กทบ. เตรียมคลอดแบรนด์การันตีคุณภาพสินค้าและบริการที่ผลิตจากหมู่บ้านและชุมชน ตั้งเป้าปีนี้ กว่า 7,000 รายการได้ติดแบรนด์ ระบุดำเนินการควบคู่กับการส่งเสริมโอทอป โดยจะเน้นการต่อยอดภูมิปัญญาไทย
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) เปิดเผยว่า กทบ.อยู่ระหว่างหารือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อจดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า กทบ. สำหรับสินค้าและบริการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ โดยรับรองว่าสินค้าและบริการที่ผลิตจากหมู่บ้านและชุมชนที่ได้รับเครื่องหมายการค้า กทบ.นั้น เป็นสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพได้มาตรฐาน และผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างถูกต้อง ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2552 จะมีสินค้าและบริการจากหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศกว่า 7,000 รายการ ที่ได้รับเครื่องหมายการค้า กทบ. หรืออย่างน้อยตำบลละ 1 ชิ้น เพื่อเป็นตัวอย่างนำร่องก่อนนำไปสู่สินค้าและบริการอื่น ๆ
นายนที เผยต่อว่า การติดตราเครื่องหมายการค้าของ กทบ. ครั้งนี้ เป็นการดำเนินการควบคู่ไปกับสินค้าโอทอปที่แต่ละหมู่บ้านและชุมชนดำเนินการอยู่แล้ว โดยไม่ได้เป็นการแข่งขัน แต่ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเข้มแข้งมากยิ่งขึ้น
สำหรับกระบวนการสร้างมาตรฐานของสินค้าและบริการของ กทบ. จะคัดเลือกตัวแทนของหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศจำนวน 80,000 แห่ง ๆ ละ 1 คน รวม 80,000 คน เพื่อเข้ามารับการฝึกอบรมและพัฒนากระบวนการรับรองว่าการจะทำให้สินค้าและบริการได้รับเครื่องหมายรับรองนั้น ต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อนำไปปรับใช้ในหมู่บ้านและชุมชน ก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่รับรองการให้ตราสินค้าต่อไป
ด้าน นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล กทบ. กล่าวว่า การสร้างแบรนด์ กทบ. จะแตกต่างจากสินค้าโอทอป เพราะไม่เน้นการแข่งขัน แต่เป็นการพัฒนาแบบคู่ขนานและเน้นต่อยอดภูมิปัญญาชาวบ้านให้มากขึ้น พร้อมทั้งหาตลาดใหม่ ๆ ให้ชาวบ้านสามารถมีตราสินค้าเป็นของตนเอง และในอนาคตถึงขั้นจดทะเบียนสินค้าบางอย่างได้ รวมทั้งต้องสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้น โดยต้องคิดให้ไกลและมีเป้าหมาย และสร้างฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) เปิดเผยว่า กทบ.อยู่ระหว่างหารือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อจดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า กทบ. สำหรับสินค้าและบริการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ โดยรับรองว่าสินค้าและบริการที่ผลิตจากหมู่บ้านและชุมชนที่ได้รับเครื่องหมายการค้า กทบ.นั้น เป็นสินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพได้มาตรฐาน และผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างถูกต้อง ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2552 จะมีสินค้าและบริการจากหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศกว่า 7,000 รายการ ที่ได้รับเครื่องหมายการค้า กทบ. หรืออย่างน้อยตำบลละ 1 ชิ้น เพื่อเป็นตัวอย่างนำร่องก่อนนำไปสู่สินค้าและบริการอื่น ๆ
นายนที เผยต่อว่า การติดตราเครื่องหมายการค้าของ กทบ. ครั้งนี้ เป็นการดำเนินการควบคู่ไปกับสินค้าโอทอปที่แต่ละหมู่บ้านและชุมชนดำเนินการอยู่แล้ว โดยไม่ได้เป็นการแข่งขัน แต่ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเข้มแข้งมากยิ่งขึ้น
สำหรับกระบวนการสร้างมาตรฐานของสินค้าและบริการของ กทบ. จะคัดเลือกตัวแทนของหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศจำนวน 80,000 แห่ง ๆ ละ 1 คน รวม 80,000 คน เพื่อเข้ามารับการฝึกอบรมและพัฒนากระบวนการรับรองว่าการจะทำให้สินค้าและบริการได้รับเครื่องหมายรับรองนั้น ต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อนำไปปรับใช้ในหมู่บ้านและชุมชน ก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่รับรองการให้ตราสินค้าต่อไป
ด้าน นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล กทบ. กล่าวว่า การสร้างแบรนด์ กทบ. จะแตกต่างจากสินค้าโอทอป เพราะไม่เน้นการแข่งขัน แต่เป็นการพัฒนาแบบคู่ขนานและเน้นต่อยอดภูมิปัญญาชาวบ้านให้มากขึ้น พร้อมทั้งหาตลาดใหม่ ๆ ให้ชาวบ้านสามารถมีตราสินค้าเป็นของตนเอง และในอนาคตถึงขั้นจดทะเบียนสินค้าบางอย่างได้ รวมทั้งต้องสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้น โดยต้องคิดให้ไกลและมีเป้าหมาย และสร้างฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
