สมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดของสินค้าเพื่อสุขภาพ เตรียมนำสินค้าเกษตรอินทรีย์ ร่วมงาน THAIFEX – World of food ASIA 2009 มั่นใจทั่วโลกยังต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ สะอาด ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ยืนยันตัวเลขตลาดขยายตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
นายวัลลภ พิซญ์พงศ์ศา นายกสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ ได้รวบรวมผู้ประกอบการสินค้าเกษตรอินทรีย์ ทั้งในส่วนของผู้ผลิต ผู้รวบรวม ผู้แปรรูปและผู้ส่งออกรายใหญ่ของเมืองไทย นำสินค้าที่ผลิตโดยผ่านกระบวนการตามขั้นตอนของสหพันธ์สินค้าอินทรีย์ระหว่างประเทศ หรือ IFOAM มาจัดแสดงและจำหน่าย ในงาน THAIFEX – World of food ASIA 2009 ระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคม 2552 ที่อาคาร ชาเลนเจอร์ 2-3 เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารระดับนานาชาติที่เปิดโอกาสทางด้านการค้าให้กับผู้ประกอบการอย่างครบวงจร
“สินค้าเกษตรอินทรีย์มีข้อได้เปรียบและโอกาสในการหาตลาดใหม่ๆ มากกว่าสินค้ากลุ่มอื่น คนหันมาบริโภคอาหารที่ผ่านการผลิตที่มีสุขอนามัยและไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ขยายตัวสูงขึ้น โดยในปี 2551 ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกมีมูลค่าสูงกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 10 ต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตภายในของแต่ละประเทศกลับขยายตัวไม่พอเพียงกับปริมาณความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายวัลลภ กล่าว
ทั้งนี้ นายกสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถด้านการผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ว่า การจะสร้างความได้เปรียบในตลาดโลกนั้น ต้องเริ่มจากการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็งของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างมาตรฐานการผลิตสินค้าให้ได้ตามระดับสากลและเพิ่มอำนาจต่อรองทางการตลาด
ขณะเดียวกันภาครัฐก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้กับผู้ประกอบการ ฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับตลาด การควบคุมต้นทุนแก่ผู้ผลิต ผู้รวบรวม ผู้แปรรูปและ ผู้ส่งออก สนับสนุนระบบการผลิตให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนส่งเสริมให้มีการนำสินค้าเกษตรอินทรีย์ออกไปจัดแสดงและจำหน่ายในงานแสดงสินค้าอาหารระดับนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และขยายตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้กว้างขวางขึ้น
นายวัลลภ พิซญ์พงศ์ศา นายกสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ ได้รวบรวมผู้ประกอบการสินค้าเกษตรอินทรีย์ ทั้งในส่วนของผู้ผลิต ผู้รวบรวม ผู้แปรรูปและผู้ส่งออกรายใหญ่ของเมืองไทย นำสินค้าที่ผลิตโดยผ่านกระบวนการตามขั้นตอนของสหพันธ์สินค้าอินทรีย์ระหว่างประเทศ หรือ IFOAM มาจัดแสดงและจำหน่าย ในงาน THAIFEX – World of food ASIA 2009 ระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคม 2552 ที่อาคาร ชาเลนเจอร์ 2-3 เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารระดับนานาชาติที่เปิดโอกาสทางด้านการค้าให้กับผู้ประกอบการอย่างครบวงจร
“สินค้าเกษตรอินทรีย์มีข้อได้เปรียบและโอกาสในการหาตลาดใหม่ๆ มากกว่าสินค้ากลุ่มอื่น คนหันมาบริโภคอาหารที่ผ่านการผลิตที่มีสุขอนามัยและไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ขยายตัวสูงขึ้น โดยในปี 2551 ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกมีมูลค่าสูงกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีอัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 10 ต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตภายในของแต่ละประเทศกลับขยายตัวไม่พอเพียงกับปริมาณความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายวัลลภ กล่าว
ทั้งนี้ นายกสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถด้านการผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ว่า การจะสร้างความได้เปรียบในตลาดโลกนั้น ต้องเริ่มจากการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็งของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างมาตรฐานการผลิตสินค้าให้ได้ตามระดับสากลและเพิ่มอำนาจต่อรองทางการตลาด
ขณะเดียวกันภาครัฐก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้กับผู้ประกอบการ ฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับตลาด การควบคุมต้นทุนแก่ผู้ผลิต ผู้รวบรวม ผู้แปรรูปและ ผู้ส่งออก สนับสนุนระบบการผลิตให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนส่งเสริมให้มีการนำสินค้าเกษตรอินทรีย์ออกไปจัดแสดงและจำหน่ายในงานแสดงสินค้าอาหารระดับนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และขยายตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้กว้างขวางขึ้น