“ประดิษฐ์” สั่งเอสเอ็มอีแบงก์เดินหน้าปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ล่าสุด มีผู้ขอสินเชื่อแล้วกว่า 2,784 ล้านบาท ธนาคารอนุมัติแล้วกว่า 26 ราย ชี้เตรียมนำเรื่องเข้าครม.พิจารณาปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เอสเอ็มอี ภายในวันที่ 9 ธันวาคม นี้
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาการเมืองไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าโครงการต่าง ๆ ด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอสเอ็มอี พาวเวอร์โดยรัฐบาลยังเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการ 637 รายจากทั่วประเทศได้ติดต่อธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการเอสเอ็มอีเพาเวอร์ นับตั้งแต่เปิดโครงการตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ขอสินเชื่อดังกล่าวเข้ามา คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 2,784 ล้านบาท และธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 26 ราย
นอกจากนี้ยังได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงเอสเอ็มอีแบงก์ทำงานอย่างรวดเร็วและให้ลดขั้นตอนการยื่นขอสินเชื่อของผู้ประกอบการ เพื่อให้มีความรวดเร็วมากขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หากเอสเอ็มอีรายใดมีผลประกอบการที่ดี แต่ประสบปัญหาสภาพคล่องเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เอสเอ็มอีแบงก์ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อนำไปใช้ขยายโครงการ และยกระดับผลผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“สาเหตุสำคัญที่ต้องให้รัฐบาลช่วยเหลือแก่เอสเอ็มอีอย่างรวดเร็ว เพราะภาคธุรกิจเอสเอ็มอีทำให้เกิดการจ้างงานรวมกันกว่า 8.9 ล้านตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 77 ของตำแหน่งงานที่เกิดจากวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งมากกว่าตำแหน่งงานที่บริษัทขนาดใหญ่จ้างถึงกว่า 3 เท่าตัว และธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าการผลิตคิดเป็นร้อยละ 40 ของจีดีพีรวมทั้งหมดของประเทศ และมีสัดส่วนร้อยละ 30 ของยอดการส่งออกของประเทศ หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านบาท โดยส่งออกไปยังตลาดสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐ ผมจึงต้องให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีเป็นอย่างมาก เพื่อให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีความเจริญก้าวหน้าในภาวะที่เศรษฐกิจมีความเปลี่ยนแปลง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
นายประดิษฐ์ คาดว่าภายในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้เอสเอ็มอีและผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อรองรับวิกฤตการเงินโลกและสถานการณ์การเมือง หลังจากภาคธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางกระทรวงการคลังเห็นว่า ต้องเดินหน้าโครงการดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขณะนี้ สำหรับงบประมาณสินเชื่อที่จะปล่อยให้เอสเอ็มอี ได้เตรียมหารือกับนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะว่าอัตราที่เหมาะสมในการปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีจะอยู่ที่เท่าไร ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาการเมืองไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าโครงการต่าง ๆ ด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอสเอ็มอี พาวเวอร์โดยรัฐบาลยังเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการ 637 รายจากทั่วประเทศได้ติดต่อธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการเอสเอ็มอีเพาเวอร์ นับตั้งแต่เปิดโครงการตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ขอสินเชื่อดังกล่าวเข้ามา คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 2,784 ล้านบาท และธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 26 ราย
นอกจากนี้ยังได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงเอสเอ็มอีแบงก์ทำงานอย่างรวดเร็วและให้ลดขั้นตอนการยื่นขอสินเชื่อของผู้ประกอบการ เพื่อให้มีความรวดเร็วมากขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หากเอสเอ็มอีรายใดมีผลประกอบการที่ดี แต่ประสบปัญหาสภาพคล่องเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ เอสเอ็มอีแบงก์ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อนำไปใช้ขยายโครงการ และยกระดับผลผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“สาเหตุสำคัญที่ต้องให้รัฐบาลช่วยเหลือแก่เอสเอ็มอีอย่างรวดเร็ว เพราะภาคธุรกิจเอสเอ็มอีทำให้เกิดการจ้างงานรวมกันกว่า 8.9 ล้านตำแหน่ง คิดเป็นร้อยละ 77 ของตำแหน่งงานที่เกิดจากวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งมากกว่าตำแหน่งงานที่บริษัทขนาดใหญ่จ้างถึงกว่า 3 เท่าตัว และธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าการผลิตคิดเป็นร้อยละ 40 ของจีดีพีรวมทั้งหมดของประเทศ และมีสัดส่วนร้อยละ 30 ของยอดการส่งออกของประเทศ หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านบาท โดยส่งออกไปยังตลาดสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐ ผมจึงต้องให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีเป็นอย่างมาก เพื่อให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีความเจริญก้าวหน้าในภาวะที่เศรษฐกิจมีความเปลี่ยนแปลง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
นายประดิษฐ์ คาดว่าภายในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้เอสเอ็มอีและผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อรองรับวิกฤตการเงินโลกและสถานการณ์การเมือง หลังจากภาคธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางกระทรวงการคลังเห็นว่า ต้องเดินหน้าโครงการดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขณะนี้ สำหรับงบประมาณสินเชื่อที่จะปล่อยให้เอสเอ็มอี ได้เตรียมหารือกับนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะว่าอัตราที่เหมาะสมในการปล่อยกู้ให้เอสเอ็มอีจะอยู่ที่เท่าไร ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป
