สสว.เผยผลการศึกษา OECD กระทบปล่อยสินเชื่อSMEs จี้รัฐ เร่งแก้

สสว. เผยผลการศึกษาเบื้องต้นของ OECD พบอัตราการปล่อยสินเชื่อแก่ SMEs ลดลง โดยหลักเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อแก่ SMEs กลับเข้มงวดขึ้น โดยธนาคารทั่วโลกมักให้บริการสินเชื่อแก่ SMEs ที่มีเครดิตดีเท่านั้น พร้อมเสนอมาตรการฟื้นฟูกิจการและเร่งแก้ปัญหาสภาพคล่อง ด้วยบริการสินเชื่อสำหรับ SMEs การส่งเสริมนวัตกรรม และการพัฒนาบุคลากรในกิจการ

นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สสว. เป็นตัวแทนของประเทศไทย เข้าร่วมประชุมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development) หรือ OECD ที่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจากเข้าประชุมดังกล่าว ทำให้ทราบว่า ธนาคารและสถาบันการเงิน จะให้บริการสินเชื่อแก่ SMEs ที่ได้รับการจัดลำดับทางการเงินสูงก่อน SMEs ที่ได้รับการจัดลำดับทางการเงินต่ำ เช่น สินเชื่อสำหรับ Blue – Ship SMEs เนื่องจากความเสี่ยงในการไม่ชำระหนี้ของผู้กู้มีสูงขึ้น และแหล่งเงินทุนต่างประเทศลดน้อยลง จึงส่งผลให้ธนาคารในบางประเทศของสมาชิก OECD ลดการให้บริการสินเชื่อ รวมถึงลดการลงทุนโดยกองทุนร่วมทุน

สำหรับมาตรการภาครัฐของเหล่าประเทศสมาชิก OECD ที่ออกมาเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติการเงินนั้น ทั้ง 21 ประเทศ ได้ 3 ประเภท คือ 1. มาตรการกระตุ้นการบริโภค เช่น นโยบายการลดภาษีนิติบุคคล 2. มาตรการการระดมทุนของธนาคาร เพื่อขยายการให้บริการสินเชื่อสำหรับ SMEs และ 3. มาตรการด้านตลาดแรงงาน เช่น การลดภาษีเงินได้ สำหรับประเทศพัฒนาแล้วอย่าง ออสเตรีย ฟินแลนด์ เยอรมนี ฮังการี อิตาลี ญี่ปุ่น และสเปน ได้อัดฉีดเงินทุนแก่ธนาคารพาณิชย์เพื่อเพิ่มการให้บริการสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อแก่ SMEs รวมถึงสนับสนุนสถาบันการเงินให้ร่วมลงทุนกับกิจการ SMEs ด้วย

นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่คาดหวังให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐตกไปสู่กลุ่มธุรกิจยานยนต์ พลังงาน สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และคลัสเตอร์สำคัญต่างๆ ของ SMEs เพื่อจะช่วยเสริมสภาพคล่อง และในบางประเทศก็ได้จัดตั้งศูนย์ Hotline เพื่อให้คำปรึกษาแก่ SMEs โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ดีที่ประชุม OECD มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับรัฐบาล ธนาคารและสถาบันการเงิน รวมถึงผู้ประกอบการว่าจะต้องฟื้นฟู SMEs ด้วยการส่งเสริมนวัตกรรมการผลิต และลอจิสติกส์ พร้อมกับส่งเสริมการทำกิจกรรมสนับสนุนผู้ประกอบการ และพัฒนาศักยภาพแรงงานและทรัพยากรบุคคลในกิจการ โดยที่ประชุม OECD เสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการเพื่อขจัดปัญหาด้านสภาพคล่องของ SMEs เช่น การลดภาษีและการขยายเวลาการชำระหนี้ รวมถึงส่งเสริมการตั้งธนาคารชุมชนและให้บริการสินเชื่อแก่วิสาหกิจขนาดจิ๋ว

นอกจากนี้ ภาครัฐควรพิจารณาสินเชื่อแฟคทอริ่ง เพื่อแก่ปัญหาขาดทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ เนื่องจากเงินทุนส่วนใหญ่ไปจมอยู่ในส่วนของลูกหนี้การค้า และภาครัฐควรออกมาตรการที่เอื้อต่อการตรวจสอบ ขนาด ประเภท และสัดส่วนของสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติจากธนาคาร เพื่อความโปร่งใสและคล่องตัวในการให้บริการสินเชื่อ รวมถึงควรพิจารณาลงทุนโดยภาครัฐเพื่อทดแทนสัดส่วนการลงทุนจากภาคเอกชนที่ลดน้อยลง

ในส่วนของข้อเสนอสำหรับธนาคารนั้น ที่ประชุม OECD เห็นว่าธนาคารควรจัดตั้งช่องทางพิเศษสำหรับ SMEs (Special Finance Window) และสร้างความร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการพัฒนาธุรกิจเพื่อช่วย SMEs บริหารสภาพคล่อง และที่ประชุม OECD ได้เสนอแนะให้ SMEs ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ สมาคมส่งเสริม SMEs เพื่อยกระดับกิจการตนเองเข้าไปสู่ระบบห่วงโซ่คุณค่าของโลก (Global Value Chain) นอกจากนี้ SMEs ควรมีการประสานงานกับสมาคมส่งเสริมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบข่าวสารและความเคลื่อนไหวด้าน SMEs ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที