัตว์ของ Vaniche มีทั้งหมด 9 ตัวคือ ช้าง นกฮูก แกะ สุนัข แมว หมู กวาง กระต่าย และปลา ซึ่งนอกจากจะทำเป็นตุ๊กตาแล้ว ทางร้านยังเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานอีกด้วย เช่น พวงกุญแจ กระเป๋า ตลับเมตร ในขณะที่ล่าสุดได้ผลิตงานผ้าออกมาในรูปของขนม เช่น แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนด์ฟราย เครื่องดื่ม ไอศกรีม แซนด์วิช ซูชิ ที่ต่อยอดเป็นพวงกุญแจ แม่เหล็ก (Magnet) กล่องใส่ของ และหมอนปักเข็ม เป็นต้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่ที่นิยมนำไปตกแต่งบ้านเพิ่มความน่ารักและสีสันให้กับบ้าน
นอกจากนี้ทาง Vaniche ยังได้มีการนำสะดึง มาทำเป็นงานปัก เพื่อใช้เป็นบอร์ดสำหรับติดกระดาษโน๊ต สร้างความเก๋ไก๋ให้กับบ้านอีกทางหนึ่ง ซึ่งสินค้าของทางร้านจะเน้นการผลิตตามออร์เดอร์ และจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ในโซนของ Be Trend และ Zeen Zone หวังให้สินค้าเป็นที่รู้จักในหมู่ของวัยรุ่นและคนทำงาน
แม้ไม่รู้วันข้างหน้าสินค้าที่ตนเองพยายามปรับเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจจะมาถึงทางตันเหมือนกับหมอนผ้าไหมหรือไม่ แต่ก็ถือเป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการที่ดี ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองคงวามต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเป็นสัจธรรมของทุกธุรกิจที่ควรนำมาเป็นแบบอย่างเพื่อความยั่งยืนของภาคธุรกิจเอสเอ็มอีไทย
***สนใจติดต่อ 05-3262-786, 05-3266-265 (เชียงใหม่), 0-2639-8177 หรือที่ www.vaniche.com***
