มท.เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ กับสินค้าโอทอป ลุยจัดงานย่านถนนสายเศรษฐกิจในกลางกรุง เอาในนักชอป นักชิม ผู้มีกำลังซื้อสูง จับมือ 7 ห้างดัง ใช้พื้นที่จัดงาน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น ฟุ้งงานโอทอปปีนี้ประหยัดงบฯ รัฐ ได้สูงถึง 60 ล้านบาท เตรียมโชว์ศักยภาพสินค้าภูมิปัญญาไทย 27 มี.ค.-5 เม.ย. นี้
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการจัดงาน OTOP Festival in the city 2009 หรืองานปรากฏการณ์ภูมิปัญญาไทย กลางใจเมือง โอทอป ไทยช่วยไทย ว่า การจัดงานครั้งนี้ถือว่าการนำสินค้าโอทอปของไทย ไปยังแหล่งผู้ที่มีอำนาจการซื้อสูงสุด หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสถานที่จัดงานบริเวณศูนย์การค้าทั้ง 7 แห่ง บนถนนสายเศรษฐกิจในกรุงเทพฯ หรือชอปปิ้งสตรีท คือ เริ่มตั้งแต่ถนนสุขุมวิททอดยาวไปถึงถนนพระราม 1 คือ สนามศุภชลาศัย ที่เน้นการจัดงานด้านความบันเทิง ทั้งคอนเสิร์ต และการแสดงแสงเสียง เสียง สื่อผสม ชุด มรดกวัฒนธรรมสู่ปรากฎการณ์ภูมิปัญญาไทย รวมถึงการจัดมหกรรมชิม ชม ชอป สินค้าโอทอป 4 ภาค รวม 2,500 ร้านค้า ได้แก่ สินค้าประเภทหัตถกรรม ศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้และของประดับตกแต่ง สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร
ในขณะที่พื้นที่ศูนย์การค้าชั้นนำทั้ง 7 แห่ง รวม 800 ร้านค้า ได้แก่ ศูนย์การค้ามาบุญครอง จำหน่ายสินค้าประเภทอาหารแห้งและเครื่องดื่ม เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เครื่องจักสาน, สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ จำหน่ายสินค้าประเภทเสื้อผ้า และเครื่องจักสาน, ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ จำหน่ายสินค้าประเภทแฟชั่น และเครื่องประดับ, ศูนย์การค้าสยามพารากอน จำหน่ายสินค้าประเภท อาหารแห้งและเครื่องดื่ม หัตถกรรม เครื่องปั้นดินเผา เซรามิค เครื่องจักสาน ดอกไม้ประดิษฐ์, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จำหน่ายของที่ระลึก ของตกแต่งบ้าน ผลิตภัณฑ์สปา ศิลปะประดิษฐ์ ของจิ๋ว หัวโขน เครื่องแก้ว ถ้วยชามเบญจรงค์ และผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย, ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า จำหน่านสินค้าประเภทแฟชั่นและของตกแต่งบ้าน และห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มโพเรียม จำหน่ายสินค้าด้านงานหัตถกรรมไม้แกะสลัก เครื่องเงิน ดอกไม้ประดิษฐ์ ในขณะที่จัดแสดงวัฒนธรรม 4 ภาค ในหมู่บ้านโอทอป 4 ภาค (OTOP Village) ใช้อุทยานเบญจสิริ เป็นสถานที่จัดงาน
“การจัดงานในครั้งนี้จะเน้นให้ที่ประชาชน หรือผู้ที่มีกำลังซื้อสูงเป็นหลัก ซึ่งทางกระทรวงยังคงใช้พื้นที่ทั้งหมดโดยรวมไม่น้อยกว่าการจัดงานที่อิมแพคเมืองทองธานี แต่สามารถประหยัดงบประมาณในการจัดงานครั้งนี้ไปได้ถึง 60 ล้านบาท โดยเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้าน และเป็นการเปิดตลาดสินค้าโอทอปของไทยไปสู่ชาวต่างชาติให้รู้จักมากขึ้น เพราะพื้นที่จัดงานทั้งหมดเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาเลือกซื้อสินค้าเป็นประจำอยู่แล้ว” รมว.มหาดไทยกล่าว
ด้านนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการประตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง โดยนำสินค้าไปสู่มือผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงโดยตรง และตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการจัดงานในช่วงระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-5 เม.ย. นี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมคือการที่ภาครัฐฯ ปล่อยเช็ค 2,000 บาท สู่มือประชาชน และผู้ที่จะซื้อของขวัญ ของฝากในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ที่คาดว่าจะประชาชนจะเข้ามาเลือกซื้อสินค้าในงานโอทอปครั้งนี้ ดังนั้นการจัดงานในครั้งนี้ถือว่ามีความพร้อม และเหมาะสมในทุกๆ ด้าน ที่ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคจะได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกในราคาที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้
