สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ เสริมเกราะป้องวิกฤติ เติมเต็มกลยุทธเด็ด หวังผู้ประกอบการฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจซบ อย่างปลอดภัย
ร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ถึงแม้เป้าหมายของการส่งออกในปี 2552 เบื้องต้นจะขยายตัวเพียง10 % ซึ่งมีผลพวงมาจากวิกฤตเศรษฐกิจการเงินสหรัฐฯ แต่วิกฤตการณ์ดังกล่าวอาจจะกระทบกับภาคการส่งออกไม่มากนัก เนื่องจากกรมส่งเสริมการส่งออกได้พยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการส่งออกให้เข้าไปเจาะตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น เพราะตลาดเหล่านี้ยังมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทย อีกทั้งตลาดเอเชียยังเป็นตลาดที่ต้อนรับสินค้าจากประเทศไทยเป็นอย่างดี ทำให้คาดว่าเป้าหมายการส่งออกในปี 52 จึงคาดว่าน่าจะทำได้ตามคาด
ทั้งนี้จากสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่รุมล้อมผู้ประกอบการทั้งจากภายในประเทศที่มีปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่มั่นคง รวมไปถึงปัญหาจากภายนอกประเทศ ที่มีผลทำให้การส่งออกอยู่ในภาวะชะลอตัว สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้จัดฝึกอบรม “กลยุทธ์การตลาดเพื่อการส่งออก” ระหว่างวันที่ 16-17 ธ.ค.นี้ เพื่อต้องการมุ่งเน้นให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้รับความรู้ที่จำเป็นในการดำเนินการตลาดเพื่อการส่งออก และเสริมสร้างทักษะในการดำเนินงานตลอดจนสามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างได้ผลในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อการส่งออกต่อไป
ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวอีกว่า การส่งออกที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญ ทักษะ และเทคนิคในการทำการตลาด ให้เกิดความหลากหลาย ตลอดจนต้องเพิ่มระดับความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ดังนั้น บริษัทผู้ประกอบการส่งออกทั้งหลายต้องพยายามสร้างจุดแข็งให้กับตนเอง เพื่อมีความแตกต่างกับแข่งขัน โดยเน้นที่คุณภาพ ความหลากหลายของสินค้า ความสะดวก ความรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความพึงพอใจต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง สำหรับตลาดส่งออก คือ ข้อมูลที่เหมาะสมเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ และอิทธิพลในตลาดของประเทศนั้นๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการตลาดเพื่อการส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ถึงแม้เป้าหมายของการส่งออกในปี 2552 เบื้องต้นจะขยายตัวเพียง10 % ซึ่งมีผลพวงมาจากวิกฤตเศรษฐกิจการเงินสหรัฐฯ แต่วิกฤตการณ์ดังกล่าวอาจจะกระทบกับภาคการส่งออกไม่มากนัก เนื่องจากกรมส่งเสริมการส่งออกได้พยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการส่งออกให้เข้าไปเจาะตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น เพราะตลาดเหล่านี้ยังมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทย อีกทั้งตลาดเอเชียยังเป็นตลาดที่ต้อนรับสินค้าจากประเทศไทยเป็นอย่างดี ทำให้คาดว่าเป้าหมายการส่งออกในปี 52 จึงคาดว่าน่าจะทำได้ตามคาด
ทั้งนี้จากสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่รุมล้อมผู้ประกอบการทั้งจากภายในประเทศที่มีปัญหาทางการเมืองที่ยังไม่มั่นคง รวมไปถึงปัญหาจากภายนอกประเทศ ที่มีผลทำให้การส่งออกอยู่ในภาวะชะลอตัว สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ จึงได้จัดฝึกอบรม “กลยุทธ์การตลาดเพื่อการส่งออก” ระหว่างวันที่ 16-17 ธ.ค.นี้ เพื่อต้องการมุ่งเน้นให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้รับความรู้ที่จำเป็นในการดำเนินการตลาดเพื่อการส่งออก และเสริมสร้างทักษะในการดำเนินงานตลอดจนสามารถนำไปสู่การปฏิบัติอย่างได้ผลในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อการส่งออกต่อไป
ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวอีกว่า การส่งออกที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญ ทักษะ และเทคนิคในการทำการตลาด ให้เกิดความหลากหลาย ตลอดจนต้องเพิ่มระดับความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ดังนั้น บริษัทผู้ประกอบการส่งออกทั้งหลายต้องพยายามสร้างจุดแข็งให้กับตนเอง เพื่อมีความแตกต่างกับแข่งขัน โดยเน้นที่คุณภาพ ความหลากหลายของสินค้า ความสะดวก ความรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองความพึงพอใจต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง สำหรับตลาดส่งออก คือ ข้อมูลที่เหมาะสมเกี่ยวกับตลาดต่างประเทศ และอิทธิพลในตลาดของประเทศนั้นๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการตลาดเพื่อการส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
